ทำอย่างไรดี เมื่อคนในครอบครัวเป็นโรคทางจิต แต่ไม่รู้ตัว

เรื่องมันมีอยู่ว่า ผู้หญิงคนหนึ่งเสพกัญชามาตั้งแต่อายุ 14 ปี ได้ลองเสพยาเสพติดอื่นๆ ไปบ้าง แต่ที่เป็นหลักคือกัญชา
จนมาวันหนึ่งเธอพบว่าสามีที่เธอรักมาก และคิดว่าผู้ชายคนนี้ดีที่สุดในชีวิตได้ทรยศเธอ มีเมียน้อยมากมายหลายคน แม้กระทั่งเพื่อนสนิทเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น
สภาพจิตใจอ่อนแอ ไม่กิน ไม่นอน หลังจากนั้นก็เริ่มมีอาการทางจิตตามมา เธอเชื่อว่าเธอเป็นผู้ส่งสารของพระพุทธเจ้า ร่างทรงต่างๆ
ใช้เงินจับจ่ายซื้อหินมาร้อยเป็นสร้อยตามสีของพระพุทธรูป หมดเงินไปหลายแสน อีกทั้งเธอชอบท่องเที่ยวในที่หรูหราเวลามีอาการทางจิตทำให้สูญเงินไปมากมาย

กิจการที่เป็นธุรกิจหลักจุนเจือครอบครัวก็ปิดชั่วคราว เพราะจะเปลี่ยนเป็นร้านหิน เธอเริ่มด่าพ่อ ด่าแม่ ทุกคนในครอบครัว ด้วยเรื่องโกงเงิน โกงที่ต่างๆ ที่ไม่มีมูลความเป็นจริง ธทำให้ทุกคนในครอบครัวทุกทรมาน จากนั้นเธอก็เริ่มพิมพ์เรื่องราวต่างๆของเธอและครอบครัว รวมทั้งเรื่องทางศาสนาที่ไม่ค่อยมีเหตุมีผล เป็นร้อยๆ หน้า แล้วถ่ายเอกสารแจกทุกคนที่เธอรู้จัก และไม่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารต่างๆ ที่เธอเคยไปกินหรือพนักงานตามร้านค้าที่เคยไปซื้อ เอใช้เงินจนหมดตัว เป็นหนี้บัตรเครดิตหลายแสน ก็เริ่มขอเงินจากคนที่รู้จัก เป็นเงินบริจาค ตามร้านอาหารที่เคยไปอีกนั่้นแหละ มีการทำพิธีเบิกตาพระพุทธรูปและอื่นๆ เสียเงินเสียทองไปมากมาย
จนกระทั่งคนในครอบครัวตัดช่องทางการเข้าถึงเงินเพื่อจะบังคับให้เธอกลับบ้าน จนสุดท้ายเธอเข้ารับการรักษา หมอระบุว่ามีอาการทางจิต เธอนอนโรงพยาบาลอยู่ไม่กี่อาทิตย์ ก็ออกมา แต่ไม่ยอมกินยาตามที่หมอสั่ง เธอไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังป่วย พลางคิดไปในแง่ร้ายว่าคนที่บ้านอยากได้สมบัติของเธอ(ที่มันไม่มีอยู่จริง) อีกทั้งยังกลับมาสูบกัญชาเหมือนเดิม ทั้งๆที่หมอห้ามไม่ให้สูบบุหรี่ด้วยซ้ำ
ทำให้เหตุการณ์เดิมๆ มีอาการทางจิตนี้กลับมาอีก ในครั้งที่สองนี้ หมอบอกว่าหากเธอไม่กินยาให้ครบ 5 ปี ครั้งหน้าเป็นอีก เธอจะต้องกินยาตลอดชีวิต

และด้วยวัยอายุ 44 ปี อาการของเธอก็กลับมาอีกเป็นครั้งที่ 3 เริ่มจากการคลั่งเฟซบุค ใครไม่ไลค์ก็จะโกรธ ถ้าลูกน้องในร้านไม่กดไลค์ ก็ขู่จะไล่ออก เธอเริ่มจากการออกท่องเที่ยว เข้าพักตามโรงแรมหรู พูลวิลล่าต่างๆ อ้างว่าที่บ้านไม่มีความสะดวกสบาย แอร์เสียบ้าง น้ำไม่แรงบ้าง เลยต้องออกไปอยู่ที่อื่น หลังจากนั้นอาการก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เธอเริ่มโพสเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าอีกครั้ง บอกว่าตนเองเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลงมาสั่งสอนทุกคนบนโลกนี้

บางครั้งก็เป็นร่างทรงให้ปู่ทวด ย่าทวด มาพิมพ์ด่าพ่อกับแม่ของตัวเองในเฟซบุค ด้วยคำหยาบคาย ด่าน้องตัวเองให้เสียหาย ด่าทุกคนที่ไม่ร่วมให้เงินบริจาค ด่าลูกค้า แฉความลับที่ตัวเองแต่งเติมสีสันให้คนรู้จัก หรือรู้จักทางข่าว หนังสือพิมพ์ให้ได้รับความเสียหาย ด่าวัด ด่าสถาบันเบื้องสูงทางเฟซบุคและแชร์ไปทั่ว จนทำให้ต้องแฮคเฟซบุคเธอไปลบ เพราะเกรงว่าตำรวจจะจับได้
นอกจากจะคลั่งไปแนวศาสนา ร่างทรง ด่าว่าผู้อื่น เธอก็ยังบริจาคเงินของตัวเองทั้งหมด เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนยากไร้ โดยที่ไม่คำนึงถึงว่าเธอยังมีค่าใช้จ่าย หนี้สินที่ไม่ได้จ่าย ค่าร้าน ค่าบ้าน ค่ารถ แค่นั้นยังไม่พอ บัตรเครดิตก็ได้นำออกมาใช้จนครบวงเงินสองแสนอีกด้วย

ลูกเต้าก็ไล่ออกจากบ้านไปหมด เพราะไม่ได้ดั่งใจ ส่วนลูกชายคนเล็กยังเรียนอยู่ แต่เรียนไม่เก่งเพราะไม่ค่อยมีคนดูแลสั่งสอน เธอก็เสนอให้ลูกฟังว่าถ้าไม่อยากเรียนก็ให้ออกมาเลย ไม่ต้องเรียน พาแฟนมานอนอยู่บ้าน เธอจะเลี้ยงเอง ซึ่งเป็นอะไรที่คนในครอบครัวกังวลมาก
ตอนนี้เธอผอมมาก เพราะไม่กินไม่นอน ทางครอบครัวคิดว่าเธอจะทรุดเข้าโรงพยาบาลเร็วๆนี้แน่นอน

คราวนี้คำถามมันมีอยู่ว่า
- ถ้าพาไปโรงพยาบาลคราวนี้ ทางบ้านอยากให้อยู่ยาว ให้กินยาไปจนกว่าจะหาย เพราะถ้าไม่อยู่ที่โรงพยาบาล เขาคงไม่กินยา
ไม่ทราบว่าโรงพยาบาลรัฐบาลเช่น รพ.สมเด็จเจ้าพระยา หรือศรีธัญญา มีเกณฑ์แอดมิดคนไข้อย่างไรบ้าง และถ้าคนไข้ไม่เชื่อว่าตัวเองกำลังป่วย จะพาไปอย่างไรดี ตอนนี้เขาพอรู้ตัวว่าครอบครัวกำลังตามหาตัวมาพาเข้ารักษาอยู่ ก็ด่าว่าทางเฟซบุค ว่าเขาไม่บ้า แต่คนในครอบครัวจะพาเข้าโรงพยาบาลเพราะอยากได้เงิน อยากได้ธุรกิจเขา และเขาก็ไม่ยอมกลับบ้านด้วย
- เขาเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่สองแสน เต็มวงเงินแล้ว ทางครอบครัวอยากจะยกเลิกบัตรก่อนและจะได้ชำระค่าบัตรเครดิต เพราะกลัวว่าถ้าไม่ยกเลิก พอจ่ายให้เขาก็จะใช้บัตรได้อีก ไม่ทราบว่าคนที่ไม่ใช่่เจ้าของบัตรสามารถยกเลิกได้ไหม หรือทำยังไงได้บ้าง
- แนบรูปของโพสที่เขาโพส ไม่ทราบว่าคนอื่นๆ แค่อ่านโพสแบบนี้ พอทราบไหม ว่าเขามีอาการทางจิต [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่