เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม นายขจร มุกมีค่า ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี เปิดเผยว่า จากการที่สำนักศิลปากรได้นำชิ้นส่วนหินที่อดีตหลวงปู่เณรคำอ้างว่าเป็นหินหยก นำมาสร้างพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก ณ สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมมาตรวจสอบ ขณะนี้คณะผู้วิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งมีนายอุดม ทิพราช เป็นหัวหน้าคณะได้ส่งผลการตรวจสอบโดยใช้เทคนิคทางวิทยาศาสตร์ของหินดังกล่าวมาให้แล้ว พบว่าหินนี้ไม่ใช่หยก
ได้มีการนำไปเผาไฟ ปรากฏว่าหินชนิดนี้ถูกทำลายด้วยไฟ และยังพบว่าเมื่อนำมาทำปฏิกิริยากับกรด ได้เกิดฟองก๊าซและมีเกิดการกัดกร่อนอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้เมื่อนำไปขูดหรือขัดด้วยกระจกและโลหะ หินตัวอย่างเกิดร่องและสึกหรอได้ง่าย แสดงให้เห็นว่าหินชนิดนี้
ไม่มีคุณสมบัติของหยก แต่มีลักษณะคล้ายหินอ่อนและหินปูนมากกว่า หากเป็นหินหยกแท้จะไม่เกิดปฏิกิริยาดังกล่าวข้างต้น
“กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ประสานมายังสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ให้ช่วยสรุปผลการตรวจสอบหินที่อ้างว่าเป็นหยกทั้งหมดเพื่อนำไปประกอบการสืบสวนอดีตหลวงปู่เณรคำ ซึ่งผมได้ส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้ทางอธิบดีกรมศิลปากร และดีเอสไอรับทราบแล้ว”
รูป:ไทยรัฐ
สำนักศิลปากร 11 อุบลราชธานี เผยผลตรวจเบื้องต้นเนื้อพระแก้วมรกตจำลองที่สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมเป็นหินไม่ใช่หยก เผยถ้าเป็นหยกแท้ต้องโปร่งใสชัดเจน มีความเย็น พร้อมเตรียมส่งพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง
เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงานว่า นายขจร มุกมีค่า ผอ.สำนักศิลปากรที่ 11อุบลราชธานี เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบวัสดุที่ใช้ก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองที่สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมว่า หลังได้เก็บเศษวัสดุที่ใช้สร้างพระแก้วมรกตจำลองมาจำนวนหนึ่งมาตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบด้วยสายตาเบื้องต้นเห็นว่าวัสดุดังกล่าวเป็นเพียงหินชนิดหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่หยก เพราะลักษณะของหยกแท้เมื่อดูด้วยตาจะมีความใสโปร่งชัดเจน มองทะลุผ่านได้ เมื่อสัมผัสเนื้อจะรู้สึกเย็น แต่วัสดุที่ได้มาจากสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมเมื่อมองแล้วมีลักษณะทึบ เป็นแผ่นเล็กๆ เท่ากับกระเป๋าเงินแล้วนำมาต่อกันเป็นแผ่นๆ แต่เพื่อความชัดเจนจะส่งไปตรวจพิสูจน์ด้วยเทคนิควิธีทางวิทยาศาสตร์ที่สถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีอีกครั้ง
ส่วนเรื่องการขออนุญาตสร้างพระแก้วมรกตจำลองซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญที่ปรากฏตามบัญชีแนบท้ายระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ. 2520 นั้น ขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมแต่อย่างใด
Source – เว็บไซต์เดลินิวส์
ผอ.สำนักศิลปกรที่ 11 อุบลฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบพระแก้วมรกตจำลอง "เณรคำ" ระบุไม่ได้ขออนุญาตจัดสร้าง
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายขจร มุกมีค่า ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี และคณะ ได้เดินทางมาตรวจสอบองค์กระแก้วมรกตจำลอง ซึ่งพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำได้สร้างขึ้นมาภายในที่พักสงฆ์ วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ
นายขจร กล่าวว่า ที่เดินทางมาวันนี้เพื่อตรวจสอบดูการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองซึ่งมีข่าวออกมาอย่างแพร่หลายอยู่ในเวลานี้ ว่าการก่อสร้าง ไม่ได้ขออนุญาตให้ถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติ และการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ จึงได้มาตรวงสอบดูว่ารูปแบบของพระแก้วมรกตจำลองที่ว่านี้ถูกต้องตามพุทธลักษณะหรือไม่ ประกอบกับจริงแล้วคงต้องขยายผลถึงการตรวจสอบเนื้อวัสดุ หรือการทำเรื่องเพื่อขออนุญาตให้ถูกต้อง แต่วันนี้ยังไม่มีผู้แทนของวัดป่าขันติธรรมมาพูดคุยตอบคำถามได้
"ที่ลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำ เคยออกมาพูดว่า การขออนุญาตก่อสร้างนั้นขอทีหลังได้ คิดว่าเป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งการขออนุญาตสร้างพระแก้วมรกตจำลองตามบัญชีแนบท้ายระเบียบว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติ และการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พระแก้วมรกตมาเป็นอันดับที่ 1 เมื่อมีระเบียบมีอยู่ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง"นายขจร กล่าว
http://www.posttoday.com/กทม.-ภูมิภาค/ภาคอิสาน/233249/ศิลปากรยันพระแก้วเณรคำสร้างไม่ขออนุญาต/
ยุคของปลอมระบาด
กรมศิลป์เผยผลพิสูจน์หยกสร้างพระแก้วมรกตสมีคำของเก๊
ได้มีการนำไปเผาไฟ ปรากฏว่าหินชนิดนี้ถูกทำลายด้วยไฟ และยังพบว่าเมื่อนำมาทำปฏิกิริยากับกรด ได้เกิดฟองก๊าซและมีเกิดการกัดกร่อนอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้เมื่อนำไปขูดหรือขัดด้วยกระจกและโลหะ หินตัวอย่างเกิดร่องและสึกหรอได้ง่าย แสดงให้เห็นว่าหินชนิดนี้ไม่มีคุณสมบัติของหยก แต่มีลักษณะคล้ายหินอ่อนและหินปูนมากกว่า หากเป็นหินหยกแท้จะไม่เกิดปฏิกิริยาดังกล่าวข้างต้น
“กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ประสานมายังสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ให้ช่วยสรุปผลการตรวจสอบหินที่อ้างว่าเป็นหยกทั้งหมดเพื่อนำไปประกอบการสืบสวนอดีตหลวงปู่เณรคำ ซึ่งผมได้ส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้ทางอธิบดีกรมศิลปากร และดีเอสไอรับทราบแล้ว”
รูป:ไทยรัฐ
สำนักศิลปากร 11 อุบลราชธานี เผยผลตรวจเบื้องต้นเนื้อพระแก้วมรกตจำลองที่สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมเป็นหินไม่ใช่หยก เผยถ้าเป็นหยกแท้ต้องโปร่งใสชัดเจน มีความเย็น พร้อมเตรียมส่งพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง
เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงานว่า นายขจร มุกมีค่า ผอ.สำนักศิลปากรที่ 11อุบลราชธานี เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบวัสดุที่ใช้ก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองที่สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมว่า หลังได้เก็บเศษวัสดุที่ใช้สร้างพระแก้วมรกตจำลองมาจำนวนหนึ่งมาตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบด้วยสายตาเบื้องต้นเห็นว่าวัสดุดังกล่าวเป็นเพียงหินชนิดหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่หยก เพราะลักษณะของหยกแท้เมื่อดูด้วยตาจะมีความใสโปร่งชัดเจน มองทะลุผ่านได้ เมื่อสัมผัสเนื้อจะรู้สึกเย็น แต่วัสดุที่ได้มาจากสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมเมื่อมองแล้วมีลักษณะทึบ เป็นแผ่นเล็กๆ เท่ากับกระเป๋าเงินแล้วนำมาต่อกันเป็นแผ่นๆ แต่เพื่อความชัดเจนจะส่งไปตรวจพิสูจน์ด้วยเทคนิควิธีทางวิทยาศาสตร์ที่สถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีอีกครั้ง
ส่วนเรื่องการขออนุญาตสร้างพระแก้วมรกตจำลองซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญที่ปรากฏตามบัญชีแนบท้ายระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ. 2520 นั้น ขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมแต่อย่างใด
Source – เว็บไซต์เดลินิวส์
ผอ.สำนักศิลปกรที่ 11 อุบลฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบพระแก้วมรกตจำลอง "เณรคำ" ระบุไม่ได้ขออนุญาตจัดสร้าง
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายขจร มุกมีค่า ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี และคณะ ได้เดินทางมาตรวจสอบองค์กระแก้วมรกตจำลอง ซึ่งพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำได้สร้างขึ้นมาภายในที่พักสงฆ์ วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ
นายขจร กล่าวว่า ที่เดินทางมาวันนี้เพื่อตรวจสอบดูการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองซึ่งมีข่าวออกมาอย่างแพร่หลายอยู่ในเวลานี้ ว่าการก่อสร้าง ไม่ได้ขออนุญาตให้ถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติ และการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ จึงได้มาตรวงสอบดูว่ารูปแบบของพระแก้วมรกตจำลองที่ว่านี้ถูกต้องตามพุทธลักษณะหรือไม่ ประกอบกับจริงแล้วคงต้องขยายผลถึงการตรวจสอบเนื้อวัสดุ หรือการทำเรื่องเพื่อขออนุญาตให้ถูกต้อง แต่วันนี้ยังไม่มีผู้แทนของวัดป่าขันติธรรมมาพูดคุยตอบคำถามได้
"ที่ลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำ เคยออกมาพูดว่า การขออนุญาตก่อสร้างนั้นขอทีหลังได้ คิดว่าเป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งการขออนุญาตสร้างพระแก้วมรกตจำลองตามบัญชีแนบท้ายระเบียบว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติ และการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พระแก้วมรกตมาเป็นอันดับที่ 1 เมื่อมีระเบียบมีอยู่ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง"นายขจร กล่าว
http://www.posttoday.com/กทม.-ภูมิภาค/ภาคอิสาน/233249/ศิลปากรยันพระแก้วเณรคำสร้างไม่ขออนุญาต/
ยุคของปลอมระบาด