(เล่าแบบย่อๆน่ะ เรื่องมันยาวมากจริงๆ)
เรากับเค้าไม่ได้เป็นแฟนกันหรอก...แต่เราเป็นฝ่ายที่ชอบเค้า ชอบมานานมาก มากกว่า 7ปี
แต่ก่อนเราเรียนอยู่ ร.ร เดียวกัน เค้าเป็นรุ่นพี่เราปีนึง เค้าไม่เคยรู้ตัวหรอกว่าเราชอบเค้าอ่ะ จนเมื่อเค้าจบ ม ปลายไปต่อมหาลัย
เราก็คิดว่าถ้าไม่ได้เจอเค้าแล้วความรู้สึกเราก็คงหมดไป แต่ป่าวเลย เราก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน แบบเรายังมีความรู้สึกว่ายากคุยกับเค้าอยู่
แต่ก่อนเล่น เอ็มเอสเอ็น เค้าออนทีไรเราก็เข้าไปทักทุกที ก็ไม่ได้คุยไรกันนานมากเพราะเค้าไม่ค่อยเป็นคนโซเชียลเท่าไหร่
จนตอนเค้าอยู่ปี2เค้าก็ไปเรียนเมืองนอก เหมือนเราก็ยิ่งห่างๆกันเข้าไปใหญ่(ทั้งที่ปกติก็ห่างอยู่แล้ว) แต่ก็มีskypeคุยกันบ้างนานๆที
เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนคุยไม่เก่งเค้าเลยไม่ชอบคุยพวกโทรศัพย์อะไรแบบนั้นเท่าไหร่ (อันนี้เราก็รู้ดีน่ะ เพราะเพื่อนเค้าก็ชอบบ่นก่ะเค้าเสมอ แบบ
ทำไมไม่ค่อยพกโทรศัพย์บ้าง) ถ้าเป็น line ก็แบบผ่านไปวันนึงแล้วมาตอบอ่ะ ฮ่าๆ ตอนนี้เค้าก็อยู่ต่างประเทศกลับมาปีล่ะครั้ง เราก็ได้เจอกัน
ทุกปีปีล่ะครั้ง = =" แต่มันก็เป็นความรู้สึกดีๆที่ได้เจอกันน่ะ ด้วยความที่เราเป็นคนตรงๆเราก็เลยบอกเค้าว่าเราอ่ะชอบเค้ามานานมากล่ะ ถ้านับก็
ปีนี้ปีที่เก้าแล้ว เค้าก็ยกนิ้วขึ้นมานับ แล้วก็พยักหน้า
แล้วก็อมยิ้มนิดหน่อย (ย้อนนิดนึงน่ะ เราเคยบอกว่าเราชอบเค้าไปครั้งนึงแล้ว ก่อนครั้งนี้1ปี ตอนนั้นเค้าตอบกลับมาแค่ ขอบคุณครับ)
เราถามเค้าว่าตอนนี้เค้ามีแฟนไม๊? เค้าบอกว่าเคยมีก่อนหน้านี้(ที่เมืองนอก)แต่เลิกกันแล้ว เราก็ไม่อยากจะถามเยอะว่าทำไมถึงเลิก
เเล้วเค้าก็พูดประมานว่าตอนนี้เค้าเรียนใกล้จบแล้วเค้าอยากใช้เวลากับเพื่อนเยอะๆเพราะเดี๋ยวถ้าเรียนจบต่างคนก็ต่างย้ายกลับไปประเทศของ
ตัวเอง เค้าก็อาจจะต้องกลับไทย เค้าเลยอยู่แต่กับเพื่อนๆ
ซึ่งเราก็พอเข้าใจน่ะถ้าเค้าพูดขึ้นมาซะขนาดนี้อ่ะ เราก็เลยไม่ได้พูดไรต่อ ก็แค่อืมๆเฉยๆ
แล้วเค้าก็ถามว่าทำไมหรอ? เราเลยบอกว่าป่าวหรอกก็แค่ตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้เราก็ยังชอบพี่อยู่เลย เราก็ไม่รู้ว่าทำไม ถึงแม้จะไม่ค่อยได้คุย
ไม่ค่อยได้เจอ แต่ความรู้สึกดีๆมันยังเหมือนเดิมตลอด แล้วเค้าก็พูดขึ้นมาว่า เรารู้จักเค้าดีแล้วหรอ? เราเลยบอกว่า ก็ถ้าเรามีโอกาสได้คุย ได้
เจอกันมากกว่านี้มันก็คงดี แต่เหมือนโอกาสนั้นมันยังไม่มีเลย พอเราพูดจบเค้าก็พูดขึ้นมาว่า เชื่อในพรหมลิขิตไหม?
เราก็เงียบๆไม่ได้พูดไร แต่ในใจเราก็คิดว่ามันก็เหมือนการปฏิเสธแบบสุภาพ....(หรือเปล่า)
มีอยู่ครั้งนึงที่เราถักผ้าพันคอ แล้วถ่ายรูปลงเฟส เค้าก็ยังมาเม้นประมาณว่า สวยจัง เก่งจัง เค้าชอบ เราก็เลยบอกว่าอยากได้ไหมเดี๋ยวเราทำให้
เค้าจะได้เอาไว้ใช้ที่เมืองนอกตอนหน้าหนาว เค้าก็บอกว่าเกรงใจอ่า เราเลยบอกว่าถ้าเราทำแล้วพี่เอาไปใช้จริงๆไม่ได้วางไว้เฉยๆแบบเสียน้ำใจ
คนทำอ่ะ เราก้จะทำให้ เค้าก็บอกว่าถ้าทำให้เค้าก็จะใช้ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่เราก็ทำให้(เราไม่ได้บอกเค้าเพราะเราตั้งใจเซ
อไพรท์ สำหรับเรามันไม่ได้ลำบากอ่ะ แล้วเมื่อต้นปีที่เค้ากลับมาเราก็ให้เค้า เค้าก็เอาไปพันคอเล่น เราเห็นแล้วก็รู้สึกดีน่ะ แบบเหมือนเค้าก็
ดูจะชอบมันอ่ะ ส่วนเค้าก็เป็นปีแรกที่เค้าซื้อของมาฝากเราเหมือนกันเราก็แปลกใจเพราะเจอกัน2ครั้งไม่เคยมีของฝาก แต่ทุกครั้งที่เจอกัน
ส่วนใหญ่เราชอบหาร้านอาหารอร่อยๆแล้วชวนเค้าไปกิน เค้าก็ชอบออกค่าอาหารให้ตลอดทั้งๆที่เราก็บอกว่าไม่เป็นไร บอกว่าแชร์ๆกันเค้าก็ไม่
ยอม บางทีเราคิดว่าเราก็มีความสุขดีกับสิ่งที่เป็นอยู่น่ะ ก่อนหน้านี้ที่เราเคยมีแฟนแล้วเราอกหัก เค้าก็ปลอบใจเรา คอยให้กำลังใจ บางทีเรามี
เรื่องไม่สบายใจเค้าก็เป็นที่ปรึกษาให้กับเราไม่ว่าเรื่องเพื่อน เรื่องเรียน ถึงแม้ตอนนี้จะอยู่ในวัยทำงานแล้วเราก็ยังคุยกับเค้าอยู่ ถึงแม้มันจะน้อย
มากก็ตามแต่เราไม่เคยรู้สึกว่าเค้าหายไปไหนเลย เค้ายังโผล่มาทางเฟสบุ๊คบ้างตอนเราโพสบางทีเค้าก็มา like บางทีก็คอมเม้น ไม่รู้สิเราบอก
ความรู้สึกไม่ถูก เราสบายใจและมีความสุขดีกับแบบนี้ แต่แบบถ้าความสัมพันธ์มันสนิทกันได้มากกว่านี้ก็คงดี เค้าไม่ใช่คนหล่ออะไรมากมาย
แต่เราชอบเค้าที่ความคิด ชอบเค้าในสิ่งที่เค้าเป็นอยู่ จากที่เรารู้จักเค้ามาตั้ง9ปี เรารู้สึกว่าเค้าโอเคกับเราน่ะ ^^ รอดูต่อไปว่าพรหมลิขิต
จะทำอย่างไรต่อไปกับเรื่องของเรากับเค้า เราเคยถามเค้าว่าสเป็กพี่เป็นไงหรอ เค้าบอกว่า ชอบ ผญ ขาว ผมยาว เล่นเปียโนเป็น
ตอนนั้นเราเผลอพูดออกมาว่า เห้ย ก็ตรงกับเราหมดเลยนิ แล้วเค้าก็ขำกร๊ากมาก เราก็ขำที่เผลอหลุดพูดไปแบบนั้น แต่มันก็ตลกดี เพราะสิ่งที่
เค้าชอบมันก็ตรงกับเราจริงๆ ถ้าคนมันจะใช่ก็ใช่เองแระเนอะ
ปล.บ่นยาวมากกกกกกกกกกกกกก นั่งพิมไปก็คิดถึงคนที่เราเขียนถึงเหมือนกันน่ะเนี้ย
เค้าพูดว่า "เชื่อในพรหมลิขิตไหม" แปลว่า?
เรากับเค้าไม่ได้เป็นแฟนกันหรอก...แต่เราเป็นฝ่ายที่ชอบเค้า ชอบมานานมาก มากกว่า 7ปี
แต่ก่อนเราเรียนอยู่ ร.ร เดียวกัน เค้าเป็นรุ่นพี่เราปีนึง เค้าไม่เคยรู้ตัวหรอกว่าเราชอบเค้าอ่ะ จนเมื่อเค้าจบ ม ปลายไปต่อมหาลัย
เราก็คิดว่าถ้าไม่ได้เจอเค้าแล้วความรู้สึกเราก็คงหมดไป แต่ป่าวเลย เราก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน แบบเรายังมีความรู้สึกว่ายากคุยกับเค้าอยู่
แต่ก่อนเล่น เอ็มเอสเอ็น เค้าออนทีไรเราก็เข้าไปทักทุกที ก็ไม่ได้คุยไรกันนานมากเพราะเค้าไม่ค่อยเป็นคนโซเชียลเท่าไหร่
จนตอนเค้าอยู่ปี2เค้าก็ไปเรียนเมืองนอก เหมือนเราก็ยิ่งห่างๆกันเข้าไปใหญ่(ทั้งที่ปกติก็ห่างอยู่แล้ว) แต่ก็มีskypeคุยกันบ้างนานๆที
เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนคุยไม่เก่งเค้าเลยไม่ชอบคุยพวกโทรศัพย์อะไรแบบนั้นเท่าไหร่ (อันนี้เราก็รู้ดีน่ะ เพราะเพื่อนเค้าก็ชอบบ่นก่ะเค้าเสมอ แบบ
ทำไมไม่ค่อยพกโทรศัพย์บ้าง) ถ้าเป็น line ก็แบบผ่านไปวันนึงแล้วมาตอบอ่ะ ฮ่าๆ ตอนนี้เค้าก็อยู่ต่างประเทศกลับมาปีล่ะครั้ง เราก็ได้เจอกัน
ทุกปีปีล่ะครั้ง = =" แต่มันก็เป็นความรู้สึกดีๆที่ได้เจอกันน่ะ ด้วยความที่เราเป็นคนตรงๆเราก็เลยบอกเค้าว่าเราอ่ะชอบเค้ามานานมากล่ะ ถ้านับก็
ปีนี้ปีที่เก้าแล้ว เค้าก็ยกนิ้วขึ้นมานับ แล้วก็พยักหน้า
แล้วก็อมยิ้มนิดหน่อย (ย้อนนิดนึงน่ะ เราเคยบอกว่าเราชอบเค้าไปครั้งนึงแล้ว ก่อนครั้งนี้1ปี ตอนนั้นเค้าตอบกลับมาแค่ ขอบคุณครับ)
เราถามเค้าว่าตอนนี้เค้ามีแฟนไม๊? เค้าบอกว่าเคยมีก่อนหน้านี้(ที่เมืองนอก)แต่เลิกกันแล้ว เราก็ไม่อยากจะถามเยอะว่าทำไมถึงเลิก
เเล้วเค้าก็พูดประมานว่าตอนนี้เค้าเรียนใกล้จบแล้วเค้าอยากใช้เวลากับเพื่อนเยอะๆเพราะเดี๋ยวถ้าเรียนจบต่างคนก็ต่างย้ายกลับไปประเทศของ
ตัวเอง เค้าก็อาจจะต้องกลับไทย เค้าเลยอยู่แต่กับเพื่อนๆ
ซึ่งเราก็พอเข้าใจน่ะถ้าเค้าพูดขึ้นมาซะขนาดนี้อ่ะ เราก็เลยไม่ได้พูดไรต่อ ก็แค่อืมๆเฉยๆ
แล้วเค้าก็ถามว่าทำไมหรอ? เราเลยบอกว่าป่าวหรอกก็แค่ตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้เราก็ยังชอบพี่อยู่เลย เราก็ไม่รู้ว่าทำไม ถึงแม้จะไม่ค่อยได้คุย
ไม่ค่อยได้เจอ แต่ความรู้สึกดีๆมันยังเหมือนเดิมตลอด แล้วเค้าก็พูดขึ้นมาว่า เรารู้จักเค้าดีแล้วหรอ? เราเลยบอกว่า ก็ถ้าเรามีโอกาสได้คุย ได้
เจอกันมากกว่านี้มันก็คงดี แต่เหมือนโอกาสนั้นมันยังไม่มีเลย พอเราพูดจบเค้าก็พูดขึ้นมาว่า เชื่อในพรหมลิขิตไหม?
เราก็เงียบๆไม่ได้พูดไร แต่ในใจเราก็คิดว่ามันก็เหมือนการปฏิเสธแบบสุภาพ....(หรือเปล่า)
มีอยู่ครั้งนึงที่เราถักผ้าพันคอ แล้วถ่ายรูปลงเฟส เค้าก็ยังมาเม้นประมาณว่า สวยจัง เก่งจัง เค้าชอบ เราก็เลยบอกว่าอยากได้ไหมเดี๋ยวเราทำให้
เค้าจะได้เอาไว้ใช้ที่เมืองนอกตอนหน้าหนาว เค้าก็บอกว่าเกรงใจอ่า เราเลยบอกว่าถ้าเราทำแล้วพี่เอาไปใช้จริงๆไม่ได้วางไว้เฉยๆแบบเสียน้ำใจ
คนทำอ่ะ เราก้จะทำให้ เค้าก็บอกว่าถ้าทำให้เค้าก็จะใช้ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่เราก็ทำให้(เราไม่ได้บอกเค้าเพราะเราตั้งใจเซ
อไพรท์ สำหรับเรามันไม่ได้ลำบากอ่ะ แล้วเมื่อต้นปีที่เค้ากลับมาเราก็ให้เค้า เค้าก็เอาไปพันคอเล่น เราเห็นแล้วก็รู้สึกดีน่ะ แบบเหมือนเค้าก็
ดูจะชอบมันอ่ะ ส่วนเค้าก็เป็นปีแรกที่เค้าซื้อของมาฝากเราเหมือนกันเราก็แปลกใจเพราะเจอกัน2ครั้งไม่เคยมีของฝาก แต่ทุกครั้งที่เจอกัน
ส่วนใหญ่เราชอบหาร้านอาหารอร่อยๆแล้วชวนเค้าไปกิน เค้าก็ชอบออกค่าอาหารให้ตลอดทั้งๆที่เราก็บอกว่าไม่เป็นไร บอกว่าแชร์ๆกันเค้าก็ไม่
ยอม บางทีเราคิดว่าเราก็มีความสุขดีกับสิ่งที่เป็นอยู่น่ะ ก่อนหน้านี้ที่เราเคยมีแฟนแล้วเราอกหัก เค้าก็ปลอบใจเรา คอยให้กำลังใจ บางทีเรามี
เรื่องไม่สบายใจเค้าก็เป็นที่ปรึกษาให้กับเราไม่ว่าเรื่องเพื่อน เรื่องเรียน ถึงแม้ตอนนี้จะอยู่ในวัยทำงานแล้วเราก็ยังคุยกับเค้าอยู่ ถึงแม้มันจะน้อย
มากก็ตามแต่เราไม่เคยรู้สึกว่าเค้าหายไปไหนเลย เค้ายังโผล่มาทางเฟสบุ๊คบ้างตอนเราโพสบางทีเค้าก็มา like บางทีก็คอมเม้น ไม่รู้สิเราบอก
ความรู้สึกไม่ถูก เราสบายใจและมีความสุขดีกับแบบนี้ แต่แบบถ้าความสัมพันธ์มันสนิทกันได้มากกว่านี้ก็คงดี เค้าไม่ใช่คนหล่ออะไรมากมาย
แต่เราชอบเค้าที่ความคิด ชอบเค้าในสิ่งที่เค้าเป็นอยู่ จากที่เรารู้จักเค้ามาตั้ง9ปี เรารู้สึกว่าเค้าโอเคกับเราน่ะ ^^ รอดูต่อไปว่าพรหมลิขิต
จะทำอย่างไรต่อไปกับเรื่องของเรากับเค้า เราเคยถามเค้าว่าสเป็กพี่เป็นไงหรอ เค้าบอกว่า ชอบ ผญ ขาว ผมยาว เล่นเปียโนเป็น
ตอนนั้นเราเผลอพูดออกมาว่า เห้ย ก็ตรงกับเราหมดเลยนิ แล้วเค้าก็ขำกร๊ากมาก เราก็ขำที่เผลอหลุดพูดไปแบบนั้น แต่มันก็ตลกดี เพราะสิ่งที่
เค้าชอบมันก็ตรงกับเราจริงๆ ถ้าคนมันจะใช่ก็ใช่เองแระเนอะ
ปล.บ่นยาวมากกกกกกกกกกกกกก นั่งพิมไปก็คิดถึงคนที่เราเขียนถึงเหมือนกันน่ะเนี้ย