ปตท ต้องเจอแบบนี้ตอนทำน้ำมันรั่วในออสเตรเลีย

กระทู้สนทนา
ศูนย์ข่าวอาร์เอสยูนิวส์ / 30 ก.ค. 2556 ขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตน้ำมันรั่วไหลครั้งใหญ่ที่จังหวัดระยอง จนหลายฝ่ายเริ่มออกมาพูดถึงการฟ้องร้องเสียหายและการจ่ายค่าชดเชยกับโศกนาฏกรรมสิ่งแวดล้อมทางทะเลครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัท ปตท.เคยเผยกับปัญหาน้ำมันดิบรั่วไหลและถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมาแล้ว จนเป็นเหตุให้ต้องจ่ายค่าชดเชยมูลค่ามหาศาล

กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เดือนสิงหาคม 2555 โดยน้ำมันดิบปริมาณหลายพันบาร์เรลได้เกิดการรั่วไหลจากแท่นขุดเจาะเวสต์ แอตลาส ของบริษัท พีทีทีอีพี ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.ส.ผ. ของไทย ทะลักลงสู่แปลงขุดเจาะน้ำมันดิบมอนทาราในทะเลติมอร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย เป็นเวลานานเกือบ 10 สัปดาห์ ระหว่างปลายเดือน ส.ค. ถึงต้นเดือน พ.ย. 2552 ทำให้เกิดคราบน้ำมันลอยเป็นแพ เป็นวงกว้างกินพื้นที่เกือบ 90,000 ตารางกิโลเมตร โดยคราบน้ำมันส่วนหนึ่งลอยถึงน่านน้ำของอินโดนีเซีย

จนกระทั่ง วันที่ 30 สิงหาคม 2555 บริษัท พีทีทีอีพี ออสเตรเลีย ตัดสินใจให้การยอมรับผิดต่อศาลแขวงดาร์วิน ของออสเตรเลีย ใน 4 ข้อกล่าวหา รวมถึง ละเมิดกฎหมายขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง (Offshore Petroleum Act) ในกรณีที่ไม่ดำเนินมาตรการที่เหมาะสมอย่างครบถ้วน เพื่อป้องกันการรั่วไหลของน้ำมันดิบจากแท่นขุดเจาะ และทำให้คนงานบนแท่นเสี่ยงอันตราย

ทั้งนี้คณะกรรมการไต่สวนของรัฐบาลออสเตรเลีย ตำหนิการรั่วไหลเกิดจากความบกพร่องอย่างแพร่หลายและเป็นระบบของ พีทีทีอีพี ซึ่งเหตุการณ์เดียวกันนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียได้ยื่นฟ้องเรียกค่าชดเชย และค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับแนวหินปะการังและการประมง จำนวน 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 76,800 ล้านบาท) ส่วนออสเตรเลีย การยอมรับผิดต่อศาล คาดว่า พีทีทีอีพี จะถูกปรับเป็นเงินกว่า 1 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (มากกว่า 33 ล้านบาท) นอกจากนี้บริษัท พีทีทีอีพี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ปตท. ยังต้องจ่ายเงิน 40-50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เพื่อเป็นค่าชำระล้างคราบน้ำมันที่รั่วไหล

ซึ่งกรณีดังกล่าวถือเป็นการลงโทษที่ทำให้ ปตท.ต้องจ่ายค่าชดเชยเป็นมูลค่ามหาศาลสำหรับกรณีน้ำมันรั่วไหล ในขณะที่กรณีน้ำมันรั่วที่เกิดขึ้นในประเทศไทยคงต้องรอว่าใครจะรับอาสาเป็นเจ้าภาพเพื่อฟ้องร้องต่อกรณีดังกล่าว

ข้อมูลจาก : http://www.dailynews.co.th/world/152557
- See more at: http://www.rsunews.net/index.php/news/detail/8102#sthash.VyjpuS5i.dpuf
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่