ศาลพิพากษาว่า.....ให้จำเลยโอนที่ดินโฉนด.....ซึ่งติดจำนองอยู่กับธนาคารกรุงไทยให้โจทก์โดยปลอดจำนอง
ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา

ข้อมูล...คดีดังกล่าวโจทก์(อดีตภรรยา)ฟ้องจำเลย(อดีตสามี) ให้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประยอมความที่ทำไว้
ในการเลิกอยู่กินกันอย่างสามีภรรยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส  โดยมีข้อตกลงว่า
สามีจะไถ่ถอนจำนองที่ดินในคดีดังกล่าวจากธนาคารและโอนให้แก่ภรรยา
แต่ไม่มีกำหนดเวลา และข้อบังคับในกรณีที่สามีไม่ปฏิบัติตามสัญญา
ต่อมา สามีผิดสัญญา ภรรยาจึงฟ้องคดี และศาลมีคำพิพากษาดังกล่าว
(สาเหตุที่ผิดสัญญาเพราะสามีมีปัญหาทางการเงินจริงๆ)

ปัจจุบัน....สามียังคงมีปัญหาด้านการเงิน บริษัทขาดทุน ที่ดินติดจำนองเป็นเงิน 1,200,000บาท  
จึงยังคงไม่โอนที่ดินให้ภรรยาตามคำพิพากษา ภรรยาจึงขอให้ศาลสั่งจับสามีมาคุมขังเพื่อบังคับให้ทำตามคำพิพากษา
แต่สามียืนยันพร้อมแสดงหลักฐานว่า ยังคงผ่อนขำระหนี้ให้แก่ธนาคารมาโดยตลอด. แต่ไม่มีเงินพอที่จะไถ่จำนองได้
ศาลจึงไม่สั่งคุมขังสามี. แต่สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า สามีโกหกศาลหรือไม่

ข้อปรึกษา.... ถ้าสามีไม่มีเงินจริง และไม่ได้จงใจไม่ทำตามคำพิพากษา
1.ศาลจะสั่งขังจำเลยเพื่อบังคับให้ทำตามำพิพากษาได้หรือไม่?
2.และหากศาลสั่งขัง จำเลยจะขอประกันตัวและอุทธรณ์คำสั่งได้หรือไม่?
3.ศาลจะสั่งให้จำเลยชำระเงินจำนวนหนึ่ง (ซึ่งอาจน้อยกว่าราคาที่ดิน)และกำหรดวิธีการเช่นให้ผ่อนชำระภายใน2ปีแทนการทำตามคำพิพากษา หากไม่ทำตามคำสั่งจะมีคำสั่งขังจำเลย ได้หรือไม่?

ขอขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
(ตอนนี้สามีซึ่งเป็นเพื่อนของผมกลุ้มใจมาก)