ผมตั้งใจแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้จากข้อเท็จจริงที่มีอยู่ด้วยเหตุผลและพยายามไม่นำอคติมาปะปน ขอมองเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเอาตัวน้องเป็นแกนกลางในสามมุม(ฐานะ) คือ
มุมมองแรก น้องยังเป็นเด็กและเป็นลูกสาวของครอบครัว
ที่บอกว่าเป็นเด็กนั้นหมายถึงยังเป็นผู้ที่อ่อนเยาว์ต่อความรู้และความรับผิดชอบเพราะประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตยังมีน้อย ทางกฎหมายเรียกว่ายังเป็น “ผู้เยาว์” จะทำอะไรโดยหลักก็ต้องมีพ่อแม่ช่วยดูแล เพื่อไม่ให้ทำผิดหรือเสียเปรียบคนอื่นเขาง่าย ๆ
ความเป็นเด็กนี้แบ่งได้เป็นหลายระดับตั้งแต่ไม่รู้เดียงสาจนถึงมีความรู้ถูกผิดชั่วดี กล่าวคือรู้ว่าอะไรดีไม่ดีแล้ว อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าเขายังคงเป็นผู้มีประสบการณ์น้อย เด็กที่อยู่ในช่วง “วัยรุ่น” นับว่ามีความพิเศษ เป็นช่วงที่ต้องการยอมรับจากสังคม(โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อน) และเป็นช่วงที่จิตใจอ่อนไหวไปตามอารมณ์ได้ง่ายขาดการยับยั้งชั่งใจ(ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน) ดังนั้นแม้บางครั้งรู้ว่ากำลังจะทำสิ่งผิดแต่ เมื่อมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนบางอย่าง วัยรุ่นจึงอาจตัดสินใจทำสิ่งที่ผิดพลาดได้โดยรู้เท่าไม่ถึงการ คือไม่ตระหนักถึงผลเสียหายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา
ในที่นี้เราเห็นตรงกันว่าการเสพสารเสพติดเป็นสิ่งผิด(ทั้งกฎหมายและศีลธรรม) ขอถามต่อไปว่าในฐานะที่น้องเค้ายังเป็นเด็กอยู่มีสถาวะดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น เมื่อเด็กคนนี้ได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดไป เราควรคิดต่อเรื่องนี้อย่างไร
จากสื่อต่าง ๆ เราได้เห็นพ่อของน้องออกมายอมรับต่อสังคม ถึงความผิดพลาดของลูกสาว ด้วยความรู้สึกเสียใจและความหวังว่าคำขอโทษจะทำให้สังคมคลายความขุ่นเคืองและให้โอกาสน้องได้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง เราจึงควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าเหตุการณ์นี้คนที่ทำผิดเป็นเราเอง (หากเรายอมรับผิดและตั้งใจปรับปรุงตัว) เราอยากให้พ่อแม่ของเราคิดอย่างไร และเราอยากให้สังคมคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเราให้อภัยเราบ้างหรือไม่
[ มองมุมต่อมา ในฐานะที่น้องเป็นเยาวชนของชาติ
ถ้าหากเยาวชนอ่อนแอ จิตใจย่ำแย่ ก็ย่อมบ่งถึงความเป็นไปของชาติในอนาคต ในแง่นี้สารเสพติดเป็นสิ่งบ่อนทำลายเยาวชน รัฐจึงมีหน้าที่ต้องป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นอกจากนี้ยังมีหน้าที่บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดอีกด้วย ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ เหล่านี้มีกฎหมายกำหนดบทบาทหน้าที่ของรัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติดไว้อยู่แล้ว
ในกรณีของน้องก็ไม่ต่างจากผู้เยาว์อื่นที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสารเสพติด ก็ต้องเข้าสู่กระบวนต่าง ๆ ตามกฎหมาย หากพบว่าติดสารเสพติดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาต่อไป ดังนั้นในเรื่องนี้สังคมอาจเข้ามาช่วยได้ในแง่ของการติดตามการดำเนินการว่าเป็นไปตามขั้นตอนอย่างบริสุทธ์ยุติธรรม(ถูกต้องโปร่งใส)หรือไม่
มองในแง่มุมสุดท้าย ในฐานะที่น้องเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง
เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่านักแสดงที่มีชื่อเสียงนั้น เป็นกลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อผู้คนในสังคมโดยเฉพาะวัยรุ่น ในเชิงการเอาอย่างทั้งเรื่องความคิดและความประพฤติ ด้วยเหตุนี้ทำให้ในสังคมเรามีความเห็นร่วมกันว่า นักแสดงควรแสดงออกในสิ่งที่เหมาะสมดีงามเพื่อเป็นแบบอย่างให้แต่สังคม หากทำอะไรไม่เหมาะสมขึ้นมาก็จะส่งผลเสียหายต่อสังคมได้(ไม่มากก็น้อย)
กรณีที่เกิดขึ้นนั้นได้สร้างความผิดหวังให้กับผู้ที่เป็นห่วงเป็นใยสังคมทั้งหลายอยู่มิใช่น้อย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเป็นธรรมดาที่จะมีการวิพากวิจารณ์ในแง่ลงออกมาได้ ซึ่งอันที่จริงแล้วนับเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามเสรีภาพดังกล่าวก็มีขอบเขตโดยต้องเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ไม่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น และเราควรคำนึงถึงผลกระทบต่อตัวน้องในฐานะที่เป็นเด็กคนนึงที่ต้องดำเนินชีวิตต่อไปในสังคมด้วย จึงอยากให้เอาใจเขามาใส่ในเราพิจารณาให้รอบคอบ
ขอยกตัวอย่างกรณีของผู้ที่ติดเชื่อเอดส์จากการมีเพศสัมพันธ์ เราก็ยังเห็นกันว่าควรปฏิบัติต่อผู้ป่วยอย่างนี้ด้วยใจเอื้อเฟื้อ เป็นมิตร ไม่รังเกียดเดียจฉัน ไม่แบ่งแยก และยอมรับให้ผู้ป่วยเอดส์ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคนได้อย่างปกติสุขเหมือนคนทั่วไป หันกลับมามองกรณีของน้อง แน่หละว่าการเสพยาเสพติดเป็นความผิดพลาดอย่างแน่แท้ แต่เราก็อาจมามองได้ว่าเป็นความหลงผิดหรือเป็นผู้ป่วยที่ต้องบำบัดรักษาเช่นเดียวกัน คำถามจึงย้อนกลับมาอีกครั้งว่าคุณคิดกับเรื่องนี้อย่างไร
หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
3 มุมมอง เรื่องของปันปัน
มุมมองแรก น้องยังเป็นเด็กและเป็นลูกสาวของครอบครัว
ที่บอกว่าเป็นเด็กนั้นหมายถึงยังเป็นผู้ที่อ่อนเยาว์ต่อความรู้และความรับผิดชอบเพราะประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตยังมีน้อย ทางกฎหมายเรียกว่ายังเป็น “ผู้เยาว์” จะทำอะไรโดยหลักก็ต้องมีพ่อแม่ช่วยดูแล เพื่อไม่ให้ทำผิดหรือเสียเปรียบคนอื่นเขาง่าย ๆ
ความเป็นเด็กนี้แบ่งได้เป็นหลายระดับตั้งแต่ไม่รู้เดียงสาจนถึงมีความรู้ถูกผิดชั่วดี กล่าวคือรู้ว่าอะไรดีไม่ดีแล้ว อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าเขายังคงเป็นผู้มีประสบการณ์น้อย เด็กที่อยู่ในช่วง “วัยรุ่น” นับว่ามีความพิเศษ เป็นช่วงที่ต้องการยอมรับจากสังคม(โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อน) และเป็นช่วงที่จิตใจอ่อนไหวไปตามอารมณ์ได้ง่ายขาดการยับยั้งชั่งใจ(ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน) ดังนั้นแม้บางครั้งรู้ว่ากำลังจะทำสิ่งผิดแต่ เมื่อมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนบางอย่าง วัยรุ่นจึงอาจตัดสินใจทำสิ่งที่ผิดพลาดได้โดยรู้เท่าไม่ถึงการ คือไม่ตระหนักถึงผลเสียหายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา
ในที่นี้เราเห็นตรงกันว่าการเสพสารเสพติดเป็นสิ่งผิด(ทั้งกฎหมายและศีลธรรม) ขอถามต่อไปว่าในฐานะที่น้องเค้ายังเป็นเด็กอยู่มีสถาวะดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น เมื่อเด็กคนนี้ได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดไป เราควรคิดต่อเรื่องนี้อย่างไร
จากสื่อต่าง ๆ เราได้เห็นพ่อของน้องออกมายอมรับต่อสังคม ถึงความผิดพลาดของลูกสาว ด้วยความรู้สึกเสียใจและความหวังว่าคำขอโทษจะทำให้สังคมคลายความขุ่นเคืองและให้โอกาสน้องได้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง เราจึงควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าเหตุการณ์นี้คนที่ทำผิดเป็นเราเอง (หากเรายอมรับผิดและตั้งใจปรับปรุงตัว) เราอยากให้พ่อแม่ของเราคิดอย่างไร และเราอยากให้สังคมคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเราให้อภัยเราบ้างหรือไม่
[ มองมุมต่อมา ในฐานะที่น้องเป็นเยาวชนของชาติ
ถ้าหากเยาวชนอ่อนแอ จิตใจย่ำแย่ ก็ย่อมบ่งถึงความเป็นไปของชาติในอนาคต ในแง่นี้สารเสพติดเป็นสิ่งบ่อนทำลายเยาวชน รัฐจึงมีหน้าที่ต้องป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นอกจากนี้ยังมีหน้าที่บำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดอีกด้วย ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ เหล่านี้มีกฎหมายกำหนดบทบาทหน้าที่ของรัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติดไว้อยู่แล้ว
ในกรณีของน้องก็ไม่ต่างจากผู้เยาว์อื่นที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสารเสพติด ก็ต้องเข้าสู่กระบวนต่าง ๆ ตามกฎหมาย หากพบว่าติดสารเสพติดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาต่อไป ดังนั้นในเรื่องนี้สังคมอาจเข้ามาช่วยได้ในแง่ของการติดตามการดำเนินการว่าเป็นไปตามขั้นตอนอย่างบริสุทธ์ยุติธรรม(ถูกต้องโปร่งใส)หรือไม่
มองในแง่มุมสุดท้าย ในฐานะที่น้องเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง
เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่านักแสดงที่มีชื่อเสียงนั้น เป็นกลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อผู้คนในสังคมโดยเฉพาะวัยรุ่น ในเชิงการเอาอย่างทั้งเรื่องความคิดและความประพฤติ ด้วยเหตุนี้ทำให้ในสังคมเรามีความเห็นร่วมกันว่า นักแสดงควรแสดงออกในสิ่งที่เหมาะสมดีงามเพื่อเป็นแบบอย่างให้แต่สังคม หากทำอะไรไม่เหมาะสมขึ้นมาก็จะส่งผลเสียหายต่อสังคมได้(ไม่มากก็น้อย)
กรณีที่เกิดขึ้นนั้นได้สร้างความผิดหวังให้กับผู้ที่เป็นห่วงเป็นใยสังคมทั้งหลายอยู่มิใช่น้อย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเป็นธรรมดาที่จะมีการวิพากวิจารณ์ในแง่ลงออกมาได้ ซึ่งอันที่จริงแล้วนับเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามเสรีภาพดังกล่าวก็มีขอบเขตโดยต้องเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ไม่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น และเราควรคำนึงถึงผลกระทบต่อตัวน้องในฐานะที่เป็นเด็กคนนึงที่ต้องดำเนินชีวิตต่อไปในสังคมด้วย จึงอยากให้เอาใจเขามาใส่ในเราพิจารณาให้รอบคอบ
ขอยกตัวอย่างกรณีของผู้ที่ติดเชื่อเอดส์จากการมีเพศสัมพันธ์ เราก็ยังเห็นกันว่าควรปฏิบัติต่อผู้ป่วยอย่างนี้ด้วยใจเอื้อเฟื้อ เป็นมิตร ไม่รังเกียดเดียจฉัน ไม่แบ่งแยก และยอมรับให้ผู้ป่วยเอดส์ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคนได้อย่างปกติสุขเหมือนคนทั่วไป หันกลับมามองกรณีของน้อง แน่หละว่าการเสพยาเสพติดเป็นความผิดพลาดอย่างแน่แท้ แต่เราก็อาจมามองได้ว่าเป็นความหลงผิดหรือเป็นผู้ป่วยที่ต้องบำบัดรักษาเช่นเดียวกัน คำถามจึงย้อนกลับมาอีกครั้งว่าคุณคิดกับเรื่องนี้อย่างไร
หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ