เรื่องสั้น "ผมมีอะไรกันกับดาวเสาร์"

กระทู้สนทนา

Fcuk me please,Saturn..
(ผมมีอะไรกันกับดาวเสาร์)
Jamez



"คุณไม่กล้าทิ้งฉันไปหรอก เชื่อสิ...."
ผมคิดถึงคำพูดนั้นขึ้นมาจับใจ มันอาจจะจริงอย่างที่เธอพูด หรือมันจริงอย่างที่เธอพูด
ผมไม่แน่ใจระหว่าง อาจจะจริง หรือ จริง  
ในระหว่างที่ผมกำลังสับสนอยู่ ก็มีแสงสีขาวปนเหลืองสว่างจ้าลอดผ่านเข้ามา จนผมรู้สึกแสบตา


"นี่คุณคะ เป็นอะไรหรือเปล่า"     ผมลืมตามา เห็นนภาใช้โทรศัพท์มือถือส่องไฟมาที่หน้าของผม
"เปล่า  ไม่มีอะไรนี่  ผมเผลอหลับไปเหรอ"
"ก็ถือว่าเป็นเผลอที่นานไปนะ คุณเงียบไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ จนทำเสียงครางฮือ ๆ แปลก ๆ ฉันเลยปลุกคุณ"
"จริงเหรอ ตายจริง ผมขอโทษที....." ผมพูดพร้อมลุกขึ้นจากตักของนภา
นอกจากแม่ผมแล้ว ก็คงจะมีเธอนี่แหละ ที่ผมนอนหนุนตักได้นานเท่าไหร่ก็ได้เท่าที่ต้องการ


    นภา เป็นดาวคณะวิทยาศาสตร์ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก มากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถสวยได้
นั่นแปลว่า นอกจากเธอ ผมคงจะไม่เห็นผู้หญิงคนไหนที่งดงามเกินไปกว่านี้อีกแล้ว
ครั้งแรกที่ผมได้พบเธอ สายลมยังต้องหยุดพัด เพื่อให้เธอเดินผ่าน
แม้แต่ยอดหญ้าในสนามฟุตบอลของคณะ ยังโค้งคำนับให้กับความงามของเธอ
แล้วมีเหรอที่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่งอย่างผม จะไม่ตกหลุมรักเธอ  
หลายครั้งที่ผมลังเลใจกับการเดินทางครั้งนี้ เพราะนั่นหมายถึงการที่จะต้องจากนภาไป อาจจะตลอดกาล……

    เรานั่งคุยกันที่ริมหน้าต่างห้องนอน ตั้งแต่ท้องฟ้ายังมีสีฟ้าอ่อน ๆ
จนมาตอนนี้ มันถูกระบายทับด้วยสีดำมืด ปนแสงระเรื่อสีขาวปนเหลืองอ่อนของพระจันทร์  
มองผ่านหน้าต่าง เป็นสนามหญ้าหน้าบ้าน ตรงกลางมีสระว่ายน้ำ รอบ ๆ เป็นอิฐตัวหนอนทำเป็นทางเดิน
มันถูกปูเรียงสลับสีเป็นรูปดวงดาวต่าง ๆ ทั้ง พุธ ศุกร์ โลก อังคาร พฤหัส ยูเรนัส เนปจูน พลูโต และ ดาวเสาร์    

    "น่าน้อยใจนะ ฉันคิดว่าการจากลา เป็นเรื่องที่สำคัญ และน่าเศร้าใจ แต่คุณกลับเผลอหลับไปได้"    
นภาพูดพร้อมจิกตายิ้มเจ้าเล่ห์  ผมอยู่กับเธอมา 12 ปี นั่นนานพอที่จะทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการพูดทีเล่นทีจริง
หยิกแกมหยอกของเธอ  ให้ตายสิ!! นั่นเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมชอบเธอเป็นบ้า..
    "นั่นอาจเป็นเพราะผมเอาแต่คิดถึงมันจนเหนื่อย"
    "คิดถึงนภา หรือ ดวงดาวที่มีวงแหวนรอบนั่นล่ะคะ"
    " โธ่... นภา ไม่เอาน่า อย่าบอกนะว่าคุณหึงดาวเสาร์"
ผมพูดพร้อมเอามือจับแก้มเธออย่างทนุถนอม
เธอขำเบา ๆ ในลำคอแทนคำตอบ ยังคงนัยน์ตายิ้มเจ้าเล่ห์ไว้อยู่
แต่ผมแอบสังเกตเห็นความเศร้าในแววตาแฝงอยู่เล็กน้อย แต่ชั่วพริบตาเดียว มันก็หายไป

    "คุณไม่กล้าทิ้งฉันไปหรอก เชื่อสิ..."
    "เดี๋ยว  คุณพูดว่าอะไรนะ?"
    "ฉันบอกว่า คุณไม่กล้าทิ้งฉันไปหรอก เชื่อฉันสิ   มีอะไรเหรอคะ....."

ผมสับสนนิด ๆ ว่าคำพูดนั่นตรงกับในฝันของผมเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า ผมไม่แน่ใจระหว่าง อาจจะตรง หรือตรง

    " แปลก.... คุณพูดเหมือนที่ผมได้ยินในฝันเมื่อกี้นี้"  
เธอทำหน้าตกใจจนใบหน้าซีดเผือด แต่ก็กลับไปเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
    "ฉันว่าคุณคงจะสับสนแล้วล่ะภพ หรือนอนน้อยไปหรือเปล่าคะ...."
    "นั่นน่ะสิ  อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้"
ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปชงกาแฟในห้องครัวข้าง ๆ

    "คุณมีความคิดจะทำเรื่องพวกนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน.... การเดินทางไปที่ที่ไม่เคยไป หรืออะไรแบบนั้น"
    "เก้าขวบ"
   ผมตอบนภาพร้อมกับถือแก้วกาแฟมาสองแก้ว แก้วหนึ่งยื่นให้เธอ

    "ผมเคยพูดกับพ่อว่า สักวันหนึ่งผมจะไปเยือนดาวดวงอื่น ที่ไม่ใช่ที่ของเรา
     มันน่าอัศจรรย์นะ ที่เราพบว่า นอกเหนือจากพวกเราแล้ว  ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่น คนละรูปแบบกับเรา อาศัยอยู่ในที่อื่น ๆ ด้วย"
    "พูดอย่างกับว่า คุณรู้แล้ว ว่าดาวดวงอื่นก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้วย?"
    "บางทียังมีอีกไม่รู้กี่สิ่ง ที่มนุษย์ยังไม่รู้ วิทยาศาสตร์ สอนไว้ว่า ให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา"
    "คุณจะบอกว่า ที่คุณลงทุนเรียนคณะวิทย์ฯ ก็เพื่อดาวเสาร์?"
    "ผมกลับคิดว่า ดาวเสาร์ดลบันดาลให้ผมมาเจอภาที่คณะวิทย์ต่างหาก"
  เธอยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะเอนตัวนอนพิงมาที่ไหล่ของผม

    "อาทิตย์หน้า ทุกอย่างจะพร้อม  อีก 7 วัน น่าจะเป็นวันที่ผมเดินทางไปตามหาความฝันของผมแล้วนะ ภา..."
    " คุณเรียกมันว่า การเดินทาง  แต่คุณกำลังเดินทางไปหาความฝัน มันฟังดูไม่เข้ากัน
     ความฝัน ถ้ามีอยู่จริง มันก็เป็นแค่กระบวนการหนึ่งของการนอนหลับ แล้วคุณจะเรียกมันว่า การเดินทาง ได้ยังไง
     ฝันอยู่ในสมองของเรา แล้วคุณจะเดินทางไปไหน...."
    "ฝัน มันก็คือฝัน มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง เมื่อเกิดฝัน
    หนึ่งคือ นอนฝันจนตาย หรือ ออกไปทำสิ่งนั้น
    ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดเราจะตายเพราะทำตามฝัน แต่นอนฝัน สักวันก็ตายอยู่ดี
     ต่างกันที่เราได้ทำมันจริง ๆ ไม่ใช่แค่นอนฝัน"
    "ความฝันของคุณ ช่างแรงกล้าเหลือเกิน...."
เธอพูดเสียงแผ่ว ๆ เหมือนจะเป็นเสียงที่ผสมด้วยความรู้สึกประหลาดบางอย่าง


    ทางเดินไปสู่หลังบ้าน ลึกเข้าไปในโกดังขนาดเท่าบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง
แต่มีหลังคาสูงโปร่ง ยานอวกาศที่จะพาผมเดินทางไปหาความฝัน
ได้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยทั้งงานประกอบ และการสะสมเชื้อเพลิง
สื่งที่เหลือก็คือ การรอเวลาอีกแค่ 7 วัน เพื่อให้ตรงกับเวลาที่ดาวเสาร์จะเข้าใกล้โลกมากที่สุดในอีก 20 ปีข้างหน้า

ใช่.... ในอีก 20 ปีข้างหน้า ยานอวกาศที่จะพาผมไปดาวเสาร์ที่ห่างจากโลก 1,304 ล้านกิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางเป็นเวลา 20 ปีพอดี แต่มันคงไม่ใช่เรื่องยากลำบากนัก ด้วยอุปกรณ์ที่ผมมีอยู่
ผมจะเข้าไปอยู่ในแคปซูล รู้สึกเหมือนแค่หลับไปชั่วครู่ ผมก็จะตื่นขึ้นมาใน 20 ปีข้างหน้า  
บางที นั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง  ที่ผมเตรียมเชื้อเพลิงในการเดินทางครั้งนี้แค่ขาไป
เปรียบเสมือนเป็นตั๋วไปเที่ยวเดียวเท่านั้น และ ถ้าการเดินทางไปกลับ กินเวลารวม 40 ปี
ประโยชน์อะไรที่ผมจะกลับมาที่โลกพร้อมกับวันเวลาที่ล่วงเลยไปแล้วถึงเกือบครึ่งศตวรรษ
ผมอาจจะไม่เหลือใครที่ผมรู้จัก หรือใครที่รู้จักผม  ไม่เหลือแม้บ้านให้อยู่
หรือเลวร้ายที่สุด เมื่อผ่านไปถึงเวลานั้นจริง ๆ แล้ว เราจะยังมีดวงดาวที่เรียกกันว่าโลกอยู่หรือเปล่า......

    ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุดกับนภากับเวลาที่เหลือก่อนเดินทาง
เราสองคนทำทุกอย่างที่เราอยากทำ ทุกสถานที่ที่เราอยากไป
แต่เธอพูดถูก การจากลา เป็นเรื่องที่สำคัญ และน่าเศร้าใจเสมอ
ต่อให้เราเสพความสุขแค่ไหน เมื่อยามทุกข์ก็ใช่ว่าความสุขเหล่านั้น
มันจะเรียงหน้ากันเข้ามาทำหน้าที่รองรับ หรือกลั่นกรองให้ทุกข์มันบรรเทาซะเมื่อไร
และเมื่อเวลานั้นมาถึง    6.16 น. เป็นเวลาที่ผมต้องออกเดินทาง
ผมเลือกที่จะเดินทางตอนที่เธอหลับ มันคงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
ถ้าจะต้องจ้องมองตาคู่นั้นก่อนจะจากกัน อาจจะตลอดกาล…

    หลังคาบานใหญ่ของโกดังถูกเปิดออก ผมขึ้นยานอวกาศ
เมื่อตั้งค่าโปรแกรมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย   มันก็ดีดตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า  
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ ผมรู้สึกคิดถึงนภาตั้งแต่ที่ยังไม่พ้นชั้นบรรยากาศของโลก
ผมบรรจุตัวเองเข้ากับแคปซูล แม้ว่าปิดฝาเพื่อเตรียมตัวที่จะเข้าสู่กระบวนการนอนหลับเป็นเวลา 20 ปีแล้วก็ตาม    
แต่ผมมองผ่านช่องกระจกขนาดไม่ใหญ่มากของแคปซูล มองทะลุไปที่หน้าต่างของยานอวกาศ
ผมมองเห็นเมฆ เห็นดวงดาวสีฟ้าสีเขียว ดวงดาวที่สวยที่สุดเท่าที่มีในระบบจักรวาล
ดวงดาวที่ผมฝันเอาไว้ ว่าสักวันนึงจะได้มาสัมผัส.....

            -------------------------------------------------
    "ทำไมลูกเลือกดาวดวงนี้ล่ะ...."
    "ผมชอบสีฟ้ากับสีเขียวฮะพ่อ....."
    "ฮ่าๆๆ พ่อว่า พ่อเห็นแววตาของพ่อตอน 9 ขวบ ในตาของลูกนะ
    ลูกเป็นเด็กที่กล้าหาญจริง ๆ พ่อเชื่อว่าลูกต้องทำได้ แล้วสักวันนึง เราจะกลับมาพบกัน......"
    -------------------------------------------------

    ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับวันเวลาที่ผ่านไปแล้ว 20 ปี นี่ผมคงใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
ผมฝันถึงอะไรหลาย ๆ อย่างระหว่างที่หลับไป 20 ปี ทั้งนภา ชีวิตบนโลก
และฝันถึงวันที่พ่อมาส่งผมออกเดินทางในตอนเด็ก สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ
แม้เวลาจะผ่านไปแล้ว 20 ปี     ผมก็ยังคงคิดถึงนภาอยู่.......

    "คุณไม่กล้าทิ้งฉันไปหรอก เชื่อสิ...."
    ผมคิดถึงคำพูดนั้นขึ้นมาจับใจ มันอาจจะจริงอย่างที่เธอพูด หรือมันจริงอย่างที่เธอพูด
ผมไม่แน่ใจระหว่าง อาจจะจริง หรือ จริง  
ในระหว่างที่ผมกำลังสับสนอยู่ ก็มีแสงสีขาวปนเหลืองสว่างจ้าลอดผ่านเข้ามาจนผมรู้สึกแสบตา

แม้ผมยังคงนอนอยู่ในแคปซูล แม้ว่าฝาจะยังปิดอยู่ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่กระบวนการนอนหลับเป็นเวลา 20 ปีแล้วก็ตาม
แต่ผมมองผ่านช่องกระจกขนาดไม่ใหญ่มากของแคปซูล มองทะลุไปที่หน้าต่างของยานอวกาศ
ผมมองเห็นวงแหวน เห็นดวงดาวสีเหลืองขนาดใหญ่ ดวงดาวที่สวยที่สุดเท่าที่มีในระบบจักรวาล
ดวงดาวที่ผมจากมานาน และดวงดาวที่ผมฝันเอาไว้ ว่าสักวันนึง
    
    ผมจะได้กลับมาที่บ้านของผมอีกครั้ง......
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่