เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค. 2556 ที่ผ่านมาผมได้ไปซื้อตู้เย็นประตูเดียวที่โลตัส สาขาพระราม1 ด้วยความที่เพิ่งมาจากต่างจังหวัดและพักอาศัยอยู่หอพักจึงไม่ทราบว่าแถวไหนขายเครื่องใช้ไฟฟ้าบ้างและห้างดังกล่าวมีบริการส่งถึงที่จึงทำให้ผมตัดสินใจไปซื้อที่นั่น (นี่คือจุดเริ่มต้นของความพลาด)
ในวันนั้น(วันอาทิตย์)ผมจึงตัดสินใจซื้อตู้เย็นประตูเดียว แล้วทางแคชเชียร์ก็บอกว่า ของไปส่งให้ได้วันพฤหัสเพราะก่อนหน้านี้ คิวเต็ม ผมก็โอเค ได้ช้าหน่อยแต่ก็ยังมาส่งถึงที่ พอถึงวันพฤหัสที่ผ่านมา (18 ก.ค. 2556) เวลาประมาณ 10.00น. ก็มีคนจากทางโลตัสมาส่งตู้เย็น ขนมาให้ถึงห้องชั้น6 พร้อมกับบอกว่า ได้ตั้งทิ้งไว้ก่อน 2 ชั่วโมง แล้วค่อยเสียบปลั๊ก พอ 12.00 น. ผมก็เสียบปลั๊ก แล้วก็เดินทางออกไปเรียน กลับมาถึงหอเวลาประมาณ 17.30 น. ก่อนกลับได้ซื้อโยเกิร์ตมาแพ็คนึง กะว่าจะไว้แช่กิน พอมาถึงห้องปรากฎว่า "ตู้เย็นไม่เย็น" ทั้งๆที่เวลาล่วงเลยไปกว่า 6 ชั่วโมง
ผมก็เปิดหาใน google ก็มีคนบอกว่าบางทีอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย ผมก็มองโลกในแง่ดีครับ เดี๋ยวมันก็เย็น ก็เลยเอาโยเกิร์ตแช่ทั้งๆที่ไม่เย็น พร้อมกับปรับความเย็นสูงสุดและนำน้ำใส่แก้วใส่ไว้ในช่องแช่แข็ง แล้วคิดว่าดึกๆเดี๋ยวก็คงเย็นแล้ว สี่ทุ่มแล้ว ห้าทุ่มแล้ว ตู้เย็นไม่มีวี่แววที่จะเย็นเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเลยจัดการเจ้าโยเกิร์ตที่ซื้อมา ไม่งั้นเสียแน่ แต่ก็ยังมองโลกในแง่ดีว่า พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวก็เย็น จึงนอนหลับไปทั้งๆที่ยังเสียบปลั๊กตู้เย็นอยู่
ตื่นมาเช้าวันศุกร์ที่ 19 ก.ค. 2556 (วันนี้) เปิดตู้เย็นมาถึงกับตะลึง แก้วน้ำที่แช่ช่องแช่แข็งไร้ซึ่งความเย็น (นี่มันตู้บ่มเชื้อหรือเปล่า) ผมเลยตัดสินใจโทรไปที่ศูนย์ของตู้เย็นยี่ห้อดังกล่าว ก็ได้คำตอบมาว่า สัก 3-4 ชั่วโมงก็เย็นแล้ว (แล้วของอั๊วล่ะ!!!) แต่ทางศูนย์ยังดีครับ จะส่งช่างมาให้ แต่ผมปฏิเสธครับ เพราะเสียเวลา เพราะโลตัสบอกว่าภายใน 7 วัน ถ้าสินค้ามีปัญหายินดีเปลี่ยนใหม่ให้ (ในใจคืออยากได้เครื่องใหม่)
ผมเลยโทรไปที่เบอร์ของโลตัสพระราม1 ปรากฎว่า ไม่มีคนรับครับ ให้กดหา Operator แต่ก็พูดวนกลับมาที่เดิม ไม่มีคนรับสักที่ (เวลาประมาณ 8โมงครึ่งกว่า) ผมเลยตัดสินใจปั่นจักรยานไปที่โลตัสพระราม1 แล้วไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เขาบอกว่าให้ไปติดต่อที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า
แคชเชียร์คนเดิมที่ผมจ่ายตังเดินมา (ผมจำหน้าได้) ผมก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าจะเปลี่ยนตู้เย็น เพราะเพิ่งได้มาเมื่อวานมันไม่เย็น แคชเชียร์ที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าบอกว่า "น้องต้องขนตู้เย็นมาคืนเองที่โลตัส พร้อมกล่องนะค่ะ" (ในใจคิด ซวยแล้วไง กูจะเอารถที่ไหนมาว่ะ กูแค่นักศึกษานะ) ผมเลยบอกไปว่าไม่มีรถ พนักงานเลยตอบกลับมาว่าให้จ้างรถตุ๊กๆหน้าโลตัส
ประเด็นคือ ผมต้องขนตู้เย็นมาคืนที่โลตัสเอง ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของผู้บริโภคอย่างผมเลย แล้วผมก็ต้องเสียตังค่ารถตุ๊กๆเอง มันใช่เรื่องรึเปล่าครับ กับความสะเพร่าของคนอื่น แล้วเราต้องมาแบกรับภาระตรงนี้ ถ้าอยากจะเปลี่ยนตู้เย็น ก็ต้องขนมาคืนที่โลตัสเอง ผมต้องจ่ายค่ารถเอง บ้าไปแล้ว โลตัสทำอย่างนี้กับผู้บริโภคหรอ
ผมกลับไปที่หอพร้อมกับความโมโห แล้วก็จัดการหีบห่อตู้เย็น จ้างรถตุ๊กๆไปส่งที่โลตัสสาขาพระราม1 และผมก็ขอเงินคืนโดยทันที เพราะถ้าเปลี่ยนใหม่แล้วมีปัญหาอีก ผมก็ต้องขนส่งมาเองอีก เสียค่ารถเองอีก มันไม่ใช่เรื่องที่ผู้บริโภคจะต้องมาแบกรับภาระ
ก่อนจะได้เงินคืน เซลล์แมนก็เอาตู้เย็นไปเสียบปลั๊กแล้วบอกว่าถ้าเย็นไม่ได้เงินคืนนะ แล้วผมก็ปรากฎว่าตู้เย็นไม่เย็น แล้วเซลล์แมนก็พูดว่า "ท่อน้ำนารั่ว" กล้าพูดมาได้นะครับว่าท่อน้ำยารั่ว ตู้เย็นมาถึงมือผมยังไม่ครบ 1 วัน ท่อรั่วแล้ว เป็นคำตอบที่ประทับใจผู้บริโภคอย่างผมมาก
สุดท้ายผมก็ได้เงินกลับคืนมาเต็มจำนวน แต่ยังไงผมก็ขาดทุนเพราะต้องขนตู้เย็นมาเอง จ้างรถตุ๊กๆมาเอง แถมไปเรียนสายด้วย
เลยอยากจะบอกเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่คิดจะไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าจากโลตัส เพราะผมโดนกับตัว พูดได้คำเดียวว่า "เจ็บ"
คิดให้ดีก่อนที่จะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่โลตัส
ในวันนั้น(วันอาทิตย์)ผมจึงตัดสินใจซื้อตู้เย็นประตูเดียว แล้วทางแคชเชียร์ก็บอกว่า ของไปส่งให้ได้วันพฤหัสเพราะก่อนหน้านี้ คิวเต็ม ผมก็โอเค ได้ช้าหน่อยแต่ก็ยังมาส่งถึงที่ พอถึงวันพฤหัสที่ผ่านมา (18 ก.ค. 2556) เวลาประมาณ 10.00น. ก็มีคนจากทางโลตัสมาส่งตู้เย็น ขนมาให้ถึงห้องชั้น6 พร้อมกับบอกว่า ได้ตั้งทิ้งไว้ก่อน 2 ชั่วโมง แล้วค่อยเสียบปลั๊ก พอ 12.00 น. ผมก็เสียบปลั๊ก แล้วก็เดินทางออกไปเรียน กลับมาถึงหอเวลาประมาณ 17.30 น. ก่อนกลับได้ซื้อโยเกิร์ตมาแพ็คนึง กะว่าจะไว้แช่กิน พอมาถึงห้องปรากฎว่า "ตู้เย็นไม่เย็น" ทั้งๆที่เวลาล่วงเลยไปกว่า 6 ชั่วโมง
ผมก็เปิดหาใน google ก็มีคนบอกว่าบางทีอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย ผมก็มองโลกในแง่ดีครับ เดี๋ยวมันก็เย็น ก็เลยเอาโยเกิร์ตแช่ทั้งๆที่ไม่เย็น พร้อมกับปรับความเย็นสูงสุดและนำน้ำใส่แก้วใส่ไว้ในช่องแช่แข็ง แล้วคิดว่าดึกๆเดี๋ยวก็คงเย็นแล้ว สี่ทุ่มแล้ว ห้าทุ่มแล้ว ตู้เย็นไม่มีวี่แววที่จะเย็นเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเลยจัดการเจ้าโยเกิร์ตที่ซื้อมา ไม่งั้นเสียแน่ แต่ก็ยังมองโลกในแง่ดีว่า พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวก็เย็น จึงนอนหลับไปทั้งๆที่ยังเสียบปลั๊กตู้เย็นอยู่
ตื่นมาเช้าวันศุกร์ที่ 19 ก.ค. 2556 (วันนี้) เปิดตู้เย็นมาถึงกับตะลึง แก้วน้ำที่แช่ช่องแช่แข็งไร้ซึ่งความเย็น (นี่มันตู้บ่มเชื้อหรือเปล่า) ผมเลยตัดสินใจโทรไปที่ศูนย์ของตู้เย็นยี่ห้อดังกล่าว ก็ได้คำตอบมาว่า สัก 3-4 ชั่วโมงก็เย็นแล้ว (แล้วของอั๊วล่ะ!!!) แต่ทางศูนย์ยังดีครับ จะส่งช่างมาให้ แต่ผมปฏิเสธครับ เพราะเสียเวลา เพราะโลตัสบอกว่าภายใน 7 วัน ถ้าสินค้ามีปัญหายินดีเปลี่ยนใหม่ให้ (ในใจคืออยากได้เครื่องใหม่)
ผมเลยโทรไปที่เบอร์ของโลตัสพระราม1 ปรากฎว่า ไม่มีคนรับครับ ให้กดหา Operator แต่ก็พูดวนกลับมาที่เดิม ไม่มีคนรับสักที่ (เวลาประมาณ 8โมงครึ่งกว่า) ผมเลยตัดสินใจปั่นจักรยานไปที่โลตัสพระราม1 แล้วไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เขาบอกว่าให้ไปติดต่อที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า
แคชเชียร์คนเดิมที่ผมจ่ายตังเดินมา (ผมจำหน้าได้) ผมก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าจะเปลี่ยนตู้เย็น เพราะเพิ่งได้มาเมื่อวานมันไม่เย็น แคชเชียร์ที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าบอกว่า "น้องต้องขนตู้เย็นมาคืนเองที่โลตัส พร้อมกล่องนะค่ะ" (ในใจคิด ซวยแล้วไง กูจะเอารถที่ไหนมาว่ะ กูแค่นักศึกษานะ) ผมเลยบอกไปว่าไม่มีรถ พนักงานเลยตอบกลับมาว่าให้จ้างรถตุ๊กๆหน้าโลตัส
ประเด็นคือ ผมต้องขนตู้เย็นมาคืนที่โลตัสเอง ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของผู้บริโภคอย่างผมเลย แล้วผมก็ต้องเสียตังค่ารถตุ๊กๆเอง มันใช่เรื่องรึเปล่าครับ กับความสะเพร่าของคนอื่น แล้วเราต้องมาแบกรับภาระตรงนี้ ถ้าอยากจะเปลี่ยนตู้เย็น ก็ต้องขนมาคืนที่โลตัสเอง ผมต้องจ่ายค่ารถเอง บ้าไปแล้ว โลตัสทำอย่างนี้กับผู้บริโภคหรอ
ผมกลับไปที่หอพร้อมกับความโมโห แล้วก็จัดการหีบห่อตู้เย็น จ้างรถตุ๊กๆไปส่งที่โลตัสสาขาพระราม1 และผมก็ขอเงินคืนโดยทันที เพราะถ้าเปลี่ยนใหม่แล้วมีปัญหาอีก ผมก็ต้องขนส่งมาเองอีก เสียค่ารถเองอีก มันไม่ใช่เรื่องที่ผู้บริโภคจะต้องมาแบกรับภาระ
ก่อนจะได้เงินคืน เซลล์แมนก็เอาตู้เย็นไปเสียบปลั๊กแล้วบอกว่าถ้าเย็นไม่ได้เงินคืนนะ แล้วผมก็ปรากฎว่าตู้เย็นไม่เย็น แล้วเซลล์แมนก็พูดว่า "ท่อน้ำนารั่ว" กล้าพูดมาได้นะครับว่าท่อน้ำยารั่ว ตู้เย็นมาถึงมือผมยังไม่ครบ 1 วัน ท่อรั่วแล้ว เป็นคำตอบที่ประทับใจผู้บริโภคอย่างผมมาก
สุดท้ายผมก็ได้เงินกลับคืนมาเต็มจำนวน แต่ยังไงผมก็ขาดทุนเพราะต้องขนตู้เย็นมาเอง จ้างรถตุ๊กๆมาเอง แถมไปเรียนสายด้วย
เลยอยากจะบอกเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนที่คิดจะไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าจากโลตัส เพราะผมโดนกับตัว พูดได้คำเดียวว่า "เจ็บ"