ถ้าได้เห็นลูกนั่งเรียนพิเศษทั้งน้ำตา อยากรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะว่าอย่างไร

ปกติไม่ค่อยได้เข้ามาเล่นบอร์ดพันทิพย์เท่าไร แต่เพิ่งเจอเหตุการณ์น่าสนใจ เลยอยากมาแชร์ให้ผู้ปกครองของน้องๆ วัยเรียนได้ทราบกัน...

คือเมื่อสักครู่เราออกไปทานข้าวที่ฟู้ดคอร์ทของโลตัสลำลูกกาคลอง 2 โต๊ะข้างๆ มีน้องนักเรียนชายหญิงคู่นึง น่าจะอยู่ประมาณ ม.ต้น ทั้งสองคนกำลังนั่งติวกับพี่ผู้หญิงคนนึงอยู่ น้องผู้ชายตัวอ้วนจ้ำม่ำค่อนข้างทำได้ดี พี่ติวถามอะไรก็ตอบได้หมด ในขณะที่น้องผู้หญิงตอบผิดบ่อยครั้ง เลยโดนตำหนิเสียงดังจนหน้าเสีย ตอนแรกเราก็ไม่ได้สนใจ แต่พอได้ยินเสียงดุบ่อยๆ ก็อดหันไปมองไม่ได้
"I prefer! I prefer! จะใส่ am มาทำไม มันมีเหรอ I am prefer สอนอะไรก็ไม่จำ แล้วนี่อะไร จะ present simple หรือ present con. เลือกสักอย่างได้ไหม เอามาปนกันไปหมด"

จบ! ไม่มีคำอธิบาย! ตอนนั้นเราหันไปมองแบบ เฮ้ย! แค่นี้จริงดิ่ ไม่อธิบายอะไรต่อเลยเหรอ คือถ้าน้องเขาเข้าใจและจำที่เธอสอนได้ ก็คงไม่ตอบผิดหรอกมั้ง นี่น้องทำการบ้านไม่ได้ แสดงว่าน้องไม่ค่อยเข้าใจ แล้วเธอพูดแค่นี้เนี่ยนะ? เราวางช้อนและหันไปมอง ภาพที่เห็นอย่่างกะละคร พี่ติวทำหน้าโกรธเคืองสุดขีดอย่างกะน้องเพิ่งอึใส่กางเกงก็ไม่ปาน น้องผู้ชายก็กินไปยิ้มเยาะไปเหมือนดีใจที่เห็นเพื่อนโดนดุ ส่วนน้องผู้หญิงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

สักพักพี่ติวก็ไปซื้อขนมมาให้น้องๆ ทาน ระหว่างนั้นเธอก็ตรวจการบ้านภาษาอังกฤษของน้องผู้หญิงไปด้วย ไม่แน่ใจว่าเป็นการบ้านจากโรงเรียนที่น้องเรียน หรือเป็นการบ้านที่เธอให้ไว้จากการติวครั้งก่อน แต่ที่แน่ๆ คือน้องตอบผิดหลายข้อ ผิดทั้งเทนส์ทั้งแกรมม่า คราวนี้พี่ติวไม่เอ็ดค่ะ แต่สิ่งที่เธอทำทำให้เราเดือดปุดๆ คือเธอใช้น้ำเสียงที่ดูถูกเด็กมาก เธอบอกว่าคำตอบของน้องผู้หญิงตลกสิ้นดี เหมือนเธอจะให้น้องดูหนังหรืออ่านบทความก่อนตอบคำถามน่ะค่ะ แล้วบังเอิญว่าในเรื่องไม่มีใครขาหัก แล้วน้องผู้หญิงดันตอบว่ามี (คงเพราะอ่านโจทย์ไม่ค่อยเข้าใจ เลยตอบไปเท่าที่คิดได้) เธอถามว่าน้องไปเห็นคนขาหักมาจากไหน แล้วถามเจ้าอ้วนว่าตลกไหม เจ้าอ้วนขำคิกคักพร้อมกับโชว์เหนือด้วยการบอกว่าในเรื่องมีแต่คนตาบอดเฟ้ย (พูดไปกินขนมกุ้ยช่ายไป น่าตุ๊ยท้องให้สำลักสักที -*-) พี่ติวไม่หยุดแค่นั้น อ่านทุกคำถามที่น้องผู้หญิงตอบผิดเพื่อให้เจ้าอ้วนตอบใหม่ เจ้าอ้วนก็ตอบได้อย่างใจ เสร็จแล้วเขาก็หัวเราะเฮฮากัน พร้อมกับวิพากษ์วิจารณ์ว่าน้องผู้หญิงไปต่างๆ นานา ประมาณว่าไม่รู้ไปเอาคำตอบพวกนี้มาจากไหน น้องผู้หญิงก้มหน้าจวนเจียนจะต้องไห้ตาแดงก่ำเลยค่ะ

ใจเราสั่นแบบที่ไม่เคยสั่นมานาน ไม่คิดว่าคนที่อยู่ในสถานะครูบาอาจารย์ (ถึงจะเป็นแค่พี่ติวก็เถอะ) จะผลักดันให้เด็กไปยืนเดียวดายอยู่บนขอบหน้าผาแบบนี้ เป็นไปได้ว่าภาษาอังกฤษของน้องไม่ค่อยดี และเพราะอย่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ถึงได้จ้างติวเตอร์มาสอนเพิ่มเติม แต่สิ่งที่ติวเตอร์คนนี้ทำมันเหมือนเป็นการตอกย้ำให้น้องจมลงไปลึกกว่าที่เคย ยิ่งน้องทำไม่ได้น้องก็ยิ่งไม่อยากเผชิญหน้า เธอน่าจะให้กำลังใจและทำให้น้องมีความมั่นใจมากกว่าเดิม ไม่ใช่ซ้ำเติมด้วยการเอาข้อผิดพลาดของน้องมาล้อเล่นเป็นเรื่องขำขัน เราอยากจะเข้าไปต่อว่าเธอมากๆ แต่ยอมรับว่าไม่กล้า สุดท้ายก็ได้แต่เดินจากมาอย่างเงียบๆ เราคิดเรื่องนี้ตลอดทางระหว่างที่เดินไปขึ้นรถ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ไม่ได้ต่อว่าพี่ติวไม่เป็นไร อย่างน้อยขอให้กำลังใจน้องก็ยังดี เราเลยเดินกลับไปและแวะซื้อโดนัทที่เป็นรูปหน้ายิ้มไปให้น้อง พร้อมกับบอกให้น้องแข้มแข็ง ให้น้องยิ้มเอาไว้ แค่ภาษาอังกฤษไม่ดีก็ใช่ว่าเราจะตาย โลกนี้มีอะไรอีกมากมายรอเราอยู่ น้องยกมือไหว้เราก่อนจะร้องไห้ออกมา เราหันไปตำหนิพี่ติวด้วยสายตา ซึ่งมาถึงตอนนี้ติวเตอร์คนเก่งหายวับไปแล้วค่ะ เธอเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้ามองเราเลย

สุดท้ายเราอยากฝากถึงน้องผู้หญิงคนนั้น ใช่ว่าคนเราจะทำอะไรได้ดีไปเสียทุกอย่าง มันต้องมีบ้างเรื่องที่เราไม่ถนัด ไม่สันทัด และทำได้ไม่เอาอ่าว เราไม่อยากให้น้องเขารู้สึกไม่ดีกับตัวเอง น้องยังเด็กและมีเวลาเรียนรู้อีกมาก มันต้องมีสักอย่างที่น้องทำได้ดีกว่าใคร แค่อย่าเพิ่งถอดใจเพียงเพราะโดนใครบางคนดูถูกเอา และเราขอฝากถึงพี่ติว (ถ้าได้ยินไม่ผิดน่าจะชื่อคุณอุ๋ม) คุณควรต้องทบทวนใหม่ถึงบทบาทและหน้าที่ อย่างน้อยในฐานะผู้ใหญ่คนนึงก็ยังดี รู้ไหมว่าการกระทำของคุณอาจทำให้เด็กสิ้นหวังและหมดความนับถือในตัวเองได้เลย มันถูกแล้วเหรอที่คุณจะใส่อารมณ์กับคนที่ไม่เข้าใจ เมื่อเด็กทำผิด...การพูดจาค่อนแคะหรือการให้คำอธิบายกันแน่ที่เป็นหน้าที่ของครู? เราเชื่อว่าคุณรู้แต่อาจจะลืมตระหนัก และอยากฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ด้วยค่ะ พูดคุยไต่ถามลูกบ้างนะคะว่าทุกครั้งที่ออกจากบ้านเพื่อไปเรียนพิเศษนั้น เขากำลังได้รับการพัฒนาศักยภาพหรือทำลายโอกาสในการเรียนรู้กันแน่ ไม่ถึงขนาดว่าให้ถือแต่ลูกเราเป็นศูนย์กลาง ฉันจ้างเธอมาเธอต้องโอ๋ลูกฉันนะยะ โง่ก็ต้องยอง่าวก็ชม ไม่ค่ะไม่ใช่แบบนั้น แค่อยากให้พิจารณาหลายอย่างประกอบกัน ไม่ใช่แค่เลือกครูที่เก่งอย่างเดียว จะให้ดีคือครูต้องเข้าใจธรรมชาติและความแตกต่างของเด็กแต่ละคน เพราะครูมีหน้าที่ช่วยปรับปรุงแก้ไขจุดบกพร่อง ในขณะเดียวกันก็ต้องช่วยดึงจุดเด่นของเด็กออกมา ที่สำคัญคือครูต้องรู้วิธีผลักดันเด็กให้ไปสู่จุดที่ดีค่ะ ไม่ใช่ผลักจนเด็กหลังชนฝาแบบนี้ นอกจากความเข้าใจแล้วครูควรมีเมตตาต่อเด็กด้วย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่