ตอนที่๑
http://pantip.com/topic/30107518
ตอนที่๒
http://pantip.com/topic/30480244
ตอนที่๓
http://pantip.com/topic/30542963
ตอนที่๔
http://pantip.com/topic/30608461
ตอนที่๕
http://pantip.com/topic/30677615
ตอนที่๖
http://pantip.com/topic/30694435
ตอนที่๗
http://pantip.com/topic/30707197
ตอนที่๘
http://pantip.com/topic/30746577
____________________________________
ตอนที่ ๙
บ้านทรงไทยสองชั้นทาสีดำทั้งหลังลงน้ำมันเงาวับ ตั้งตระหง่านน่าเกรงขามอยู่สุดซอย รอบข้างแวดล้อมไปด้วยไม้ยืนต้นชื่อมงคลต่าง ๆ แผ่กิ่งก้านปกคลุมให้ร่มเงาจนบรรยากาศดูอึมครึมเกินไป เทวรูปของศาสนาพราหมณ์หลายองค์จัดวางทั่วบริเวณสนามหญ้าเขียวขจีหน้าบ้าน ชั้นล่างติดป้ายบอกปล่อยเงินกู้ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ชั้นบนถูกแบ่งครึ่งหนึ่งเป็นที่พักอาศัย อีกครึ่งเป็นตำหนักเจ้าพ่อสมิงซึ่งมีร่างทรงเป็นชายอายุราวห้าสิบปี
ตำหนักแห่งนี้เปี่ยมความขลังห่างไกลสำนักหมอดูของณภัทรนัก กะโหลกศีรษะมนุษย์หลายใบถูกใช้เป็นเชิงเทียนวางเรียงเป็นตับอยู่ชั้นวางชั้นล่างสุด เทวรูปเทพเจ้าองค์เล็กวางเรียงรายเต็มสองชั้นถัดขึ้นมา กลิ่นธูปกำยานคละคลุ้งไปทั่ว สายสิญจน์ระโยงรยางค์เต็มฝ้าเพดานดูรกรุงรัง บรรยากาศมืดมนสลัวแสงดูแล้วน่าอึดอัดไม่อภิรมย์
นางปลีผู้เป็นภรรยาอาจารย์สงครามคนทรงเจ้าเจ้าของตำหนักหรือบ้านหลังนี้ แกมีอาชีพปล่อยเงินกู้นอกระบบคิดดอกเบี้ยไม่แพงมากถ้าเทียบกับเจ้าอื่นในละแวกใกล้ ๆ แต่แท้จริงแล้วแกมีอาชีพนี้ไว้ปิดบังอีกอาชีพหนึ่ง อาชีพที่แท้จริงของแกเป็นงานที่เกี่ยวข้องผลประโยชน์กับงานของสามี
ตอนนี้มีลูกค้าเข้าคิวใช้บริการอยู่สามราย สองรายเป็นแม่ค้าตลาดที่หมุนเงินส่งเจ้ามือเปียแชร์ไม่ทัน อีกรายเป็นสาววัยรุ่นหน้าตาสะสวยแบบชาวบ้าน ไม่ใช่สเปคของหนุ่มในเมืองที่นิยมผู้หญิงสูง-ขาว-อึ๋ม
“แม่ปลีจ๋า ปล่อยเงินให้ฉันกู้อีกสักห้าพันเถอะ งวดนี้หมุนไม่ทันจริง ๆ แต่รับรองว่างวดหน้ามีเงินมาใช้คืนครบทั้งต้นทั้งดอกแน่นอนจ้ะ นะจ๊ะแม่ปลีคนงามเห็นใจฉันเถอะ” แม่ค้าตลาดพูดน้ำเสียงประจบสอพลอ
“แหม... นังฉวีของเก่ายังใช้คืนไม่หมดนี่มาขอกู้ใหม่อีกละ เห็นว่าเป็นลูกค้าเก่าคบหากันมานานหรอกถึงยอมปล่อยให้กู้อีก รวมทั้งของเก่าของใหม่ทบต้นทบดอกก็หมื่นเอ็ดเจ็ดร้อยนะ เดือนหน้าถ้ายังไม่จ่ายฉันจะให้ผัวเสกหนังควายเข้าท้องเลยคอยดู”
“จ้ะ จ่ายครับแน่ ๆ จ้ะ”
นางปลีส่งหนังสือสัญญาเงินกู้ให้นางฉวีลงลายมือ นางฉวีไม่เสียเวลาอ่านรายละเอียดสัญญา คว้าหมับมาลงชื่อทันที ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นไอ้สัญญานี่มันจะมีประโยชน์อะไร พอลูกหนี้เบี้ยวหน่อยผู้ปล่อยกู้ก็ใช้วิธีนอกบทกฎหมายยึดเงินคืน ไม่ได้ฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลเหมือนที่เคยเห็นเป็นข่าวตามโทรทัศน์ แล้วจะสนใจอ่านไปทำไม?
นางปลีมอบเงินให้แม่ค้าตลาดผู้มาขอกู้ทั้งสองราย ตอนนี้เหลือสาววัยรุ่นเป็นลูกค้าอยู่คนเดียว เธอเดินมานั่งหน้าโต๊ะบัญชีของนางปลี ยังสาวยังแซ่คงอยากได้เงินไว้แต่งตัวเที่ยวเตร่ตามประสา นางปลีถามไปว่าจะเอาเท่าไรแต่เธอกลับตอบมาว่า
“มาเอาดอกเอก!”
นางปลีหน้าตะลึง ถามย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง
“มาเอาดอกเอกใช่ไหม?”
สาววัยรุ่นพยักหน้าท่าทางเซื่องซึมไม่สมเป็นวัยสาว นางปลีบอกให้เธอเดินตามมาแล้วพาไปยังห้องที่อยู่ด้านหลังบ้าน ภายในห้องดูคล้ายโรงพยาบาล มีเตียงพร้อมขาหยั่ง เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับตัด-แงะ-แคะ-ขูด ต่างกันก็เพียงเรื่องความสะอาดเท่านั้น
“เอ้า! ขึ้นเตียงเลย” นางปลีบอก มือก็จัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งาน
“เจ็บมากไหมคะ?” สาววัยรุ่นถามเสียงเครือ เธอหวั่นใจที่ต้องขึ้นไปนอนถ่างขาอยู่บนนั้น
“ไม่เจ็บหรอก เดี๋ยวเดียวเด็กก็ออกแล้ว ขึ้นเตียงเลยซิจะชักช้าอยู่ทำไม”
สาววัยรุ่นหน้าตาไม่สู้ดีนักจำใจต้องขึ้นไปนอนบนเตียงขาหยั่ง ทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อพ่อของเด็กในท้องมันไม่ยอมรับผิดชอบ ตัวเธอก็ยังเรียนอยู่เพียงชั้นมัธยมปลายขอเงินพ่อแม่ใช้วันต่อวันจะเอาปัญญาที่ไหนมาเลี้ยงลูกให้เติบใหญ่ อีกอย่างก็ไม่อยากท้องโย้ไปโรงเรียนให้อายเพื่อนอายอาจารย์ เคยทานยาขับเลือดแล้วแต่เด็กก็ไม่ออก เหลือวิธีนี้วิธีเดียวที่จะกำจัดสิ่งมีชีวิตไม่พึงประสงค์ออกไปจากมดลูก
“เอ้า! กัดนี่ไว้” นางปลีเอาผ้าขนหนูเก่าสีหม่นมาให้สาววัยรุ่นกัด ใครว่าทำแท้งไม่เจ็บ เมื่อกี้เธอก็พูดไม่ให้กลัวไปอย่างนั้น ขืนไม่หาอะไรอุดปากหล่อนไว้มีหวังชาวบ้านละแวกนี้โร่แจ้งตำรวจเพราะรำคาญเสียงกรีดร้องโหยหวน
สาววัยรุ่นหลับตาเกาะขอบเตียงแน่นด้วยความเจ็บปวด รับรู้ได้ถึงความเย็นเฉียบของท่อนเหล็กที่นางปลีสอดเข้าร่างกายเธอ ไม่มีอะไรจะเจ็บปวดไปมากกว่านี้แล้ว เจ็บทั้งร่างกาย ปวดทั้งจิตใจที่ได้ตัดสินใจคร่าหนึ่งชีวิตในท้อง ทั้งยังเคียดแค้นไอ้หนุ่มหน้าหม้อที่ทำให้เธอต้องมีชีวิตเปื้อนมลทินเช่นนี้ จะร้องก็ร้องไม่ออก มีเพียงเสียงอู้อี้เท่านั้นที่เล็ดลอดออกมาจากผ้าขนหนูผืนเก่าซึ่งอุดอยู่เต็มปาก
ชายวัยห้าสิบปลาย ๆ หรือที่ชาวบ้านรู้จักในชื่ออาจารย์สงคราม ซอยเท้าลงมาจากชั้นสองของบ้านไม้สักมุ่งมายังที่ทำงานของภรรยาทันทีเมื่อเห็นลูกค้าสาวเดินสภาพอิดโรยออกจากบ้านไป เขากำลังรอสิ่งนั้นอยู่ สิ่งที่บางคนไม่ต้องการ อยากจะเอาออก แต่กลับเป็นที่ต้องการของคนบางกลุ่ม
“เป็นไง เด็กอยู่ไหน?” เขารีบถามทันที
นางปลีพยักพเยิดหน้าไปที่ห่อผ้าบนรถเข็นเครื่องมือแพทย์ ตัวแกกำลังล้างเครื่องมือทำมาหากินอยู่ สงครามเดินเข้าไปหาห่อผ้านั่น สองมือเอื้อมจับยกขึ้นมาเชยชมจนเลือดซึมออกมาจากห่อ
“ช่วงนี้มีคนสั่งลูกกรอกเข้ามาเยอะนะ หาเด็กมาป้อนฉันเยอะ ๆ ล่ะ ตัวหนึ่งขายได้ไม่ใช่ถูก ๆ”
“เออ... ช่วงนี้เด็กวัยรุ่นพากันมาทำแท้งกับฉันเยอะ คงปากต่อปากกันไป อีกหน่อยคงมีซากเด็กมากพอให้แกทำลูกกรอกกุมารทองขาย”
“งั้นฉันเอาเด็กนี่ไปทำพิธีก่อนจะได้รีบส่งให้เฮียเล้งเขา คนนี้กระเป๋าหนาแกค้าไม้เถื่อน ตัวนี้ฉันจะเรียกแกสักห้าหมื่น”
“ได้เงินมาเจียดให้ฉันเอาไปซื้อทองเก็บบ้างได้ไหมตาสงคราม”
“ไว้ให้ได้มาก่อนแล้วค่อยคุยกัน” พูดแล้วสงครามก็เอาซากศพเด็กทารกขึ้นไปทำพิธีบนชั้นสอง
กุมารทองแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกคือกุมารทองโชคลาภเมตตามหานิยม ประโยชน์คือเลี้ยงไว้ปกปักรักษาบ้านจากขโมยหรือคนแปลกหน้าน่าสงสัย โดยที่กุมารทองชนิดนี้จะแปลงร่างหลอกหลอนให้คนเหล่านั้นขวัญกระเจิงเผ่นหนีไป แต่หากคนเหล่านั้นไม่กลัวก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แถมเมื่อฟ้าสางร่างกุมารทองชนิดนี้ก็จะสลายไป
ประเภทสุดท้ายคือกุมารทองเพชฌฆาต กุมารทองชนิดนี้มีฤทธิ์ทำร้ายศัตรู แบ่งความแกร่งกล้าออกเป็นสี่ระดับได้แก่ “เพชรสูญ” มีอิทธิฤทธิ์ทำให้คนกลายเป็นบ้า “เพชรมั่น” ทำร้ายศัตรูโดยการต่อสู้ไม่ว่าใครที่ไหนก็รับมือได้ แต่มีจุดอ่อนคือพ่ายต่อควายธนูที่ทำจากไม้ไผ่หามผี อยู่ได้แต่ภายในอาณาเขตบริเวณบ้านเจ้าของเท่านั้น “เพชรคง” กุมารทองที่แกร่งกล้ากว่าเพชรมั่น มีอำนาจไล่ล่าติดตามศัตรูไปได้ทั่วทุกหนทุกแห่ง “เพชรดับ” นักฆ่าเลือดเย็นทำร้ายศัตรูให้ตายโดยการบีบคอแบบไม่ทิ้งร่องรอยลายนิ้วมือ
กุมารทองที่สงครามจะสร้างนั้นเป็นกุมารทองที่

นและแรงที่สุดโดยสร้างจากวัสดุอาถรรพณ์คือผงพรายกุมาร ผงพรายกุมารคือผงที่ได้จากการเอากระดูกเด็กมาป่นละเอียดผสมกับผงอิทธิเจและปถมัง นำมาประกอบเป็นรูปกุมารทองแล้วปลุกเสกหนุนธาตุ สะกดวิญญาณเจ้าของผงพรายนั้นลงกุมารทองเลย
พิธีกรรมผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แน่นอนสงครามมืออาชีพเรื่องนี้อยู่แล้วนี่ เขาเริ่มเห็นเงินห้าหมื่นเรืองรองอยู่ไม่ไกลแล้ว ขณะกำลังจะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายหลังนั่งขัดสมาธิติดต่อกันหลายชั่วโมง ก็ต้องชะงักหันไปสนใจบุคคลที่โร่มาหา หมอผีนั่นเองสภาพของเขาตอนนี้สะบักสะบอมมาก ใบหน้าบอบช้ำคล้ำแดงดูน่าสังเวช
“โดนหมาที่ไหนฟัดมาวะไอ้แกละ สภาพเอ็งนี่ดูไม่ได้เลย” สงครามทักทายหมอผี “เอ็งบอกจะไปล้างแค้นไอ้เด็กที่ทำคาถาอาคมแกเสื่อม มันอัดแกอ่วมกลับมาขนาดนี้เลยเหรอ?”
“อูย...” แกละโอดโอยเมื่อขยับปากที่เป็นแผล “ลำพังไอ้เด็กคนนั้นไม่รามือหรอกครับ แต่บังเอิญเพื่อนมันอยู่ด้วย เห็นรูปร่างผอมกะหร่องดูเป็นคุณหนูไม่น่าเชื่อว่าฝีไม้ลายมือเรื่องการต่อสู้จะแพรวพราวอย่างนั้น เล่นฟาดก้านคอผมจนสลบคาเท้า ตื่นมาอีกทีก็เมื่อตะกี้แล้วรีบมาหาอาจารย์นี่แหละ”
แกละสูงวัยกว่าสงครามราวยี่สิบปีได้แต่เขาเคารพผู้อายุน้อยกว่านี้เป็นอาจารย์ สงครามมีอิทธิฤทธิ์กล้าแกร่งบารมีกว้างไกลกว่าเขานัก บางทีแกละก็ได้คาถาอาคมดี ๆ มาจากสงคราม แก๊งกุมารทองที่เคยเป็นเจ้าของสงครามก็อนุเคราะห์ให้มา
“ข้าบอกเอ็งให้จ้างพวกวัยรุ่นอันธพาลไปด้วย ๒-๓ คน เอ็งไม่ได้จ้างหรอกเหรอ?”
“จ้างสิครับ จ้างไปสองคนไม่ได้เรื่องเลย โดนอัดยับก่อนผมเสียอีก”
“บ๊ะ! มันแน่แค่ไหนเชียว”
“อาจารย์ช่วยหน่อยสิ ฆ่ามันให้ตายไปเลยผมแค้นมันนัก” แววตาแกละประสงค์ร้าย
“เพราะอย่างนี้ไงเอ็งถึงเจ็บตัวกลับมา ก่อนจะจัดการศัตรูศึกษาก่อนสิวะ เอ็งประเมินมันต่ำไป สมน้ำหน้าโดนมันอัดแทนที่จะได้อัดมัน”
“อาจารย์อย่าพูดแบบนั้นสิผมเจ็บใจมากพอแล้ว ช่วยล้างแค้นให้ทีเถอะ”
“เออ... รู้แล้ว เดี๋ยวฉันต้องส่งกุมารทองไปสืบประวัติไอ้เด็กคนนั้นเสียก่อน” สงครามหยิบตุ๊กตากุมารทองสีดำขลับออกมาจากชั้นวางบูชา วางไว้บนแท่นประกอบพิธีแล้วยกมือพนมขึ้นกลางอก งึมงำคาถาออกมาก่อนจะออกคำสั่ง “คงกระพันลูกพ่อ ไปสืบทีสิว่าไอ้หนุ่มสองคนที่ทำร้ายแกละมันเป็นใคร”
“ได้ครับพ่อ ไว้ใจคงกระพันเถอะ” เสียงซน ๆ ของวิญญาณเด็กดังก้องไปทั้งห้องโดยไม่มีใครมองเห็นร่างนี้ ผ่านไปราวสิบห้านาทีได้เสียงกุมารทองตนเดิมก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง
“สืบมาแล้วครับพ่อ ไอ้คนที่ทำของลุงแกละเสื่อมชื่อณภัทร เพื่อนมันอีกคนที่ทำร้ายลุงแกละชื่อจ้อน ตอนนี้พวกมันเปิดสำนักหมดดูด้วยแหละ คนไปดูเยอะกว่าตำหนักของพ่อเสียอีก ไอ้ณภัทรมันติดต่อสื่อสารกับวิญญาณได้ตนหนึ่งเป็นวิญญาณผู้ชาย”
“บ๊ะ! มันกล้าเป็นคู่แข่งข้าเชียวเหรอวะ” สงครามคำราม
“วิญญาณผู้ชายนั่นต้องเป็นวิญญาณตนเดียวกับที่ผมหมายจะเอามาเป็นบริวารแน่เลย เป็นโชคของมันที่วันนั้นไอ้เด็กเวรช่วยเอาไว้ได้ แถมยังทำของผมเสื่อมอีก” แกละกัดฟันกรอด
“บังอาจล้ำเส้นหากินของข้า อย่างนี้ต้องสั่งสอนเสียแล้ว”
แกละดีใจหน้าระรื่น สงครามกำลังจะแก้แค้นแทนเขา ฝีมือระดับอาจารย์เล่นของใส่ใครไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต ศัตรูคู่แค้นของเขากำลังจะหายไปจากโลกนี้แล้ว
สงครามหยิบขวดแก้วออกมาจากตู้เก็บมุมห้อง ดึงจุดผ้าสีแดงที่ปิดปากขวดออก รินของเหลวสีเขียวขุ่นใส่แก้วใบใสที่วางบนแท่นทำพิธี แกละผิดหวังเล็กน้อยนึกว่าสงครามจะเสกพวกหนังควาย ตะปู เส้นผมหรืออะไรเทือกนี้เข้าท้องไอ้เด็กหนุ่มนั่นเสียอีก นี่อะไรแค่น้ำยาสมุนไพรล้างท้อง ฤทธิ์อย่างมากก็แค่ทำให้อาเจียนหมดไส้หมดพุงเท่านั้นเอง
“จะเสกแค่น้ำยาล้างท้องเองเหรอครับ? ผมว่ามันไม่เบาไปหน่อยเหรอ อาจารย์น่าจะเสกตะปูเข้าท้องมันเลยนะ”
“แกกะเอามันตายในคราวเดียวเลยเหรอ อย่างนั้นจะไปสนุกอะไรวะ ค่อย ๆ คุกคามให้มันทรมานทีละเล็กทีละน้อยอย่างนี้สะใจกว่าเยอะ” สงครามแสยะยิ้ม
คงต้องปล่อยเลยตามเลยอย่างที่อาจารย์ว่า แกละอยากเสกตะปูเข้าท้องไอ้เด็กหนุ่มคนนั้นตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ตอนนี้เขาไร้อิทธิฤทธิ์พิษสงขืนทำพิธีเสกของเข้าท้องคนอื่นมีหวังมนต์คำได้วกกลับมาเข้าตัว สงครามพนมมือขึ้นกลางอกพลางงึมงำท่องคาถา เรื่องการเสกของเข้าท้องคนอื่นนี่ถนัดนัก
พ่อหมออลเวง ตอนที่๙
ตอนที่๒ http://pantip.com/topic/30480244
ตอนที่๓ http://pantip.com/topic/30542963
ตอนที่๔ http://pantip.com/topic/30608461
ตอนที่๕ http://pantip.com/topic/30677615
ตอนที่๖ http://pantip.com/topic/30694435
ตอนที่๗ http://pantip.com/topic/30707197
ตอนที่๘ http://pantip.com/topic/30746577
____________________________________
ตอนที่ ๙
บ้านทรงไทยสองชั้นทาสีดำทั้งหลังลงน้ำมันเงาวับ ตั้งตระหง่านน่าเกรงขามอยู่สุดซอย รอบข้างแวดล้อมไปด้วยไม้ยืนต้นชื่อมงคลต่าง ๆ แผ่กิ่งก้านปกคลุมให้ร่มเงาจนบรรยากาศดูอึมครึมเกินไป เทวรูปของศาสนาพราหมณ์หลายองค์จัดวางทั่วบริเวณสนามหญ้าเขียวขจีหน้าบ้าน ชั้นล่างติดป้ายบอกปล่อยเงินกู้ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ชั้นบนถูกแบ่งครึ่งหนึ่งเป็นที่พักอาศัย อีกครึ่งเป็นตำหนักเจ้าพ่อสมิงซึ่งมีร่างทรงเป็นชายอายุราวห้าสิบปี
ตำหนักแห่งนี้เปี่ยมความขลังห่างไกลสำนักหมอดูของณภัทรนัก กะโหลกศีรษะมนุษย์หลายใบถูกใช้เป็นเชิงเทียนวางเรียงเป็นตับอยู่ชั้นวางชั้นล่างสุด เทวรูปเทพเจ้าองค์เล็กวางเรียงรายเต็มสองชั้นถัดขึ้นมา กลิ่นธูปกำยานคละคลุ้งไปทั่ว สายสิญจน์ระโยงรยางค์เต็มฝ้าเพดานดูรกรุงรัง บรรยากาศมืดมนสลัวแสงดูแล้วน่าอึดอัดไม่อภิรมย์
นางปลีผู้เป็นภรรยาอาจารย์สงครามคนทรงเจ้าเจ้าของตำหนักหรือบ้านหลังนี้ แกมีอาชีพปล่อยเงินกู้นอกระบบคิดดอกเบี้ยไม่แพงมากถ้าเทียบกับเจ้าอื่นในละแวกใกล้ ๆ แต่แท้จริงแล้วแกมีอาชีพนี้ไว้ปิดบังอีกอาชีพหนึ่ง อาชีพที่แท้จริงของแกเป็นงานที่เกี่ยวข้องผลประโยชน์กับงานของสามี
ตอนนี้มีลูกค้าเข้าคิวใช้บริการอยู่สามราย สองรายเป็นแม่ค้าตลาดที่หมุนเงินส่งเจ้ามือเปียแชร์ไม่ทัน อีกรายเป็นสาววัยรุ่นหน้าตาสะสวยแบบชาวบ้าน ไม่ใช่สเปคของหนุ่มในเมืองที่นิยมผู้หญิงสูง-ขาว-อึ๋ม
“แม่ปลีจ๋า ปล่อยเงินให้ฉันกู้อีกสักห้าพันเถอะ งวดนี้หมุนไม่ทันจริง ๆ แต่รับรองว่างวดหน้ามีเงินมาใช้คืนครบทั้งต้นทั้งดอกแน่นอนจ้ะ นะจ๊ะแม่ปลีคนงามเห็นใจฉันเถอะ” แม่ค้าตลาดพูดน้ำเสียงประจบสอพลอ
“แหม... นังฉวีของเก่ายังใช้คืนไม่หมดนี่มาขอกู้ใหม่อีกละ เห็นว่าเป็นลูกค้าเก่าคบหากันมานานหรอกถึงยอมปล่อยให้กู้อีก รวมทั้งของเก่าของใหม่ทบต้นทบดอกก็หมื่นเอ็ดเจ็ดร้อยนะ เดือนหน้าถ้ายังไม่จ่ายฉันจะให้ผัวเสกหนังควายเข้าท้องเลยคอยดู”
“จ้ะ จ่ายครับแน่ ๆ จ้ะ”
นางปลีส่งหนังสือสัญญาเงินกู้ให้นางฉวีลงลายมือ นางฉวีไม่เสียเวลาอ่านรายละเอียดสัญญา คว้าหมับมาลงชื่อทันที ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นไอ้สัญญานี่มันจะมีประโยชน์อะไร พอลูกหนี้เบี้ยวหน่อยผู้ปล่อยกู้ก็ใช้วิธีนอกบทกฎหมายยึดเงินคืน ไม่ได้ฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลเหมือนที่เคยเห็นเป็นข่าวตามโทรทัศน์ แล้วจะสนใจอ่านไปทำไม?
นางปลีมอบเงินให้แม่ค้าตลาดผู้มาขอกู้ทั้งสองราย ตอนนี้เหลือสาววัยรุ่นเป็นลูกค้าอยู่คนเดียว เธอเดินมานั่งหน้าโต๊ะบัญชีของนางปลี ยังสาวยังแซ่คงอยากได้เงินไว้แต่งตัวเที่ยวเตร่ตามประสา นางปลีถามไปว่าจะเอาเท่าไรแต่เธอกลับตอบมาว่า
“มาเอาดอกเอก!”
นางปลีหน้าตะลึง ถามย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง
“มาเอาดอกเอกใช่ไหม?”
สาววัยรุ่นพยักหน้าท่าทางเซื่องซึมไม่สมเป็นวัยสาว นางปลีบอกให้เธอเดินตามมาแล้วพาไปยังห้องที่อยู่ด้านหลังบ้าน ภายในห้องดูคล้ายโรงพยาบาล มีเตียงพร้อมขาหยั่ง เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับตัด-แงะ-แคะ-ขูด ต่างกันก็เพียงเรื่องความสะอาดเท่านั้น
“เอ้า! ขึ้นเตียงเลย” นางปลีบอก มือก็จัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งาน
“เจ็บมากไหมคะ?” สาววัยรุ่นถามเสียงเครือ เธอหวั่นใจที่ต้องขึ้นไปนอนถ่างขาอยู่บนนั้น
“ไม่เจ็บหรอก เดี๋ยวเดียวเด็กก็ออกแล้ว ขึ้นเตียงเลยซิจะชักช้าอยู่ทำไม”
สาววัยรุ่นหน้าตาไม่สู้ดีนักจำใจต้องขึ้นไปนอนบนเตียงขาหยั่ง ทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อพ่อของเด็กในท้องมันไม่ยอมรับผิดชอบ ตัวเธอก็ยังเรียนอยู่เพียงชั้นมัธยมปลายขอเงินพ่อแม่ใช้วันต่อวันจะเอาปัญญาที่ไหนมาเลี้ยงลูกให้เติบใหญ่ อีกอย่างก็ไม่อยากท้องโย้ไปโรงเรียนให้อายเพื่อนอายอาจารย์ เคยทานยาขับเลือดแล้วแต่เด็กก็ไม่ออก เหลือวิธีนี้วิธีเดียวที่จะกำจัดสิ่งมีชีวิตไม่พึงประสงค์ออกไปจากมดลูก
“เอ้า! กัดนี่ไว้” นางปลีเอาผ้าขนหนูเก่าสีหม่นมาให้สาววัยรุ่นกัด ใครว่าทำแท้งไม่เจ็บ เมื่อกี้เธอก็พูดไม่ให้กลัวไปอย่างนั้น ขืนไม่หาอะไรอุดปากหล่อนไว้มีหวังชาวบ้านละแวกนี้โร่แจ้งตำรวจเพราะรำคาญเสียงกรีดร้องโหยหวน
สาววัยรุ่นหลับตาเกาะขอบเตียงแน่นด้วยความเจ็บปวด รับรู้ได้ถึงความเย็นเฉียบของท่อนเหล็กที่นางปลีสอดเข้าร่างกายเธอ ไม่มีอะไรจะเจ็บปวดไปมากกว่านี้แล้ว เจ็บทั้งร่างกาย ปวดทั้งจิตใจที่ได้ตัดสินใจคร่าหนึ่งชีวิตในท้อง ทั้งยังเคียดแค้นไอ้หนุ่มหน้าหม้อที่ทำให้เธอต้องมีชีวิตเปื้อนมลทินเช่นนี้ จะร้องก็ร้องไม่ออก มีเพียงเสียงอู้อี้เท่านั้นที่เล็ดลอดออกมาจากผ้าขนหนูผืนเก่าซึ่งอุดอยู่เต็มปาก
ชายวัยห้าสิบปลาย ๆ หรือที่ชาวบ้านรู้จักในชื่ออาจารย์สงคราม ซอยเท้าลงมาจากชั้นสองของบ้านไม้สักมุ่งมายังที่ทำงานของภรรยาทันทีเมื่อเห็นลูกค้าสาวเดินสภาพอิดโรยออกจากบ้านไป เขากำลังรอสิ่งนั้นอยู่ สิ่งที่บางคนไม่ต้องการ อยากจะเอาออก แต่กลับเป็นที่ต้องการของคนบางกลุ่ม
“เป็นไง เด็กอยู่ไหน?” เขารีบถามทันที
นางปลีพยักพเยิดหน้าไปที่ห่อผ้าบนรถเข็นเครื่องมือแพทย์ ตัวแกกำลังล้างเครื่องมือทำมาหากินอยู่ สงครามเดินเข้าไปหาห่อผ้านั่น สองมือเอื้อมจับยกขึ้นมาเชยชมจนเลือดซึมออกมาจากห่อ
“ช่วงนี้มีคนสั่งลูกกรอกเข้ามาเยอะนะ หาเด็กมาป้อนฉันเยอะ ๆ ล่ะ ตัวหนึ่งขายได้ไม่ใช่ถูก ๆ”
“เออ... ช่วงนี้เด็กวัยรุ่นพากันมาทำแท้งกับฉันเยอะ คงปากต่อปากกันไป อีกหน่อยคงมีซากเด็กมากพอให้แกทำลูกกรอกกุมารทองขาย”
“งั้นฉันเอาเด็กนี่ไปทำพิธีก่อนจะได้รีบส่งให้เฮียเล้งเขา คนนี้กระเป๋าหนาแกค้าไม้เถื่อน ตัวนี้ฉันจะเรียกแกสักห้าหมื่น”
“ได้เงินมาเจียดให้ฉันเอาไปซื้อทองเก็บบ้างได้ไหมตาสงคราม”
“ไว้ให้ได้มาก่อนแล้วค่อยคุยกัน” พูดแล้วสงครามก็เอาซากศพเด็กทารกขึ้นไปทำพิธีบนชั้นสอง
กุมารทองแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทแรกคือกุมารทองโชคลาภเมตตามหานิยม ประโยชน์คือเลี้ยงไว้ปกปักรักษาบ้านจากขโมยหรือคนแปลกหน้าน่าสงสัย โดยที่กุมารทองชนิดนี้จะแปลงร่างหลอกหลอนให้คนเหล่านั้นขวัญกระเจิงเผ่นหนีไป แต่หากคนเหล่านั้นไม่กลัวก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แถมเมื่อฟ้าสางร่างกุมารทองชนิดนี้ก็จะสลายไป
ประเภทสุดท้ายคือกุมารทองเพชฌฆาต กุมารทองชนิดนี้มีฤทธิ์ทำร้ายศัตรู แบ่งความแกร่งกล้าออกเป็นสี่ระดับได้แก่ “เพชรสูญ” มีอิทธิฤทธิ์ทำให้คนกลายเป็นบ้า “เพชรมั่น” ทำร้ายศัตรูโดยการต่อสู้ไม่ว่าใครที่ไหนก็รับมือได้ แต่มีจุดอ่อนคือพ่ายต่อควายธนูที่ทำจากไม้ไผ่หามผี อยู่ได้แต่ภายในอาณาเขตบริเวณบ้านเจ้าของเท่านั้น “เพชรคง” กุมารทองที่แกร่งกล้ากว่าเพชรมั่น มีอำนาจไล่ล่าติดตามศัตรูไปได้ทั่วทุกหนทุกแห่ง “เพชรดับ” นักฆ่าเลือดเย็นทำร้ายศัตรูให้ตายโดยการบีบคอแบบไม่ทิ้งร่องรอยลายนิ้วมือ
กุมารทองที่สงครามจะสร้างนั้นเป็นกุมารทองที่
พิธีกรรมผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แน่นอนสงครามมืออาชีพเรื่องนี้อยู่แล้วนี่ เขาเริ่มเห็นเงินห้าหมื่นเรืองรองอยู่ไม่ไกลแล้ว ขณะกำลังจะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายหลังนั่งขัดสมาธิติดต่อกันหลายชั่วโมง ก็ต้องชะงักหันไปสนใจบุคคลที่โร่มาหา หมอผีนั่นเองสภาพของเขาตอนนี้สะบักสะบอมมาก ใบหน้าบอบช้ำคล้ำแดงดูน่าสังเวช
“โดนหมาที่ไหนฟัดมาวะไอ้แกละ สภาพเอ็งนี่ดูไม่ได้เลย” สงครามทักทายหมอผี “เอ็งบอกจะไปล้างแค้นไอ้เด็กที่ทำคาถาอาคมแกเสื่อม มันอัดแกอ่วมกลับมาขนาดนี้เลยเหรอ?”
“อูย...” แกละโอดโอยเมื่อขยับปากที่เป็นแผล “ลำพังไอ้เด็กคนนั้นไม่รามือหรอกครับ แต่บังเอิญเพื่อนมันอยู่ด้วย เห็นรูปร่างผอมกะหร่องดูเป็นคุณหนูไม่น่าเชื่อว่าฝีไม้ลายมือเรื่องการต่อสู้จะแพรวพราวอย่างนั้น เล่นฟาดก้านคอผมจนสลบคาเท้า ตื่นมาอีกทีก็เมื่อตะกี้แล้วรีบมาหาอาจารย์นี่แหละ”
แกละสูงวัยกว่าสงครามราวยี่สิบปีได้แต่เขาเคารพผู้อายุน้อยกว่านี้เป็นอาจารย์ สงครามมีอิทธิฤทธิ์กล้าแกร่งบารมีกว้างไกลกว่าเขานัก บางทีแกละก็ได้คาถาอาคมดี ๆ มาจากสงคราม แก๊งกุมารทองที่เคยเป็นเจ้าของสงครามก็อนุเคราะห์ให้มา
“ข้าบอกเอ็งให้จ้างพวกวัยรุ่นอันธพาลไปด้วย ๒-๓ คน เอ็งไม่ได้จ้างหรอกเหรอ?”
“จ้างสิครับ จ้างไปสองคนไม่ได้เรื่องเลย โดนอัดยับก่อนผมเสียอีก”
“บ๊ะ! มันแน่แค่ไหนเชียว”
“อาจารย์ช่วยหน่อยสิ ฆ่ามันให้ตายไปเลยผมแค้นมันนัก” แววตาแกละประสงค์ร้าย
“เพราะอย่างนี้ไงเอ็งถึงเจ็บตัวกลับมา ก่อนจะจัดการศัตรูศึกษาก่อนสิวะ เอ็งประเมินมันต่ำไป สมน้ำหน้าโดนมันอัดแทนที่จะได้อัดมัน”
“อาจารย์อย่าพูดแบบนั้นสิผมเจ็บใจมากพอแล้ว ช่วยล้างแค้นให้ทีเถอะ”
“เออ... รู้แล้ว เดี๋ยวฉันต้องส่งกุมารทองไปสืบประวัติไอ้เด็กคนนั้นเสียก่อน” สงครามหยิบตุ๊กตากุมารทองสีดำขลับออกมาจากชั้นวางบูชา วางไว้บนแท่นประกอบพิธีแล้วยกมือพนมขึ้นกลางอก งึมงำคาถาออกมาก่อนจะออกคำสั่ง “คงกระพันลูกพ่อ ไปสืบทีสิว่าไอ้หนุ่มสองคนที่ทำร้ายแกละมันเป็นใคร”
“ได้ครับพ่อ ไว้ใจคงกระพันเถอะ” เสียงซน ๆ ของวิญญาณเด็กดังก้องไปทั้งห้องโดยไม่มีใครมองเห็นร่างนี้ ผ่านไปราวสิบห้านาทีได้เสียงกุมารทองตนเดิมก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง
“สืบมาแล้วครับพ่อ ไอ้คนที่ทำของลุงแกละเสื่อมชื่อณภัทร เพื่อนมันอีกคนที่ทำร้ายลุงแกละชื่อจ้อน ตอนนี้พวกมันเปิดสำนักหมดดูด้วยแหละ คนไปดูเยอะกว่าตำหนักของพ่อเสียอีก ไอ้ณภัทรมันติดต่อสื่อสารกับวิญญาณได้ตนหนึ่งเป็นวิญญาณผู้ชาย”
“บ๊ะ! มันกล้าเป็นคู่แข่งข้าเชียวเหรอวะ” สงครามคำราม
“วิญญาณผู้ชายนั่นต้องเป็นวิญญาณตนเดียวกับที่ผมหมายจะเอามาเป็นบริวารแน่เลย เป็นโชคของมันที่วันนั้นไอ้เด็กเวรช่วยเอาไว้ได้ แถมยังทำของผมเสื่อมอีก” แกละกัดฟันกรอด
“บังอาจล้ำเส้นหากินของข้า อย่างนี้ต้องสั่งสอนเสียแล้ว”
แกละดีใจหน้าระรื่น สงครามกำลังจะแก้แค้นแทนเขา ฝีมือระดับอาจารย์เล่นของใส่ใครไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต ศัตรูคู่แค้นของเขากำลังจะหายไปจากโลกนี้แล้ว
สงครามหยิบขวดแก้วออกมาจากตู้เก็บมุมห้อง ดึงจุดผ้าสีแดงที่ปิดปากขวดออก รินของเหลวสีเขียวขุ่นใส่แก้วใบใสที่วางบนแท่นทำพิธี แกละผิดหวังเล็กน้อยนึกว่าสงครามจะเสกพวกหนังควาย ตะปู เส้นผมหรืออะไรเทือกนี้เข้าท้องไอ้เด็กหนุ่มนั่นเสียอีก นี่อะไรแค่น้ำยาสมุนไพรล้างท้อง ฤทธิ์อย่างมากก็แค่ทำให้อาเจียนหมดไส้หมดพุงเท่านั้นเอง
“จะเสกแค่น้ำยาล้างท้องเองเหรอครับ? ผมว่ามันไม่เบาไปหน่อยเหรอ อาจารย์น่าจะเสกตะปูเข้าท้องมันเลยนะ”
“แกกะเอามันตายในคราวเดียวเลยเหรอ อย่างนั้นจะไปสนุกอะไรวะ ค่อย ๆ คุกคามให้มันทรมานทีละเล็กทีละน้อยอย่างนี้สะใจกว่าเยอะ” สงครามแสยะยิ้ม
คงต้องปล่อยเลยตามเลยอย่างที่อาจารย์ว่า แกละอยากเสกตะปูเข้าท้องไอ้เด็กหนุ่มคนนั้นตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ตอนนี้เขาไร้อิทธิฤทธิ์พิษสงขืนทำพิธีเสกของเข้าท้องคนอื่นมีหวังมนต์คำได้วกกลับมาเข้าตัว สงครามพนมมือขึ้นกลางอกพลางงึมงำท่องคาถา เรื่องการเสกของเข้าท้องคนอื่นนี่ถนัดนัก