บัตรเครดิต!!! ก่อนจะมี คิดดีรึยังครับ ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง....

ต้องออกตัวก่อนว่ากระทู้นี้คงไม่ถูกใจคนที่กำลังอยากมีบัตรเครดิตโดยเฉพาะวัยรุ่นที่กำลังจบใหม่และเริ่มทำงานมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง แต่ในฐานะที่กระผมเองอายุเลข 4x ซึ่งครั้งหนึ่งชีวิตผิดพลาดเพราะบัตรเครดิตมาแล้ว ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้เมื่อตอนจบใหม่ๆ แล้วมีงานทำจะไม่ดิ้นรนอยากมีบัตรเครดิตอีกเลย

เห็นกระทู้เรื่องบัตรเครดิตบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นบัตรของธนาคารไหนดี..... สมัครไปแล้วจะอนุมัติมั้ย.....บ้างก็ถึงกับงอนที่ธนาคารปฏิเสธ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟตั้งกระทู้ด่าก็มี จึงอยากเล่าเรื่องนี้ให้อ่านกันเพื่อเป็นข้อเตือนใจกันครับ

ตอนที่ผมเรียนจบใหม่ๆ ก็ได้งานทำเลยเนื่องจากเป็นสาขาที่เป็นความต้องการของตลาดในตอนนั้นอยู่พอดี อายุตอนนั้นยี่สิบกว่าๆ ด้วยความที่มีรายได้เป็นของตัวเองมันอดจะภูมิใจไม่ได้ว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพื่อนๆ ทุกคนที่ทำงานบริษัทเดียวกันทุกคนเค้ามีบัตรเครดิตกันหมด พวกพี่ๆ ที่ทำงานก่อนแล้วไม่ต้องพูดถึง แต่ละคนไม่ได้มีใบเดียว... เคยแอบมองตอนเค้าเปิดกระเป๋าตังค์ แทบจะทุกหลืบมีสารพัดบัตรเสียบอยู่

ความรู้สึกของผมตอนนั้น รู้สึกว่ามันเท่ห์มาก ที่มีบัตรเครดิต เวลาทานข้าวหรือจ่ายตอนซื้อของด้วยบัตรเครดิตความรู้สึกเหมือนพระเอกในหนังก็ไม่ปราน ในทีวีตอนนั้นก็จะมีโฆษณาบัตร Shitty Bank ที่มีหนุ่มหล่อๆ ใส่สูตรภูมิฐาน ใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิต บ๊ะ..! ใช่เลย คือสิ่งที่ผมต้องการ

ทำงานได้เกือบครึ่งปีก็มีบัตรเครดิตใบแรกครับ ไม่ต้องสมัครให้ยุ่งยาก เพราะมีเซลมาหาถึงออฟฟิศ กรอกเอกสาร เซ็นต์เอกสาร รออีกไม่นานผมก็มีบัตรเครดิตกับเค้าครับ ผมไม่ได้เลือก Shitty Bank นะครับ เพราะเคยได้ยินจากพี่ๆ มาว่าถ้าเราจ่ายเลยกำหนดแค่วันเดียวมันจะโทรมาจิกทันทีทันใด

และแล้วผมก็เริ่มใช้จ่าย เมื่อวงเงินไม่พอ ผมก็เริ่มขอเพิ่มวงเงิน เพราะความคิดที่ว่า มันเท่ห์โว้ยที่มีวงเงินสูง โดยเฉพาะเวลารูดของที่มีราคาให้แฟน (แฟนตอนนั้นนะ ตอนนี้เค้าคงเป็นแม่ของลูกให้กับใครซักคนไปแล้ว) .... หารู้ไม่ว่าผมเริ่มเสพติดบัตรเครดิตตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา

เมื่ออายุงานมากขึ้น อายุมากขึ้น ตำแหน่งงานดีขึ้น แน่นอนว่าสลิปเงินเดือนมันก็ดูดีตามไปด้วย (ตอนขอบัตรใหม่ก็จะเอาสลิปของเดือนที่รวมโบนัสด้วย ตัวเลขมันน่ารักดี) ผมไม่ได้มีบัตรเดียวครับ สถิติสูงสุดผมเคยนับได้ว่ามี 9 บัตร บัตรหลังๆ มันจะของ่ายมาก ผมเป็นคนประเภทถือเคล็ดพอสมควรครับ ไม่ยอมให้ถึงเลข 10 แต่อย่างไรก็ดี 9 บัตรที่รวมทั้งบัตรกดเงินสดอะไรต่ออะไร มันก็พอเพียงที่จะทำลายระบบการเงินของผมลงได้ มันเริ่มจาก

-ผมเริ่มใช้จ่ายเกินตัว สิ่งของหลายๆ อย่างไม่ใช่ความจำเป็นเลย เพียงแต่ผมอยากได้เท่านั้นผมก็ซื้อ
-บางเดือนมันน่าใจหายมาก จ่ายบัตรทุกใบแล้วเหลือเงินนิดเดียว
-รวมๆ ดอกเบี้ยของบิลแต่ละใบแล้ว หลายพันบาท ครับ เสียดายตังค์จัง

หลายครั้งที่ผมต้องขายสิ่งของทีมีราคา แม้กระทั่งรถ เพื่อเอามาเคลียร์บัตรเครดิต เอาหัวโขกผนังและสัญญาว่าจะไม่ใช้จ่ายอย่างที่ผ่านมา จะเอาไว้ใช้เฉพาะฉุกเฉินเท่านั้น แต่แล้วมันก็เริ่มอีหรอบเดิม ทุกบัตรมันก็เต็มวงเงินอีกจนได้

รวมกัน 9 บัตรเป็นจำนวนกว่า 800,000 บาท ผมจะเอาที่ไหนมาจ่ายเค้า...... หมุนเดือนชนเดือน บางเดือนต้องกดเอาเงินจากบัตรเงินสดมาจ่ายบัตรเครดิต

หลายปีผ่านไป ผมชักจะจ่ายไม่ไหว ผมเป็นหนี้เน่า ผมต้องตัดสินใจหักดิบไม่งั้นครอบครัวผม ลูกผมจะต้องลำบากแน่ๆ ผมต้องตัดใจเลือกเอาไว้แค่บัตรที่มีวงเงินน้อยที่สุด เอาไว้ใช้จ่ายที่จำเป็นจริงๆ เช่นค่าน้ำมัน ค่าแอพผ่านเน็ต ...

ผมต้องจำใจขายสวนยางพาราที่บ้านเกิดซึ่งเป็นทรัพย์สินที่พ่อแม่ให้มา หักลบกลบหนี้แล้วเงินที่ได้ยังไม่พออยู่ดี ผมใช้ไม้สุดท้าย ... ปล่อยมัน ให้บัตรที่เหลือมันฟ้องศาลเอา.... ครับ ผมคนใต้ก็จริง ณ เวลานั้นต้องกลายเป็น  ซามูไร ครับ ผมชักดาบ!!!
**(แก้ไขครับเนื่องจากข้อความเดิมไม่เหมาะสม-ลบหลู่บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ -ขออภัยครับ)

ขั้นตอนคือ เริ่มประนอมหนี้ ---> ผมดื้อแพ่ง --> เจ้าหนี้ขอเจรจาหนี้ ถ้าถึงขั้นตอนนี้ยังไม่ถึงศาลครับ คือคุยกันนอกรอบก่อน เพราะเจ้าหนี้คงไม่อยากเสียค่าใช้จ่ายพาเราขึ้นโรงขึ้นศาล

สิ่งที่ตามมาคือ เจ้าของบัตรบางที่ก็ลดหนี้ให้ ใจดีหน่อยก็ลดเยอะ อย่างบัตรขีดเส้นตั้งหลายเส้น และขีดขวางตรงกลาง เจ้านี้ลดเกือบ 40% เจ้าหนี้น่ารักแบบนี้ผมก็รีบเคลียร์ให้ (รู้งี้ ชักดาบมันทุกบัตรตอนที่ขายสวนยางได้ใหม่ๆ แล้วรอให้มันลดหนี้ก่อน ไม่น่ารีบจ่ายปิดบัตรก่อนเล้ยย)

เจ้าที่เขี้ยวสุดรู้สึกจะมีสัญลักษณ์คล้ายอีแร้งกางปีก เจ้านี้ลดให้นิดเดียว ซึ่งผมก็ต้องขึ้นศาลตามระเบียบ เมื่อศาลตัดสินแล้ว ต้น ดอก มันหยุด ณ เวลานั้น ผมก็เริ่มผ่อนหลักไม่กี่พัน ไปจนกว่าจะหมดหนี้

พารากราฟหลังๆ นี้ไม่ได้เจตนาชี้โพรงให้กระรอกนะครับ แต่อยากเล่าถึงตอนที่จนตรอก หาทางออกไม่ได้ อย่ามาเป็นซามูไรกับผมและไม่แนะนำอย่างยิ่งโดยเฉพาะคนที่กำลังเริ่มทำงานใหม่ๆ กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว เพราะคุณจะต้องมีบ้าน มีรถ หรือจะต้องกู้ยืมเพื่อลงทุนธุรกิจ การที่มีชื่ออยู่ในแบล็กลิสต์ตั้งแต่อายุยังน้อยถือว่าตัดอนาคตคุณอย่างมหันต์!!!

(**เพิ่มเติม) ผมหรือบัตรเครดิตกันแน่ ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นในชีวิต ถ้าเลิกเข้าข้างตัวเอง จะว่าไปแล้วบัตรเครดิต ไม่ได้เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายเสียทีเดียวถ้าใช้อย่างระมัดระวังแล้วมันมีประโยชน์อยู่หลายอย่าง เป็นต้นว่า;
-ใช้แทนเงินสด ในกรณีที่ไม่ต้องการพกเงินสดในกระเป๋ามากๆ เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
-ใช้ผ่อนชำระสินค้าที่เข้าร่วมโปรโมชั่น สำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้สินค้านั้น และเงินสดไม่พอ เช่น จำเป็นต้องซื้อโน๊ตบุ๊คให้ลูกไปโรงเรียนแต่เงินสดไม่พอ
-บางครั้งจำเป็นต้องใช้ซื้อสินค้าผ่าน eBay ร่วมกับ Paypal ในกรณีนี้ไม่สามารถใช้เงินสดได้สะดวก
-จองและจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินผ่านอินเทอร์เน็ต
-ซื้อแอพพลิเคชั่นสำหรับ Android/iPad,iPhone
-ใช้เลี้ยงข้าว เลี้ยงอาบน้ำรับรองลูกค้าของบริษัท เอาบิลมาเบิกเป็นเงินสดได้ แล้วเราก็ยังได้แต้มสะสมอีกต่างหาก
-อยู่ต่างประเทศ จำเป็นต้องใช้เงินกระทันหัน บัตรเครดิตช่วยท่านได้ (ครั้งหนึ่งผมเคยตกเครื่องที่ญี่ปุ่น จำเป็นต้องซื้อตั๋วใหม่เพื่อบินเที่ยวถัดไป ถ้าไม่มีบัตรเครดิตตอนนั้นคงแย่)
-อีกหลายอย่างที่ผมคิดไม่ถึง ฯลฯ

เนื่องจากนิสัยการใช้จ่ายที่ไม่คิดหน้าคิดหลัง ใช้จ่ายเกินตัว ซึ่งมันห้ามใจตัวเองไม่ได้ พอเจอสิ่งหลอกล่อปุ๊บ เป็นอันห้ามใจไม่อยู่ สิ่งที่ว่าคือ...
-โปรโมชั่นร่วมกับสินค้า-ผมจำได้ว่าเคยซ์้อลู่วิ่งไฟฟ้าครับ หลายหมื่นอยู่เหมือนกัน วิ่งได้ไม่กี่ครั้งก็เลิก ต่อมามันก็กลายเป็นที่ตากผ้า ตากกางเกงใน..

-มีส่วนลดถ้าจ่ายด้วยบัตรเครดิต - เคยเอาไปจ่ายค่าสมาชิกตลอดชีวิตกับแคลิฟอร์เนีย ว้าว จำได้ว่าห้าหมื่นกว่าบาทรวมค่าเทรนเนอร์ด้วย ต่อมามันก็ทะยอยปิดสาขา รวมทั้งสาขาใกล้บ้านผมด้วย ความหวังที่จะมี six pack ก็พลันมะลายหายไป ทุกวันนี้มันก็ยังรวมกันเป็นแพ็คเดียวอยู่เลย, ว่าไปแล้วก็เสียดายเงินไม่รู้ว่าจะเอาคืนยังไง คิดอีกทีก็ดีเหมือนกันตอนเล่นเสร็จไปอาบน้ำเบื่อพวกเกย์ชอบมาเหล่มองตามหลัง..

-สะสมไมล์/แต้ม เอาไว้แลกอะไรต่างๆ - อันนี้เคยได้กินโออิชิฟรีๆ หลายครั้งครับ

-ผมเป็นโรคแพ้ Duty Free Shop อย่างแรง - ทุกครั้งที่ผมบินไปต่างประเทศเป็นอันต้องรูดที่ Duty Free บางอย่างที่ซื้อตอนขาออกไม่ได้ ก็ไปซื้อที่ต่างประเทศ เพื่อนฝูงพลอยได้รับอานิสงค์ไปด้วย เช่นฝากซื้อกระเป๋า น้ำหอม ช็อคโกแล็ต เอามาแจกจ่ายแล้วพวกเค้าก็จ่ายเป็นเงินสดให้ แต่ผมไม่ยักกะเอาไปรวบรวมจ่ายคืนบัตรเครดิตที่รูดไป เอาเงินสดไปใช้อย่างอื่นซะงั้น

ถ้าหากว่าจะใช้บ้ตรเครดิตให้เกิดประโยชน์แล้วจำเป็นต้อง "มีวินัย" ครับ คำว่าวินัยนี่แหล่ะ ผมสะกดเป็น แต่ผมไม่เคยรู้จักความหมายของมันเลยแม้แต่นิดเดียว
น้องๆ คนรุ่นใหม่ที่เข้าข่ายคนใจง่ายแบบผม พึงระวังนะครับ ถ้าเจออะไรแบบผมแล้วมันทำให้เสียเวลาไปมาก จึงอยากเตือนเอาไว้ครับ

ผมพลาดและเสียเวลาไปกับบัตรเครดิตไปมาก ที่มากที่สุดคือผมไม่มี "เงินออม" ซึ่งมาถึงวัยกลางคนแล้วมันช่างเป็นอะไรที่น่าถวิลหายิ่งนัก .... บัตรเครดิตเป็นอันตรายกับเงินออมครับ เชื่อผมเหอะ

ครับ ขอเล่าเพียงเท่านี้ ไว้เป็นข้อเตือนใจสำหรับใครที่อยากมีบัตรเครดิตครับ... Have a nice day
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่