Fcuk me please,Saturn..
(ผมมีอะไรกันกับดาวเสาร์)
Jamez
"คุณไม่กล้าทิ้งฉันไปหรอก เชื่อสิ...."
ผมคิดถึงคำพูดนั้นขึ้นมาจับใจ มันอาจจะจริงอย่างที่เธอพูด หรือมันจริงอย่างที่เธอพูด
ผมไม่แน่ใจระหว่าง อาจจะจริง หรือ จริง
ในระหว่างที่ผมกำลังสับสนอยู่ ก็มีแสงสีขาวปนเหลืองสว่างจ้าลอดผ่านเข้ามา จนผมรู้สึกแสบตา
"นี่คุณคะ เป็นอะไรหรือเปล่า" ผมลืมตามา เห็นนภาใช้โทรศัพท์มือถือส่องไฟมาที่หน้าของผม
"เปล่า ไม่มีอะไรนี่ ผมเผลอหลับไปเหรอ"
"ก็ถือว่าเป็นเผลอที่นานไปนะ คุณเงียบไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ จนทำเสียงครางฮือ ๆ แปลก ๆ ฉันเลยปลุกคุณ"
"จริงเหรอ ตายจริง ผมขอโทษที....." ผมพูดพร้อมลุกขึ้นจากตักของนภา
นอกจากแม่ผมแล้ว ก็คงจะมีเธอนี่แหละ ที่ผมนอนหนุนตักได้นานเท่าไหร่ก็ได้เท่าที่ต้องการ
นภา เป็นดาวคณะวิทยาศาสตร์ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก มากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถสวยได้
นั่นแปลว่า นอกจากเธอ ผมคงจะไม่เห็นผู้หญิงคนไหนที่งดงามเกินไปกว่านี้อีกแล้ว
ครั้งแรกที่ผมได้พบเธอ สายลมยังต้องหยุดพัด เพื่อให้เธอเดินผ่าน
แม้แต่ยอดหญ้าในสนามฟุตบอลของคณะ ยังโค้งคำนับให้กับความงามของเธอ
แล้วมีเหรอที่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่งอย่างผม จะไม่ตกหลุมรักเธอ
หลายครั้งที่ผมลังเลใจกับการเดินทางครั้งนี้ เพราะนั่นหมายถึงการที่จะต้องจากนภาไป อาจจะตลอดกาล……
เรานั่งคุยกันที่ริมหน้าต่างห้องนอน ตั้งแต่ท้องฟ้ายังมีสีฟ้าอ่อน ๆ
จนมาตอนนี้ มันถูกระบายทับด้วยสีดำมืด ปนแสงระเรื่อสีขาวปนเหลืองอ่อนของพระจันทร์
มองผ่านหน้าต่าง เป็นสนามหญ้าหน้าบ้าน ตรงกลางมีสระว่ายน้ำ รอบ ๆ เป็นอิฐตัวหนอนทำเป็นทางเดิน
มันถูกปูเรียงสลับสีเป็นรูปดวงดาวต่าง ๆ ทั้ง พุธ ศุกร์ โลก อังคาร พฤหัส ยูเรนัส เนปจูน พลูโต และ ดาวเสาร์
"น่าน้อยใจนะ ฉันคิดว่าการจากลา เป็นเรื่องที่สำคัญ และน่าเศร้าใจ แต่คุณกลับเผลอหลับไปได้"
นภาพูดพร้อมจิกตายิ้มเจ้าเล่ห์ ผมอยู่กับเธอมา 12 ปี นั่นนานพอที่จะทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการพูดทีเล่นทีจริง
หยิกแกมหยอกของเธอ ให้ตายสิ!! นั่นเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมชอบเธอเป็นบ้า..
"นั่นอาจเป็นเพราะผมเอาแต่คิดถึงมันจนเหนื่อย"
"คิดถึงนภา หรือ ดวงดาวที่มีวงแหวนรอบนั่นล่ะคะ"
" โธ่... นภา ไม่เอาน่า อย่าบอกนะว่าคุณหึงดาวเสาร์" ผมพูดพร้อมเอามือจับแก้มเธออย่างทนุถนอม
เธอขำเบา ๆ ในลำคอแทนคำตอบ ยังคงนัยน์ตายิ้มเจ้าเล่ห์ไว้อยู่
แต่ผมแอบสังเกตเห็นความเศร้าในแววตาแฝงอยู่เล็กน้อย แต่ชั่วพริบตาเดียว มันก็หายไป
"คุณไม่กล้าทิ้งฉันไปหรอก เชื่อสิ..."
"เดี๋ยว คุณพูดว่าอะไรนะ?"
"ฉันบอกว่า คุณไม่กล้าทิ้งฉันไปหรอก เชื่อฉันสิ มีอะไรเหรอคะ....."
ผมสับสนนิด ๆ ว่าคำพูดนั่นตรงกับในฝันของผมเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า ผมไม่แน่ใจระหว่าง อาจจะตรง หรือตรง
" แปลก.... คุณพูดเหมือนที่ผมได้ยินในฝันเมื่อกี้นี้"
เธอทำหน้าตกใจจนใบหน้าซีดเผือด แต่ก็กลับไปเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
"ฉันว่าคุณคงจะสับสนแล้วล่ะภพ หรือนอนน้อยไปหรือเปล่าคะ...."
"นั่นน่ะสิ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้" ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปชงกาแฟในห้องครัวข้าง ๆ
"คุณมีความคิดจะทำเรื่องพวกนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน.... การเดินทางไปที่ที่ไม่เคยไป หรืออะไรแบบนั้น"
"เก้าขวบ" ผมตอบนภาพร้อมกับถือแก้วกาแฟมาสองแก้ว แก้วหนึ่งยื่นให้เธอ
"ผมเคยพูดกับพ่อว่า สักวันหนึ่งผมจะไปเยือนดาวดวงอื่น ที่ไม่ใช่ที่ของเรา
มันน่าอัศจรรย์นะ ที่เราพบว่า นอกเหนือจากพวกเราแล้ว ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่น คนละรูปแบบกับเรา อาศัยอยู่ในที่อื่น ๆ ด้วย"
"พูดอย่างกับว่า คุณรู้แล้ว ว่าดาวดวงอื่นก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้วย?"
"บางทียังมีอีกไม่รู้กี่สิ่ง ที่มนุษย์ยังไม่รู้ วิทยาศาสตร์ สอนไว้ว่า ให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา"
"คุณจะบอกว่า ที่คุณลงทุนเรียนคณะวิทย์ฯ ก็เพื่อดาวเสาร์?"
"ผมกลับคิดว่า ดาวเสาร์ดลบันดาลให้ผมมาเจอภาที่คณะวิทย์ต่างหาก" เธอยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะเอนตัวนอนพิงมาที่ไหล่ของผม
"อาทิตย์หน้า ทุกอย่างจะพร้อม อีก 7 วัน น่าจะเป็นวันที่ผมเดินทางไปตามหาความฝันของผมแล้วนะ ภา..."
" คุณเรียกมันว่า การเดินทาง แต่คุณกำลังเดินทางไปหาความฝัน มันฟังดูไม่เข้ากัน
ความฝัน ถ้ามีอยู่จริง มันก็เป็นแค่กระบวนการหนึ่งของการนอนหลับ แล้วคุณจะเรียกมันว่า การเดินทาง ได้ยังไง
ฝันอยู่ในสมองของเรา แล้วคุณจะเดินทางไปไหน...."
"ฝัน มันก็คือฝัน มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง เมื่อเกิดฝัน
หนึ่งคือ นอนฝันจนตาย หรือ ออกไปทำสิ่งนั้น
ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดเราจะตายเพราะทำตามฝัน แต่นอนฝัน สักวันก็ตายอยู่ดี
ต่างกันที่เราได้ทำมันจริง ๆ ไม่ใช่แค่นอนฝัน"
"ความฝันของคุณ ช่างแรงกล้าเหลือเกิน...."
เธอพูดเสียงแผ่ว ๆ เหมือนจะเป็นเสียงที่ผสมด้วยความรู้สึกประหลาดบางอย่าง
ทางเดินไปสู่หลังบ้าน ลึกเข้าไปในโกดังขนาดเท่าบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง
แต่มีหลังคาสูงโปร่ง ยานอวกาศที่จะพาผมเดินทางไปหาความฝัน
ได้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยทั้งงานประกอบ และการสะสมเชื้อเพลิง
สื่งที่เหลือก็คือ การรอเวลาอีกแค่ 7 วัน เพื่อให้ตรงกับเวลาที่ดาวเสาร์จะเข้าใกล้โลกมากที่สุดในอีก 20 ปีข้างหน้า
ใช่.... ในอีก 20 ปีข้างหน้า ยานอวกาศที่จะพาผมไปดาวเสาร์ที่ห่างจากโลก 1,304 ล้านกิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางเป็นเวลา 20 ปีพอดี แต่มันคงไม่ใช่เรื่องยากลำบากนัก ด้วยอุปกรณ์ที่ผมมีอยู่
ผมจะเข้าไปอยู่ในแคปซูล รู้สึกเหมือนแค่หลับไปชั่วครู่ ผมก็จะตื่นขึ้นมาใน 20 ปีข้างหน้า
บางที นั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ผมเตรียมเชื้อเพลิงในการเดินทางครั้งนี้แค่ขาไป
เปรียบเสมือนเป็นตั๋วไปเที่ยวเดียวเท่านั้น และ ถ้าการเดินทางไปกลับ กินเวลารวม 40 ปี
ประโยชน์อะไรที่ผมจะกลับมาที่โลกพร้อมกับวันเวลาที่ล่วงเลยไปแล้วถึงเกือบครึ่งศตวรรษ
ผมอาจจะไม่เหลือใครที่ผมรู้จัก หรือใครที่รู้จักผม ไม่เหลือแม้บ้านให้อยู่
หรือเลวร้ายที่สุด เมื่อผ่านไปถึงเวลานั้นจริง ๆ แล้ว
เราจะยังมีดวงดาวที่เรียกกันว่าโลกอยู่หรือเปล่า......
ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุดกับนภากับเวลาที่เหลือก่อนเดินทาง
เราสองคนทำทุกอย่างที่เราอยากทำ ทุกสถานที่ที่เราอยากไป
แต่เธอพูดถูก การจากลา เป็นเรื่องที่สำคัญ และน่าเศร้าใจเสมอ
ต่อให้เราเสพความสุขแค่ไหน เมื่อยามทุกข์ก็ใช่ว่าความสุขเหล่านั้น
มันจะเรียงหน้ากันเข้ามาทำหน้าที่รองรับ หรือกลั่นกรองให้ทุกข์มันบรรเทาซะเมื่อไร
และเมื่อเวลานั้นมาถึง 6.16 น. เป็นเวลาที่ผมต้องออกเดินทาง
ผมเลือกที่จะเดินทางตอนที่เธอหลับ มันคงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
ถ้าจะต้องจ้องมองตาคู่นั้นก่อนจะจากกัน
อาจจะตลอดกาล…
หลังคาบานใหญ่ของโกดังถูกเปิดออก ผมขึ้นยานอวกาศ
เมื่อตั้งค่าโปรแกรมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย มันก็ดีดตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ ผมรู้สึกคิดถึงนภาตั้งแต่ที่ยังไม่พ้นชั้นบรรยากาศของโลก
ผมบรรจุตัวเองเข้ากับแคปซูล แม้ว่าปิดฝาเพื่อเตรียมตัวที่จะเข้าสู่กระบวนการนอนหลับเป็นเวลา 20 ปีแล้วก็ตาม
แต่ผมมองผ่านช่องกระจกขนาดไม่ใหญ่มากของแคปซูล มองทะลุไปที่หน้าต่างของยานอวกาศ
ผมมองเห็นเมฆ เห็นดวงดาวสีฟ้าสีเขียว ดวงดาวที่สวยที่สุดเท่าที่มีในระบบจักรวาล
ดวงดาวที่ผมฝันเอาไว้
ว่าสักวันนึงจะได้มาสัมผัส.....
-------------------------------------------------
"ทำไมลูกเลือกดาวดวงนี้ล่ะ...."
"ผมชอบสีฟ้ากับสีเขียวฮะพ่อ....."
"ฮ่าๆๆ พ่อว่า พ่อเห็นแววตาของพ่อตอน 9 ขวบ ในตาของลูกนะ
ลูกเป็นเด็กที่กล้าหาญจริง ๆ พ่อเชื่อว่าลูกต้องทำได้ แล้วสักวันนึง เราจะกลับมาพบกัน......"
-------------------------------------------------
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับวันเวลาที่ผ่านไปแล้ว 20 ปี นี่ผมคงใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
ผมฝันถึงอะไรหลาย ๆ อย่างระหว่างที่หลับไป 20 ปี ทั้งนภา ชีวิตบนโลก
และฝันถึงวันที่พ่อมาส่งผมออกเดินทางในตอนเด็ก สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ
แม้เวลาจะผ่านไปแล้ว 20 ปี
ผมก็ยังคงคิดถึงนภาอยู่.......
"คุณไม่กล้าทิ้งฉันไปหรอก เชื่อสิ...."
ผมคิดถึงคำพูดนั้นขึ้นมาจับใจ มันอาจจะจริงอย่างที่เธอพูด หรือมันจริงอย่างที่เธอพูด
ผมไม่แน่ใจระหว่าง อาจจะจริง หรือ จริง
ในระหว่างที่ผมกำลังสับสนอยู่ ก็มีแสงสีขาวปนเหลืองสว่างจ้าลอดผ่านเข้ามาจนผมรู้สึกแสบตา
แม้ผมยังคงนอนอยู่ในแคปซูล แม้ว่าฝาจะยังปิดอยู่ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่กระบวนการนอนหลับเป็นเวลา 20 ปีแล้วก็ตาม
แต่ผมมองผ่านช่องกระจกขนาดไม่ใหญ่มากของแคปซูล มองทะลุไปที่หน้าต่างของยานอวกาศ
ผมมองเห็นวงแหวน เห็นดวงดาวสีเหลืองขนาดใหญ่ ดวงดาวที่สวยที่สุดเท่าที่มีในระบบจักรวาล
ดวงดาวที่ผมจากมานาน และดวงดาวที่ผมฝันเอาไว้ ว่าสักวันนึง
ผมจะได้กลับมาที่บ้านของผมอีกครั้ง......
เรื่องสั้น "ผมมีอะไรกันกับดาวเสาร์"
Fcuk me please,Saturn..
(ผมมีอะไรกันกับดาวเสาร์)
Jamez
"คุณไม่กล้าทิ้งฉันไปหรอก เชื่อสิ...."
ผมคิดถึงคำพูดนั้นขึ้นมาจับใจ มันอาจจะจริงอย่างที่เธอพูด หรือมันจริงอย่างที่เธอพูด
ผมไม่แน่ใจระหว่าง อาจจะจริง หรือ จริง
ในระหว่างที่ผมกำลังสับสนอยู่ ก็มีแสงสีขาวปนเหลืองสว่างจ้าลอดผ่านเข้ามา จนผมรู้สึกแสบตา
"นี่คุณคะ เป็นอะไรหรือเปล่า" ผมลืมตามา เห็นนภาใช้โทรศัพท์มือถือส่องไฟมาที่หน้าของผม
"เปล่า ไม่มีอะไรนี่ ผมเผลอหลับไปเหรอ"
"ก็ถือว่าเป็นเผลอที่นานไปนะ คุณเงียบไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ จนทำเสียงครางฮือ ๆ แปลก ๆ ฉันเลยปลุกคุณ"
"จริงเหรอ ตายจริง ผมขอโทษที....." ผมพูดพร้อมลุกขึ้นจากตักของนภา
นอกจากแม่ผมแล้ว ก็คงจะมีเธอนี่แหละ ที่ผมนอนหนุนตักได้นานเท่าไหร่ก็ได้เท่าที่ต้องการ
นภา เป็นดาวคณะวิทยาศาสตร์ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก มากที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถสวยได้
นั่นแปลว่า นอกจากเธอ ผมคงจะไม่เห็นผู้หญิงคนไหนที่งดงามเกินไปกว่านี้อีกแล้ว
ครั้งแรกที่ผมได้พบเธอ สายลมยังต้องหยุดพัด เพื่อให้เธอเดินผ่าน
แม้แต่ยอดหญ้าในสนามฟุตบอลของคณะ ยังโค้งคำนับให้กับความงามของเธอ
แล้วมีเหรอที่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่งอย่างผม จะไม่ตกหลุมรักเธอ
หลายครั้งที่ผมลังเลใจกับการเดินทางครั้งนี้ เพราะนั่นหมายถึงการที่จะต้องจากนภาไป อาจจะตลอดกาล……
เรานั่งคุยกันที่ริมหน้าต่างห้องนอน ตั้งแต่ท้องฟ้ายังมีสีฟ้าอ่อน ๆ
จนมาตอนนี้ มันถูกระบายทับด้วยสีดำมืด ปนแสงระเรื่อสีขาวปนเหลืองอ่อนของพระจันทร์
มองผ่านหน้าต่าง เป็นสนามหญ้าหน้าบ้าน ตรงกลางมีสระว่ายน้ำ รอบ ๆ เป็นอิฐตัวหนอนทำเป็นทางเดิน
มันถูกปูเรียงสลับสีเป็นรูปดวงดาวต่าง ๆ ทั้ง พุธ ศุกร์ โลก อังคาร พฤหัส ยูเรนัส เนปจูน พลูโต และ ดาวเสาร์
"น่าน้อยใจนะ ฉันคิดว่าการจากลา เป็นเรื่องที่สำคัญ และน่าเศร้าใจ แต่คุณกลับเผลอหลับไปได้"
นภาพูดพร้อมจิกตายิ้มเจ้าเล่ห์ ผมอยู่กับเธอมา 12 ปี นั่นนานพอที่จะทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการพูดทีเล่นทีจริง
หยิกแกมหยอกของเธอ ให้ตายสิ!! นั่นเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมชอบเธอเป็นบ้า..
"นั่นอาจเป็นเพราะผมเอาแต่คิดถึงมันจนเหนื่อย"
"คิดถึงนภา หรือ ดวงดาวที่มีวงแหวนรอบนั่นล่ะคะ"
" โธ่... นภา ไม่เอาน่า อย่าบอกนะว่าคุณหึงดาวเสาร์" ผมพูดพร้อมเอามือจับแก้มเธออย่างทนุถนอม
เธอขำเบา ๆ ในลำคอแทนคำตอบ ยังคงนัยน์ตายิ้มเจ้าเล่ห์ไว้อยู่
แต่ผมแอบสังเกตเห็นความเศร้าในแววตาแฝงอยู่เล็กน้อย แต่ชั่วพริบตาเดียว มันก็หายไป
"คุณไม่กล้าทิ้งฉันไปหรอก เชื่อสิ..."
"เดี๋ยว คุณพูดว่าอะไรนะ?"
"ฉันบอกว่า คุณไม่กล้าทิ้งฉันไปหรอก เชื่อฉันสิ มีอะไรเหรอคะ....."
ผมสับสนนิด ๆ ว่าคำพูดนั่นตรงกับในฝันของผมเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า ผมไม่แน่ใจระหว่าง อาจจะตรง หรือตรง
" แปลก.... คุณพูดเหมือนที่ผมได้ยินในฝันเมื่อกี้นี้"
เธอทำหน้าตกใจจนใบหน้าซีดเผือด แต่ก็กลับไปเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
"ฉันว่าคุณคงจะสับสนแล้วล่ะภพ หรือนอนน้อยไปหรือเปล่าคะ...."
"นั่นน่ะสิ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้" ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปชงกาแฟในห้องครัวข้าง ๆ
"คุณมีความคิดจะทำเรื่องพวกนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน.... การเดินทางไปที่ที่ไม่เคยไป หรืออะไรแบบนั้น"
"เก้าขวบ" ผมตอบนภาพร้อมกับถือแก้วกาแฟมาสองแก้ว แก้วหนึ่งยื่นให้เธอ
"ผมเคยพูดกับพ่อว่า สักวันหนึ่งผมจะไปเยือนดาวดวงอื่น ที่ไม่ใช่ที่ของเรา
มันน่าอัศจรรย์นะ ที่เราพบว่า นอกเหนือจากพวกเราแล้ว ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่น คนละรูปแบบกับเรา อาศัยอยู่ในที่อื่น ๆ ด้วย"
"พูดอย่างกับว่า คุณรู้แล้ว ว่าดาวดวงอื่นก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้วย?"
"บางทียังมีอีกไม่รู้กี่สิ่ง ที่มนุษย์ยังไม่รู้ วิทยาศาสตร์ สอนไว้ว่า ให้เราเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา"
"คุณจะบอกว่า ที่คุณลงทุนเรียนคณะวิทย์ฯ ก็เพื่อดาวเสาร์?"
"ผมกลับคิดว่า ดาวเสาร์ดลบันดาลให้ผมมาเจอภาที่คณะวิทย์ต่างหาก" เธอยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะเอนตัวนอนพิงมาที่ไหล่ของผม
"อาทิตย์หน้า ทุกอย่างจะพร้อม อีก 7 วัน น่าจะเป็นวันที่ผมเดินทางไปตามหาความฝันของผมแล้วนะ ภา..."
" คุณเรียกมันว่า การเดินทาง แต่คุณกำลังเดินทางไปหาความฝัน มันฟังดูไม่เข้ากัน
ความฝัน ถ้ามีอยู่จริง มันก็เป็นแค่กระบวนการหนึ่งของการนอนหลับ แล้วคุณจะเรียกมันว่า การเดินทาง ได้ยังไง
ฝันอยู่ในสมองของเรา แล้วคุณจะเดินทางไปไหน...."
"ฝัน มันก็คือฝัน มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง เมื่อเกิดฝัน
หนึ่งคือ นอนฝันจนตาย หรือ ออกไปทำสิ่งนั้น
ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดเราจะตายเพราะทำตามฝัน แต่นอนฝัน สักวันก็ตายอยู่ดี
ต่างกันที่เราได้ทำมันจริง ๆ ไม่ใช่แค่นอนฝัน"
"ความฝันของคุณ ช่างแรงกล้าเหลือเกิน...."
เธอพูดเสียงแผ่ว ๆ เหมือนจะเป็นเสียงที่ผสมด้วยความรู้สึกประหลาดบางอย่าง
ทางเดินไปสู่หลังบ้าน ลึกเข้าไปในโกดังขนาดเท่าบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง
แต่มีหลังคาสูงโปร่ง ยานอวกาศที่จะพาผมเดินทางไปหาความฝัน
ได้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยทั้งงานประกอบ และการสะสมเชื้อเพลิง
สื่งที่เหลือก็คือ การรอเวลาอีกแค่ 7 วัน เพื่อให้ตรงกับเวลาที่ดาวเสาร์จะเข้าใกล้โลกมากที่สุดในอีก 20 ปีข้างหน้า
ใช่.... ในอีก 20 ปีข้างหน้า ยานอวกาศที่จะพาผมไปดาวเสาร์ที่ห่างจากโลก 1,304 ล้านกิโลเมตร
ใช้เวลาเดินทางเป็นเวลา 20 ปีพอดี แต่มันคงไม่ใช่เรื่องยากลำบากนัก ด้วยอุปกรณ์ที่ผมมีอยู่
ผมจะเข้าไปอยู่ในแคปซูล รู้สึกเหมือนแค่หลับไปชั่วครู่ ผมก็จะตื่นขึ้นมาใน 20 ปีข้างหน้า
บางที นั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ผมเตรียมเชื้อเพลิงในการเดินทางครั้งนี้แค่ขาไป
เปรียบเสมือนเป็นตั๋วไปเที่ยวเดียวเท่านั้น และ ถ้าการเดินทางไปกลับ กินเวลารวม 40 ปี
ประโยชน์อะไรที่ผมจะกลับมาที่โลกพร้อมกับวันเวลาที่ล่วงเลยไปแล้วถึงเกือบครึ่งศตวรรษ
ผมอาจจะไม่เหลือใครที่ผมรู้จัก หรือใครที่รู้จักผม ไม่เหลือแม้บ้านให้อยู่
หรือเลวร้ายที่สุด เมื่อผ่านไปถึงเวลานั้นจริง ๆ แล้ว เราจะยังมีดวงดาวที่เรียกกันว่าโลกอยู่หรือเปล่า......
ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุดกับนภากับเวลาที่เหลือก่อนเดินทาง
เราสองคนทำทุกอย่างที่เราอยากทำ ทุกสถานที่ที่เราอยากไป
แต่เธอพูดถูก การจากลา เป็นเรื่องที่สำคัญ และน่าเศร้าใจเสมอ
ต่อให้เราเสพความสุขแค่ไหน เมื่อยามทุกข์ก็ใช่ว่าความสุขเหล่านั้น
มันจะเรียงหน้ากันเข้ามาทำหน้าที่รองรับ หรือกลั่นกรองให้ทุกข์มันบรรเทาซะเมื่อไร
และเมื่อเวลานั้นมาถึง 6.16 น. เป็นเวลาที่ผมต้องออกเดินทาง
ผมเลือกที่จะเดินทางตอนที่เธอหลับ มันคงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
ถ้าจะต้องจ้องมองตาคู่นั้นก่อนจะจากกัน อาจจะตลอดกาล…
หลังคาบานใหญ่ของโกดังถูกเปิดออก ผมขึ้นยานอวกาศ
เมื่อตั้งค่าโปรแกรมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย มันก็ดีดตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ ผมรู้สึกคิดถึงนภาตั้งแต่ที่ยังไม่พ้นชั้นบรรยากาศของโลก
ผมบรรจุตัวเองเข้ากับแคปซูล แม้ว่าปิดฝาเพื่อเตรียมตัวที่จะเข้าสู่กระบวนการนอนหลับเป็นเวลา 20 ปีแล้วก็ตาม
แต่ผมมองผ่านช่องกระจกขนาดไม่ใหญ่มากของแคปซูล มองทะลุไปที่หน้าต่างของยานอวกาศ
ผมมองเห็นเมฆ เห็นดวงดาวสีฟ้าสีเขียว ดวงดาวที่สวยที่สุดเท่าที่มีในระบบจักรวาล
ดวงดาวที่ผมฝันเอาไว้ ว่าสักวันนึงจะได้มาสัมผัส.....
-------------------------------------------------
"ทำไมลูกเลือกดาวดวงนี้ล่ะ...."
"ผมชอบสีฟ้ากับสีเขียวฮะพ่อ....."
"ฮ่าๆๆ พ่อว่า พ่อเห็นแววตาของพ่อตอน 9 ขวบ ในตาของลูกนะ
ลูกเป็นเด็กที่กล้าหาญจริง ๆ พ่อเชื่อว่าลูกต้องทำได้ แล้วสักวันนึง เราจะกลับมาพบกัน......"
-------------------------------------------------
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับวันเวลาที่ผ่านไปแล้ว 20 ปี นี่ผมคงใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
ผมฝันถึงอะไรหลาย ๆ อย่างระหว่างที่หลับไป 20 ปี ทั้งนภา ชีวิตบนโลก
และฝันถึงวันที่พ่อมาส่งผมออกเดินทางในตอนเด็ก สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ
แม้เวลาจะผ่านไปแล้ว 20 ปี ผมก็ยังคงคิดถึงนภาอยู่.......
"คุณไม่กล้าทิ้งฉันไปหรอก เชื่อสิ...."
ผมคิดถึงคำพูดนั้นขึ้นมาจับใจ มันอาจจะจริงอย่างที่เธอพูด หรือมันจริงอย่างที่เธอพูด
ผมไม่แน่ใจระหว่าง อาจจะจริง หรือ จริง
ในระหว่างที่ผมกำลังสับสนอยู่ ก็มีแสงสีขาวปนเหลืองสว่างจ้าลอดผ่านเข้ามาจนผมรู้สึกแสบตา
แม้ผมยังคงนอนอยู่ในแคปซูล แม้ว่าฝาจะยังปิดอยู่ตั้งแต่เริ่มเข้าสู่กระบวนการนอนหลับเป็นเวลา 20 ปีแล้วก็ตาม
แต่ผมมองผ่านช่องกระจกขนาดไม่ใหญ่มากของแคปซูล มองทะลุไปที่หน้าต่างของยานอวกาศ
ผมมองเห็นวงแหวน เห็นดวงดาวสีเหลืองขนาดใหญ่ ดวงดาวที่สวยที่สุดเท่าที่มีในระบบจักรวาล
ดวงดาวที่ผมจากมานาน และดวงดาวที่ผมฝันเอาไว้ ว่าสักวันนึง
ผมจะได้กลับมาที่บ้านของผมอีกครั้ง......