มาร์คครับ วันนี้ผมขออนุญาตกระตุกจิตสำนึกของมาร์คให้ทำงานเสียทีนะครับ

กระทู้สนทนา
ได้ยินมาร์คแนะนำคนอื่นมากมายให้มีจิตสำนึก ไม่ว่าจะเป็นชีวิตธรรมดาหรือชีวิตของนักการเมือง แต่ขณะเดียวกันมาร์คเองกลับไม่เคยแสดงให้เห็นเลยว่า จิตสำนึกของมาร์คล่ะครับ มันเป็นอย่างไรกันแน่

มาร์คครับ ผมได้ยินมาร์คพยายามโทษเรื่องความแตกแยกของสังคม ของประเทศชาติให้กับคนโน้น ให้กับคนนี้ แต่มาร์คกลับมองข้ามตัวเอง ที่เป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศต้องเป็นอย่างนี้ ดังนั้นผมจึงอยากอาศัยโอกาสนี้กระตุกต่อมจิตสำนึกของมาร์คให้ทำงานเสียบ้าง เผื่อประเทศจะได้มีทางออก สังคมจะได้หลุดพ้นจากความผะอืดผะอมคลื่นเหียนที่ทุกครั้งได้เห็นมาร์คให้สัมภาษณ์

ก่อนอื่นมาร์คต้องเข้าใจเสียก่อนนะครับว่า เจ้า “จิตสำนึก” นี้มันคืออะไรเสียก่อนนะครับ
จิตสำนึกที่พอจะให้มาร์คเข้าใจง่ายๆ มันก็มีความหมายแค่สี่หลักใหญ่นะครับมาร์ค

หนึ่งคือ เป็นสภาพที่รู้ตัวว่าเป็นใคร
สองคือ ต้องรู้ว่าตนอยู่ที่ไหน
สามคือ ต้องการอะไร
และสี่คือ กำลังรู้สึกอย่างไรต่อสิ่งใด

จิตสำนึกจึงเป็นการแสดงถึงพฤติกรรมต่างๆที่จะทำหรือไม่ทำอะไร เป็นการระลึกรู้ถึงภาระหน้าที่และตำแหน่งของตัวเองตามโครงสร้างของสังคม จิตสำนึกจึงเกี่ยวโยงกับจริยธรรมและคุณธรรมของคนนั้นๆด้วยครับ

คราวนี้เรามาดูการกระทำที่ผ่านมาของมาร์คว่าเข้าข่ายมีจิตสำนึกหรือไม่อย่างไร

มาร์คครับ มาร์คต้องรู้ตัวเองเสียก่อนว่า มาร์คเป็นนักการเมือง เป็นตัวแทนของประชาชนที่เลือกมาร์คมา เพื่อเข้ามาทำหน้าที่แทนตัวเอง ต้องการให้นักการเมืองใช้ระบบรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาในทุกเรื่อง ตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย

แต่ที่มาร์คทำกลับเป็นการแอบขนคนไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ เพื่อขับไล่รัฐบาลจากการเลือกตั้ง ด้วยข้อหาที่ไม่ได้แตกต่างจากรัฐบาลที่ผ่านมา มาร์คยอมให้ลูกพรรคไปเป็นแกนนำปลุกระดมประชาชน ให้ร่วมกันขับไล่ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นั่นคือ มาร์คมีมวลชน อีกฝ่ายก็มีเช่นกัน แถมยังมากกว่าอีกด้วย เมื่อมาร์คใช้วิธีนี้ได้ อีกฝ่ายทำไมจะใช้ไม่ได้ ดังนั้นความขัดแย้งจึงเกิดขึ้น เห็นภาพหรือยังครับมาร์ค

มาร์คครับ มาร์คเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน เรื่องก็เลยต้องเลยเถิด มาร์คเป็นหัวหน้าพรรคที่รับเงินสนับสนุนพรรคการเมือง ซึ่งก็เป็นภาษีของประชาชนทั้งนั้นแหละมาร์ค แต่มาร์คกลับนำมาเล่นการเมือง หวังให้การเมืองเข้าสู่มุมอับ ด้วยการบอยคอตการเลือกตั้ง ทั้งๆทีรัฐบาลก็ยอมคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินกันใหม่

มาร์คก็รู้ ผมก็รู้ การเลือกตั้งในครั้งนั้น อย่างไรเสียมาร์คก็ต้องพ่ายแพ้อีก ดังนั้นมาร์คจึงใช้วิธีบอยคอตการเลือกตั้ง มาร์คก็รู้ ผมก็รู้ ทางภาคใต้ที่เป็นฐานเสียงใหญ่ของมาร์ค อย่างไรเสียการเลือกตั้งก็ไม่มีทางผ่านเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด การเมืองจึงต้องเข้าสู่ทางตัน ส่วนกรณีจะขอนายกฯพระราชทาน ม.7 นั้น มาร์คหน้าแตกมาแล้วไม่ใช่หรือว่า มันทำไม่ได้ มันไม่เป็นไปตามประชาธิปไตย

แล้วมาร์คยังทำอีก คงต้องถามแล้วล่ะครับว่า มาร์คต้องการอะไร แต่คำถามนี้ มาร์คไม่ต้องตอบผมก็ได้ครับ เพราะคำตอบนั้น คนส่วนใหญ่เขารับรู้กันแล้วโดยทั่วกัน การทำรัฐประหารไงครับ

โดยเห็นได้จากไม่เคยต่อต้าน เมื่อการทำรัฐประหารเกิดขึ้น
โดยเห็นได้จากสนับสนุน การกระทำใดๆของคณะรัฐประหารทุกประการ
โดยเห็นได้จากคำน้อยก็ไม่เคยพูดให้คณะรัฐประหารสะเทือนใจ
โดยเห็นได้จากความพยายามช่วยแก้ต่างให้กับคณะรัฐประหาร
และโดยเห็นได้จากความพยายามปกป้องรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

แบบนี้หรือครับคือความต้องการของหัวหน้าพรรคการเมืองเก่าแก่ที่พูดอยู่เสมอ “พรรคเราจะยึดมั่นในระบบรัฐสภา” แต่การกระทำกลับกลายเป็นว่า ถ้าไม่มีโอกาสชนะ ก็จะขออิงเผด็จการ เพื่อหาโอกาสขึ้นสู่อำนาจ

และด้วยกลไกจากเผด็จการ ด้วยกลไกจากรัฐธรรมนูญเผด็จการ นอกจากไม่ทำให้มาร์คชนะการเลือกตั้งแล้ว กลับทำให้ความแตกแยกทวีเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย คราวนี้รู้แล้วหรือยังครับปัญหาความแตกแยก ไม่ใช่มีแต่คนอื่น มาร์คเองก็เป็นตัวปัญหาของความแตกแยกที่เกิดขึ้น

แค่นั้นยังไม่หนำ มาร์คยังยอมขึ้นบันไดตามแผนบันไดสี่ขั้นของเผด็จการขึ้นสู่อำนาจ จนทำให้ต่างชาติงวยงง จนหลุดถามมาร์คว่า ไม่ชนะการเลือกตั้ง แล้วเป็นรัฐบาลได้อย่างไร ถ้าเพียงมาร์คมีจิตสำนึกเพียงพอ ถ้ามาร์คมีหิริ โอตตัปปะอยู่ในหัวใจสักนิด มาร์คคงต้องรู้สึกอับอายไม่มากก็น้อย แต่มาร์คก็เลือกที่จะแถ เอ๊ย ตอบเรื่องการได้รับการเลือกตั้งเป็นสิบครั้ง นั่นทำให้ผมอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีกันเลยทีเดียว

มาร์คครับ มาร์คคงไม่ยอมรับรู้ที่นักข่าวนอกถามนั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้ แต่เขารู้ดีกว่าคนไทยบางคนเสียอีก ที่ออกมาปกป้องเรื่องการตั้งรัฐบาลในค่ายทหารเป็นความชอบธรรม เป็นการโหวตกันในสภา

แต่คนส่วนใหญ่และสื่อนอก ต่างรู้ดีว่า กว่าจะถึงขั้นตอนนี้ มันมีปัจจัยมากมาย มีความผิดปกติมากมาย และก็ยังใช้เล่ห์ทางกฎหมายมากมาย เพื่อสกัดอีกฝ่าย โน้มน้าวคนอีกฝ่าย จนได้ก้าวเข้ามาเป็นนายกฯที่ชอบธรรม แต่ไม่น่าภูมิใจและขาดความสง่างาม แต่มาร์คก็ยินดีที่จะเสียภาพพจน์เพื่อแลกกับเก้าอี้ตัวนี้

นี่จึงเป็นต้นเหตุของการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง ที่ต้องการรัฐบาลจากประชาชน ไม่ใช่จากการคัดสรรจากเผด็จการ ดังนั้นจึงพากันออกมาเรียกร้องให้ยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน

แต่สิ่งที่มาร์คทำ นอกจากไม่ฟังเสียงประชาชนแล้ว กลับให้กองทัพออกมาสลายการชุมนุม อีกทั้งยังยอมรับอนุญาตให้ใช้กระสุนจริงได้ จนมีคนตายเกลื่อนกรุงเกือบร้อย บาตรเจ็บอีกเป็นสองพัน นอกจากไม่สำนึกผิดแล้ว ยังไม่เคยเอ่ยคำขอโทษสักครั้ง มันช่างเป็นจิตสำนึกที่หลบในจริงๆนะครับมาร์ค

นอกจากไม่แสดงความรับผิดชอบแล้ว เรื่องของคดีที่ควรรีบสืบสาวให้สังคมกระจ่าง กลับปล่อยให้เรื่องเงียบหาย ทำยังกับไม่มีคนตายมากมายเกิดขึ้น หรือคนเสื้อแดงต้องตายเพราะชายชุดดำ อย่างที่มาร์คพยายามจะหลอกเหล่าสาวก แต่ความจริงย่อมหนีความจริงไม่พ้น กรรมมันตามทันเสมอ ไม่เร็วหรือช้า ดังที่มาร์คกำลังประสบอยู่เวลานี้

นี่คือความแตกแยกที่ร้าวลึกลงไปอีกขั้น แต่แทนที่มาร์คจะสำเหนียก มาร์คกลับพยายามต่อต้านการเยียวยาผู้ถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่รัฐ  อย่างนี้จะเกิดอะไรขึ้น นอกจากเพิ่มความเกลียดชังของเหล่าญาติผู้เสียหายทั้งหลาย เพิ่มความแตกแยกจนยากจะประสานกลับคืนมา เห็นหรือยังครับ มาร์คเป็นต้นตอของปัญหาหรือเปล่า?

มาถึงตอนนี้
เมื่อรัฐบาลต้องการปรองดอง มาร์คก็ต้านกลัวทักษิณจะได้ประโยชน์
เมื่อรัฐบาลต้องการสมานฉันท์ มาร์คก็ทักท้วงกลัวทักษิณจะได้อานิสงค์
เมื่อรัฐบาลต้องการนิรโทษกรรม โดยไม่รวมเหล่าแกนนำ มาร์คก็ยังค้านกลัวจะมีการหมกเม็ด
แม้กระทั่งปรองดองฉบับอลงกรณ์ มาร์คยังกลัวตกหลุมพรางรัฐบาล

มันเป็นการเล่นการเมือง โดยไม่คำนึงถึงความทุกข์ยากของประชาชนโดยแท้ ไม่เคยห่วงถึงคนไทยจำนวนหนึ่งต้องติดคุกทางการเมือง มีหลายฝ่ายที่ต้องติดคุกแค่บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์

อย่างนี้มันจะทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่า มาร์คเองไม่อยากให้ประเทศสมานฉันท์ อย่าให้ประชาชนคิดว่า มีแต่ความแตกแยกของสังคมเท่านั้น มาร์คจึงมีสิทธิที่จะได้อำนาจ มาร์คอยากให้สังคมคิดอย่างนี้หรือครับ

ดังนั้นผมจึงอยากกระตุกต่อมจิตสำนึกของมาร์คให้ทำงานเสียที เพราะที่ผ่านมา จิตสำนึกของมาร์ค ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน ต้องการอะไรและรู้สึกอย่างไร ล้วนแต่ตรงข้ามกับความเป็นประชาธิปไตย ทำให้ต่อมคุณธรรมจริยธรรมของมาร์คไม่ทำงานไปด้วย

อย่างนี้แล้วยังไม่คิดปรับตัวอีกหรือครับ อย่าให้สังคมส่วนใหญ่คิดเลยเถิดไปว่า ความคิดมาร์ค เมื่อฉันไม่ได้ พวกเอ็งก็อย่าอยู่อย่างมีความสุขเลย ถึงตอนนั้นกว่าจะรู้สำนึกก็อาจสายไปแล้ว กลายเป็นคนบาปของประเทศในอนาคตก็ได้นะครับ มาร์ค
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่