ควรทำไงกับชีวิต ถ้าแม่มีคนอื่นนอกจากพ่อ??

ครอบครัวหนูอยู่กัน4คน พ่อ แม่ พี่สาว แล้วก็หนู หนูอยูม.3 พี่สาวม.6 พ่อจะบ่นแม่ประจำ เพราะเมื่อก่อนแม่ติดเพื่อน จนกับบ้านดึกมาก แต่พ่อก็จัดการปัญหานั้น โดยการไปพูดสั่งสอนเพื่อนแม่คนนั้นจนทะเลาะกันเป็นคดีความกันไป พ่อพูดกับเพื่อนแม่ประมาณว่า"เค้ามีครอบครัวแล้ว มีหน้าที่ต้องดูแลลูก"แต่หนูก็เข้าใจว่ามันขึ้นอยู่ที่ตัวแม (แต่เพื่อนแม่เข้าขู่ว่า ถ้าไม่อยู่เป็นเพื่อนเค้าจะกินยาฆ่าตัวตาย เนื่องจากเค้าพึ่งโดนสามีฟ้องหย่าไป ด้วยความที่แม่หนูเป็นคนเกรงใจด้วย)แล้วเข้าก้พูดกับพ่อว่า"ก็มีกันสามคนแล้วไม่ใช้หรอ กูตัวคนเดียวให้เมียมาอยู่เป็นเพื่อน ลูกๆคงไม่ตายกันหรอก"พ่อโมโหมาก เพราะพ่อก็พูดดีกับเค้า แต่เค้าใช้คำหยาบมากแล้วด่าหนูด้วยพ่อเลยทำท่าจะล้วงปืน แต่ยังไม่ทันล้วง เพื่อนแม่คนนั้นรีบวิ่งหนีไป สองสามวันก็มีคำสั่งศาลมา พ่อก็ไปตามนัด  จริงๆแล้วเพื่อนแม่คนนั้นเดือดร้อนเงิมาก ก่อนฟ้องศาลเคยมาเสนอข้อตกลงว่า ถ้าพ่อให้เงิน50,000เค้าจะไม่ฟ้องศาล แต่พ่อเค้ารู้เรื่องกฎหมายดี เพราะพ่อเรียนมา แล้วสุดท้ายก็จบกันที่ว่า ต่างฝ่ายต่างเสียเงิน500บาท ให้กับศาล ตอนแรกพ่อหนูจะฟ้องกลับ แต่ลุงหนูเข้ารู้เกี่ยวกับขั้นตอนว่ามันยุ่งยาก เลยให้พ่อยอมเสียเงินไป แล้วก็จบกันไป
***สาเหตุที่เล่าเรื่องนี้เป็นเพราะว่า แม่น่าจะมีคนอื่นอื่นเพราะเพื่อนคนนั้น**
หลังจากนั้นก็มีช่วงนึงที่ แอร์ที่บ้านเสีย พ่อเรยให้ไปนอนบ้านลุงที่อยู่ติดกัน(จริงๆไม่ได้นอนห้องแอร์ก็นอนกันได้ค่ะ แต่อยากไปนอนบ้านลุงอยู่แล้ว เรยถือโอกาศนี้เลย)แรกๆก็ปกติดีค่ะ จนมีอยู่ครั้งนึง ที่แม่มาบ้านลุงก่อน ซักพักหนูก็เข้ามา ตรงนี้หล่ะค่ะ ที่ทำให้หนูและพี่สงสัย แม่อยู่ห้องครัวคุยโทรศัพท์แล้วพูดว่า"กังวลหรอ ไม่ต้องหรอก ถ้ามาก็จะได้ยินเสียงประตู"หนูได้ยินแค่นี้ เพราะทนฟังต่อไม่ไหว รีบเข้าห้องไปเลย พี่เข้ามาก็ได้ยินที่แม่คุยเหมือนกัน ก็คุยกันพักนึง จนแม่เข้ามาในห้อง ก็ทำปกติดี หลังๆเริ่มสงสัย เริ่มจับผิด เริ่มรู้อะไรๆขึ้นมา เริ่มชัดขึ้น พี่เลยพูดประมาณว่า"โตแล้ว ไม่ใช้เด็กๆ รู้น่ะ"อะไรประมาณนี้เพื่อให้แม่รู้ว่า พวกเรารู้ว่าแม่มีคนอื่น จนมีวันนึง แม่เข้าห้องน้ำ แล้วมีคนโทรมา เบอร์ที่โทรมา เป็นเบอร์กิ๊กแม่ เพราะเมื่อก่อนหนูเคยเเอบเปิดโทรศัพท์แม่ดู แต่หลังๆแม่จะลบทิ้ง พี่หนูทนไม่ไหวเลยรับสาย รับแล้วรู้เลย ไอคนนั้นก็ตกใจเหมือนกัน เพราะเค้ารู้อยู่ว่าแม่มีครอบครัวแล้ว ตอนที่โทมาเข้าจะยิงมาทุกครั้ง พอแม่ออกจากห้องน้ำเลยพูดเลย ก็ทะเลาะกันพี่หนูพูดจาแรงมาก แม่เรยพูดประมาณว่า จะไม่อยู่บ้านนี้แล้ว แต่ยังไงหนูก็รักแม่อยู่ รักมากด้วย เพราะแม่ทำงานบ้านทุกอย่าง หนูเลือกที่จะไม่บอกพ่อ เพราะพ่อหนูอารมณ์ร้อน ทำอะไรที่หนูคิดไม่ถึงได้ หนูเครียดมาก หนูก็พยายามจะตั้งใจเรียน แต่มันก็เรียนไม่รู้เรื่องเพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้ หนูไม่รู้จะทำยังไง หนูเซ็งมาก เบื่อมาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
สมัครบัตรผ่านมาเพื่อตอบกระทู้นี้เลยครับ

ขอเล่าจากประสบการณ์ของผมหน่อยละกันครับ
ประสบการณ์ที่ผมได้ทำการ "ปกป้อง" ครอบครัวของผมให้รอดพ้นจากเงื้อมมือ
จากเหล่าผู้ร่านราคะ ที่ไม่สนใจศีลธรรม ที่ไม่นำศีลห้ามาใช้เป็นเครื่องเตือนใจ

ก่อนอื่น ผมขอกล่าวอ้างไว้เลยว่า ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวที่อบอุ่นครับ
พ่อและแม่ของผมเป็นข้าราชการ ครอบครัวเราอาศัยอยู่แถบชนบท
เป็นที่นับหน้าถือตาของคนในพื้นที่
ครอบครัวเรามีกัน 4 คนครับ พ่อแม่ และ ลูกชายอีกสองคน
และพ่อของผม เป็นคนที่จัดอันดับได้เลยว่า "หล่อ" เข้าขั้นเลยทีเดียว

เรื่องราวครั้งแรก...​
เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ยังผมยังเป็นวัยรุ่น น่าจะประมาณ ม.3 ได้
ผมสังเกตได้ว่ามีโทรศัพท์เข้ามาที่บ้านบ่อยกว่าปกติ จากผู้หญิงคนนึง
ตอนนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือกันครับ มีแต่โทรศัพท์บ้าน
ผมรับสาย แล้วเค้าก็ถามขอคุยกับพ่อบ่อยๆ ครับ แรกๆ ผมก็ไม่เอะใจอะไร
แต่หลังๆ ชักบ่อยขึ้น ผมเลยไปถามแม่ครับ ว่าผู้หญิงที่โทรมาบ่อยๆ เป็นใคร เพราะพ่อกับแม่คุยกันตลอดครับ ทุกเรื่อง
ที่ผมถามแม่ เพราะผมสนิทกับแม่มากกว่า ส่วนน้องชายจะสนิทกับพ่อ (ต้องบาลานซ์อำนาจครับ 555)
แม่บอกว่าเป็นครูที่อยู่ อีกโรงเรียนนึง (อีกตำบล) เค้าโทรมาจีบพ่อ
ผมได้ยิน ก็ของขึ้นเลยครับ แต่แม่ก็บอกไว้ว่า เรื่องนี้ขำๆ ลูก พ่อเค้าเล่าให้แม่ฟังหมดแหละ
ที่ยังรับสาย ยังคุยบ้าง ก็เพราะว่าเป็นคนในสายงานเดียวกัน

ผมก็ อืมๆ แต่ยอมรับเลยว่า หงุดหงิดกับเรื่องนี้มาก ไม่เป็นอันเรียน ก็ในใจมันก็คิดอยู่แต่เรื่องนี้
เรื่องครอบครัวแตกแยก คิดมาก คิดไปเรื่อย ผมมันเป็นคนชอบ มโน ครับ

จนในที่สุด วันนึงวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมไปโรงเรียนกับพ่อครับ
นั่งเล่นอยู่ในห้องทำงานพ่อ แล้วผู้หญิงคนนี้ก็โทรมาที่เบอร์ในห้อง
ผมก็รับสายปกติครับ แต่พอได้ยินเสียงเท่านั้น
ของขึ้นครับ จะอะไรหนักหนา ผมเลยพูดไปว่า "สวัสดีครับ นี่ --ลูกชาย-- ของผอ. ครับ ต้องการเรียนสายกับใครครับ"
เธอคงจะรับรู้ได้ถึง น้ำหนักเสียง และอารมณ์ที่ทอดผ่านสายโทรศัพท์ไปว่า "ผู้ชายคนที่คุณกำลังโทรหา มีครอบครัวแล้ว!"
เธอเลยวางสายไป

หลังจากนั้น อีกสัปดาห์กว่าๆ มีพัสดุมาถึงบ้านครับ
เธอส่งรูปถ่ายที่ถ่ายคู่กับพ่อ ตอนไปอบรมสัมนาที่โรงแรมแห่งนึงมาที่บ้าน
ผมเป็นคนแกะจดหมายเอง (คือผมสะสมสแตมป์ครับช่วงนั้น เอกสารทุกอย่างต้องผ่านมือผม) 555+
คืนนั้น แม่กับพ่อทะเลาะกันเพราะเรื่องรูปนี้ครับ

ผมก็ไม่เข้าใจจุดประสงค์นักหรอกว่าทำไมถึงส่งมา
แต่ผมโกรธมาก...

ณ จุดนั้น ผมรู้เลยว่า ผมต้องทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้
ผมต้องปกป้องครอบครัวของผมจากผู้หญิงประเภทนี้
ไม่ใช่ไม่มั่นใจในตัวคุณพ่อนะครับ

แต่มันก็คงจะดีกว่า วัวหายล้อมคอก น่ะครับ

ผมเลยจัดการสืบครับ
ไม่ยากหรอกครับ ผมรู้แล้วว่าเป็นครู เป็นผู้หญิง มีรูปถ่าย ทำงานที่โรงเรียนไหน
ผมเลยจัดครับ "ตัดต่อรูปภาพของเธอใน Photoshop"
คงไม่ต้องอธิบายนะครับว่า เป็นรูปประเภทไหน เรท 18+ แน่นอนครับ
แล้วก็ขับมอไซค์ไปครับ ไปส่งจดหมายฉบับนี้ ให้ถึงที่บ้านของเธอเลย
พร้อมกับคำขู่ที่ว่า

"ถ้ายังไม่หยุดทำร้ายครอบครัวคนอื่น
รูปพวกนี้จะไปติดอยู่ที่ตลาดสด และบอร์ดในโรงเรียน"

ไม่ได้เจอตัวนะครับ เขียนไว้ในจดหมาย

จากนั้นเธอก็หายไปจากชีวิตของครอบครัวผม
ผมคิดไว้แล้วว่า ถ้าเธอเอาเรื่องนี้มาฟ้องพ่อผม
พ่อผมอย่างมากก็คงจะแค่โกรธ และ เฆี่ยนผมสักสามสี่ไม้

และถ้าวัดกันตัวต่อตัวแล้ว
ยังไงพ่อก็เลือกผมอยู่ดี 5555+

ตอนนั้น มโนไปไกลมาก ขนาดที่ว่า ถ้าเรื่องถึงตำรวจ
ข้อกฏหมายจะทำอะไรเราได้ไหม

คิดไปคิดมาก็คิดได้ว่า ถ้าเรื่องนี้ดัง คนที่พังไม่ใช่ผมคนเดียวแน่นอน
เพราะถ้าเค้ารู้เรื่องที่เป็นต้นสายปลายเหตุว่า เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นพยายาม
จะจับสามีของคนอื่นล่ะก็...

เธอคงไม่ยอมเสี่ยง...
จึงตัดสินใจลงมือไป

=========================================

สรุป คือ ผมไม่เห็นด้วยกับคำที่ว่า "เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ให้ผู้ใหญ่จัดการกันเอง" "ตั้งใจเรียนไปเถอะ"
มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่อย่างเดียวได้อย่างไรครับ
ในเมื่อ ถ้าครอบครัวแยกแยก คนที่ได้รับผมกระทบโดยตรงคือใคร ? ถ้าไม่ใช่เด็กๆ

ผู้ใหญ่คนนึงก็แค่อกหัก ใจสลาย
อีกคนมีความสุขกับคนใหม่?

แล้วลูกๆ ล่ะครับ ขาดความอบอุ่น, มีปม , มีปัญหาครอบครัว
หนักๆ เข้าแยกกันอยู่ เกิดการแย่งลูกกันอีก
หรือผลัดกันเลี้ยง? ไปอยู่กับแม่ที่มีสามีใหม่ สามีเจ้าปัญหาน่ะเหรอ?

เรื่องนี้ มันกระทบโดยตรงกับตัวเราครับ เอาให้ถึงที่สุด พยามให้ถึงที่สุด
จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่า เราไม่ได้ทำอะไรเลย

ถ้าโดยพื้นฐานแล้วแม่ของน้องรักน้อง และยังคงรักพ่อของน้องอยู่บ้าง
ให้พูดตรงๆ ครับ ทั้งกับพ่อ แม่ และถ้ามีโอกาส ก็สั่งสอน หรือ ขอร้องอ้อนวอน มือที่สามว่า
ได้โปรดอย่ามาทำร้ายครอบครัวของหนูเลย

เพราะในที่สุดแล้ว ถ้าผู้ใหญ่เหล่านั้นรู้สติ
ยังไงเขาก็เลือก ลูก และ ครอบครัวของเขาครับ
ลองยื่นคำขาดไปละกันครับว่า หนู หรือ ผู้ชายคนนั้น

อย่างน้อยๆ เราก็ได้ลงมือทำอะไรบ้าง
เรื่องของครอบครัวเรา ก็คือเรื่องของ "เรา" ครับ

สู้ๆ ครับน้อง พี่เอาใจช่วย!!

=========================================

ปล. มีอีกเคสนึงเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว พ่อผมนี่ก็ฮอตไม่หยุดขนาดอายุปาเข้าไปเลข 5 ><
คราวนี้ น้องผมลงมือเองครับ ไว้ว่างๆ ผมจะมาเล่าให้ฟังละกัน ยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่