พ่อหมออลเวง ตอนที่๙

กระทู้สนทนา
ตอนที่๑ http://pantip.com/topic/30107518
ตอนที่๒ http://pantip.com/topic/30480244
ตอนที่๓ http://pantip.com/topic/30542963
ตอนที่๔ http://pantip.com/topic/30608461
ตอนที่๕ http://pantip.com/topic/30677615
ตอนที่๖ http://pantip.com/topic/30694435
ตอนที่๗ http://pantip.com/topic/30707197
ตอนที่๘ http://pantip.com/topic/30746577
____________________________________

ตอนที่ ๙



บ้านทรงไทยสองชั้นทาสีดำทั้งหลังลงน้ำมันเงาวับ   ตั้งตระหง่านน่าเกรงขามอยู่สุดซอย   รอบข้างแวดล้อมไปด้วยไม้ยืนต้นชื่อมงคลต่าง ๆ แผ่กิ่งก้านปกคลุมให้ร่มเงาจนบรรยากาศดูอึมครึมเกินไป   เทวรูปของศาสนาพราหมณ์หลายองค์จัดวางทั่วบริเวณสนามหญ้าเขียวขจีหน้าบ้าน   ชั้นล่างติดป้ายบอกปล่อยเงินกู้ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน   ชั้นบนถูกแบ่งครึ่งหนึ่งเป็นที่พักอาศัย   อีกครึ่งเป็นตำหนักเจ้าพ่อสมิงซึ่งมีร่างทรงเป็นชายอายุราวห้าสิบปี

ตำหนักแห่งนี้เปี่ยมความขลังห่างไกลสำนักหมอดูของณภัทรนัก   กะโหลกศีรษะมนุษย์หลายใบถูกใช้เป็นเชิงเทียนวางเรียงเป็นตับอยู่ชั้นวางชั้นล่างสุด   เทวรูปเทพเจ้าองค์เล็กวางเรียงรายเต็มสองชั้นถัดขึ้นมา   กลิ่นธูปกำยานคละคลุ้งไปทั่ว   สายสิญจน์ระโยงรยางค์เต็มฝ้าเพดานดูรกรุงรัง   บรรยากาศมืดมนสลัวแสงดูแล้วน่าอึดอัดไม่อภิรมย์

นางปลีผู้เป็นภรรยาอาจารย์สงครามคนทรงเจ้าเจ้าของตำหนักหรือบ้านหลังนี้   แกมีอาชีพปล่อยเงินกู้นอกระบบคิดดอกเบี้ยไม่แพงมากถ้าเทียบกับเจ้าอื่นในละแวกใกล้ ๆ   แต่แท้จริงแล้วแกมีอาชีพนี้ไว้ปิดบังอีกอาชีพหนึ่ง   อาชีพที่แท้จริงของแกเป็นงานที่เกี่ยวข้องผลประโยชน์กับงานของสามี

ตอนนี้มีลูกค้าเข้าคิวใช้บริการอยู่สามราย   สองรายเป็นแม่ค้าตลาดที่หมุนเงินส่งเจ้ามือเปียแชร์ไม่ทัน   อีกรายเป็นสาววัยรุ่นหน้าตาสะสวยแบบชาวบ้าน   ไม่ใช่สเปคของหนุ่มในเมืองที่นิยมผู้หญิงสูง-ขาว-อึ๋ม

“แม่ปลีจ๋า   ปล่อยเงินให้ฉันกู้อีกสักห้าพันเถอะ   งวดนี้หมุนไม่ทันจริง ๆ   แต่รับรองว่างวดหน้ามีเงินมาใช้คืนครบทั้งต้นทั้งดอกแน่นอนจ้ะ   นะจ๊ะแม่ปลีคนงามเห็นใจฉันเถอะ” แม่ค้าตลาดพูดน้ำเสียงประจบสอพลอ

“แหม... นังฉวีของเก่ายังใช้คืนไม่หมดนี่มาขอกู้ใหม่อีกละ   เห็นว่าเป็นลูกค้าเก่าคบหากันมานานหรอกถึงยอมปล่อยให้กู้อีก   รวมทั้งของเก่าของใหม่ทบต้นทบดอกก็หมื่นเอ็ดเจ็ดร้อยนะ   เดือนหน้าถ้ายังไม่จ่ายฉันจะให้ผัวเสกหนังควายเข้าท้องเลยคอยดู”

“จ้ะ   จ่ายครับแน่ ๆ จ้ะ”

นางปลีส่งหนังสือสัญญาเงินกู้ให้นางฉวีลงลายมือ   นางฉวีไม่เสียเวลาอ่านรายละเอียดสัญญา   คว้าหมับมาลงชื่อทันที   ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นไอ้สัญญานี่มันจะมีประโยชน์อะไร   พอลูกหนี้เบี้ยวหน่อยผู้ปล่อยกู้ก็ใช้วิธีนอกบทกฎหมายยึดเงินคืน   ไม่ได้ฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลเหมือนที่เคยเห็นเป็นข่าวตามโทรทัศน์   แล้วจะสนใจอ่านไปทำไม?

นางปลีมอบเงินให้แม่ค้าตลาดผู้มาขอกู้ทั้งสองราย   ตอนนี้เหลือสาววัยรุ่นเป็นลูกค้าอยู่คนเดียว   เธอเดินมานั่งหน้าโต๊ะบัญชีของนางปลี   ยังสาวยังแซ่คงอยากได้เงินไว้แต่งตัวเที่ยวเตร่ตามประสา   นางปลีถามไปว่าจะเอาเท่าไรแต่เธอกลับตอบมาว่า

“มาเอาดอกเอก!”

นางปลีหน้าตะลึง   ถามย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง

“มาเอาดอกเอกใช่ไหม?”

สาววัยรุ่นพยักหน้าท่าทางเซื่องซึมไม่สมเป็นวัยสาว   นางปลีบอกให้เธอเดินตามมาแล้วพาไปยังห้องที่อยู่ด้านหลังบ้าน   ภายในห้องดูคล้ายโรงพยาบาล   มีเตียงพร้อมขาหยั่ง   เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับตัด-แงะ-แคะ-ขูด   ต่างกันก็เพียงเรื่องความสะอาดเท่านั้น

“เอ้า! ขึ้นเตียงเลย” นางปลีบอก   มือก็จัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งาน

“เจ็บมากไหมคะ?” สาววัยรุ่นถามเสียงเครือ   เธอหวั่นใจที่ต้องขึ้นไปนอนถ่างขาอยู่บนนั้น

“ไม่เจ็บหรอก   เดี๋ยวเดียวเด็กก็ออกแล้ว   ขึ้นเตียงเลยซิจะชักช้าอยู่ทำไม”

สาววัยรุ่นหน้าตาไม่สู้ดีนักจำใจต้องขึ้นไปนอนบนเตียงขาหยั่ง   ทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อพ่อของเด็กในท้องมันไม่ยอมรับผิดชอบ   ตัวเธอก็ยังเรียนอยู่เพียงชั้นมัธยมปลายขอเงินพ่อแม่ใช้วันต่อวันจะเอาปัญญาที่ไหนมาเลี้ยงลูกให้เติบใหญ่   อีกอย่างก็ไม่อยากท้องโย้ไปโรงเรียนให้อายเพื่อนอายอาจารย์   เคยทานยาขับเลือดแล้วแต่เด็กก็ไม่ออก   เหลือวิธีนี้วิธีเดียวที่จะกำจัดสิ่งมีชีวิตไม่พึงประสงค์ออกไปจากมดลูก

“เอ้า! กัดนี่ไว้” นางปลีเอาผ้าขนหนูเก่าสีหม่นมาให้สาววัยรุ่นกัด   ใครว่าทำแท้งไม่เจ็บ   เมื่อกี้เธอก็พูดไม่ให้กลัวไปอย่างนั้น   ขืนไม่หาอะไรอุดปากหล่อนไว้มีหวังชาวบ้านละแวกนี้โร่แจ้งตำรวจเพราะรำคาญเสียงกรีดร้องโหยหวน

สาววัยรุ่นหลับตาเกาะขอบเตียงแน่นด้วยความเจ็บปวด   รับรู้ได้ถึงความเย็นเฉียบของท่อนเหล็กที่นางปลีสอดเข้าร่างกายเธอ   ไม่มีอะไรจะเจ็บปวดไปมากกว่านี้แล้ว   เจ็บทั้งร่างกาย   ปวดทั้งจิตใจที่ได้ตัดสินใจคร่าหนึ่งชีวิตในท้อง   ทั้งยังเคียดแค้นไอ้หนุ่มหน้าหม้อที่ทำให้เธอต้องมีชีวิตเปื้อนมลทินเช่นนี้   จะร้องก็ร้องไม่ออก   มีเพียงเสียงอู้อี้เท่านั้นที่เล็ดลอดออกมาจากผ้าขนหนูผืนเก่าซึ่งอุดอยู่เต็มปาก


ชายวัยห้าสิบปลาย ๆ หรือที่ชาวบ้านรู้จักในชื่ออาจารย์สงคราม   ซอยเท้าลงมาจากชั้นสองของบ้านไม้สักมุ่งมายังที่ทำงานของภรรยาทันทีเมื่อเห็นลูกค้าสาวเดินสภาพอิดโรยออกจากบ้านไป   เขากำลังรอสิ่งนั้นอยู่   สิ่งที่บางคนไม่ต้องการ   อยากจะเอาออก   แต่กลับเป็นที่ต้องการของคนบางกลุ่ม

“เป็นไง   เด็กอยู่ไหน?” เขารีบถามทันที

นางปลีพยักพเยิดหน้าไปที่ห่อผ้าบนรถเข็นเครื่องมือแพทย์   ตัวแกกำลังล้างเครื่องมือทำมาหากินอยู่   สงครามเดินเข้าไปหาห่อผ้านั่น   สองมือเอื้อมจับยกขึ้นมาเชยชมจนเลือดซึมออกมาจากห่อ

“ช่วงนี้มีคนสั่งลูกกรอกเข้ามาเยอะนะ   หาเด็กมาป้อนฉันเยอะ ๆ ล่ะ   ตัวหนึ่งขายได้ไม่ใช่ถูก ๆ”

“เออ... ช่วงนี้เด็กวัยรุ่นพากันมาทำแท้งกับฉันเยอะ   คงปากต่อปากกันไป   อีกหน่อยคงมีซากเด็กมากพอให้แกทำลูกกรอกกุมารทองขาย”

“งั้นฉันเอาเด็กนี่ไปทำพิธีก่อนจะได้รีบส่งให้เฮียเล้งเขา   คนนี้กระเป๋าหนาแกค้าไม้เถื่อน   ตัวนี้ฉันจะเรียกแกสักห้าหมื่น”

“ได้เงินมาเจียดให้ฉันเอาไปซื้อทองเก็บบ้างได้ไหมตาสงคราม”

“ไว้ให้ได้มาก่อนแล้วค่อยคุยกัน” พูดแล้วสงครามก็เอาซากศพเด็กทารกขึ้นไปทำพิธีบนชั้นสอง

กุมารทองแบ่งออกเป็นสองประเภท   ประเภทแรกคือกุมารทองโชคลาภเมตตามหานิยม   ประโยชน์คือเลี้ยงไว้ปกปักรักษาบ้านจากขโมยหรือคนแปลกหน้าน่าสงสัย   โดยที่กุมารทองชนิดนี้จะแปลงร่างหลอกหลอนให้คนเหล่านั้นขวัญกระเจิงเผ่นหนีไป   แต่หากคนเหล่านั้นไม่กลัวก็ไม่สามารถทำอะไรได้   แถมเมื่อฟ้าสางร่างกุมารทองชนิดนี้ก็จะสลายไป

ประเภทสุดท้ายคือกุมารทองเพชฌฆาต   กุมารทองชนิดนี้มีฤทธิ์ทำร้ายศัตรู   แบ่งความแกร่งกล้าออกเป็นสี่ระดับได้แก่   “เพชรสูญ” มีอิทธิฤทธิ์ทำให้คนกลายเป็นบ้า   “เพชรมั่น” ทำร้ายศัตรูโดยการต่อสู้ไม่ว่าใครที่ไหนก็รับมือได้   แต่มีจุดอ่อนคือพ่ายต่อควายธนูที่ทำจากไม้ไผ่หามผี   อยู่ได้แต่ภายในอาณาเขตบริเวณบ้านเจ้าของเท่านั้น   “เพชรคง” กุมารทองที่แกร่งกล้ากว่าเพชรมั่น   มีอำนาจไล่ล่าติดตามศัตรูไปได้ทั่วทุกหนทุกแห่ง   “เพชรดับ” นักฆ่าเลือดเย็นทำร้ายศัตรูให้ตายโดยการบีบคอแบบไม่ทิ้งร่องรอยลายนิ้วมือ

กุมารทองที่สงครามจะสร้างนั้นเป็นกุมารทองที่ยิ้มนและแรงที่สุดโดยสร้างจากวัสดุอาถรรพณ์คือผงพรายกุมาร   ผงพรายกุมารคือผงที่ได้จากการเอากระดูกเด็กมาป่นละเอียดผสมกับผงอิทธิเจและปถมัง   นำมาประกอบเป็นรูปกุมารทองแล้วปลุกเสกหนุนธาตุ   สะกดวิญญาณเจ้าของผงพรายนั้นลงกุมารทองเลย

พิธีกรรมผ่านพ้นไปได้ด้วยดี   แน่นอนสงครามมืออาชีพเรื่องนี้อยู่แล้วนี่   เขาเริ่มเห็นเงินห้าหมื่นเรืองรองอยู่ไม่ไกลแล้ว   ขณะกำลังจะลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายหลังนั่งขัดสมาธิติดต่อกันหลายชั่วโมง   ก็ต้องชะงักหันไปสนใจบุคคลที่โร่มาหา   หมอผีนั่นเองสภาพของเขาตอนนี้สะบักสะบอมมาก   ใบหน้าบอบช้ำคล้ำแดงดูน่าสังเวช

“โดนหมาที่ไหนฟัดมาวะไอ้แกละ   สภาพเอ็งนี่ดูไม่ได้เลย” สงครามทักทายหมอผี “เอ็งบอกจะไปล้างแค้นไอ้เด็กที่ทำคาถาอาคมแกเสื่อม   มันอัดแกอ่วมกลับมาขนาดนี้เลยเหรอ?”

“อูย...” แกละโอดโอยเมื่อขยับปากที่เป็นแผล “ลำพังไอ้เด็กคนนั้นไม่รามือหรอกครับ   แต่บังเอิญเพื่อนมันอยู่ด้วย   เห็นรูปร่างผอมกะหร่องดูเป็นคุณหนูไม่น่าเชื่อว่าฝีไม้ลายมือเรื่องการต่อสู้จะแพรวพราวอย่างนั้น   เล่นฟาดก้านคอผมจนสลบคาเท้า   ตื่นมาอีกทีก็เมื่อตะกี้แล้วรีบมาหาอาจารย์นี่แหละ”

แกละสูงวัยกว่าสงครามราวยี่สิบปีได้แต่เขาเคารพผู้อายุน้อยกว่านี้เป็นอาจารย์   สงครามมีอิทธิฤทธิ์กล้าแกร่งบารมีกว้างไกลกว่าเขานัก   บางทีแกละก็ได้คาถาอาคมดี ๆ มาจากสงคราม   แก๊งกุมารทองที่เคยเป็นเจ้าของสงครามก็อนุเคราะห์ให้มา

“ข้าบอกเอ็งให้จ้างพวกวัยรุ่นอันธพาลไปด้วย ๒-๓ คน   เอ็งไม่ได้จ้างหรอกเหรอ?”

“จ้างสิครับ   จ้างไปสองคนไม่ได้เรื่องเลย   โดนอัดยับก่อนผมเสียอีก”

“บ๊ะ! มันแน่แค่ไหนเชียว”

“อาจารย์ช่วยหน่อยสิ   ฆ่ามันให้ตายไปเลยผมแค้นมันนัก” แววตาแกละประสงค์ร้าย

“เพราะอย่างนี้ไงเอ็งถึงเจ็บตัวกลับมา   ก่อนจะจัดการศัตรูศึกษาก่อนสิวะ   เอ็งประเมินมันต่ำไป   สมน้ำหน้าโดนมันอัดแทนที่จะได้อัดมัน”
“อาจารย์อย่าพูดแบบนั้นสิผมเจ็บใจมากพอแล้ว   ช่วยล้างแค้นให้ทีเถอะ”

“เออ... รู้แล้ว   เดี๋ยวฉันต้องส่งกุมารทองไปสืบประวัติไอ้เด็กคนนั้นเสียก่อน” สงครามหยิบตุ๊กตากุมารทองสีดำขลับออกมาจากชั้นวางบูชา   วางไว้บนแท่นประกอบพิธีแล้วยกมือพนมขึ้นกลางอก   งึมงำคาถาออกมาก่อนจะออกคำสั่ง “คงกระพันลูกพ่อ   ไปสืบทีสิว่าไอ้หนุ่มสองคนที่ทำร้ายแกละมันเป็นใคร”

“ได้ครับพ่อ   ไว้ใจคงกระพันเถอะ” เสียงซน ๆ ของวิญญาณเด็กดังก้องไปทั้งห้องโดยไม่มีใครมองเห็นร่างนี้   ผ่านไปราวสิบห้านาทีได้เสียงกุมารทองตนเดิมก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง

“สืบมาแล้วครับพ่อ   ไอ้คนที่ทำของลุงแกละเสื่อมชื่อณภัทร   เพื่อนมันอีกคนที่ทำร้ายลุงแกละชื่อจ้อน   ตอนนี้พวกมันเปิดสำนักหมดดูด้วยแหละ   คนไปดูเยอะกว่าตำหนักของพ่อเสียอีก   ไอ้ณภัทรมันติดต่อสื่อสารกับวิญญาณได้ตนหนึ่งเป็นวิญญาณผู้ชาย”

“บ๊ะ! มันกล้าเป็นคู่แข่งข้าเชียวเหรอวะ” สงครามคำราม

“วิญญาณผู้ชายนั่นต้องเป็นวิญญาณตนเดียวกับที่ผมหมายจะเอามาเป็นบริวารแน่เลย   เป็นโชคของมันที่วันนั้นไอ้เด็กเวรช่วยเอาไว้ได้   แถมยังทำของผมเสื่อมอีก” แกละกัดฟันกรอด

“บังอาจล้ำเส้นหากินของข้า   อย่างนี้ต้องสั่งสอนเสียแล้ว”

แกละดีใจหน้าระรื่น   สงครามกำลังจะแก้แค้นแทนเขา   ฝีมือระดับอาจารย์เล่นของใส่ใครไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต   ศัตรูคู่แค้นของเขากำลังจะหายไปจากโลกนี้แล้ว

สงครามหยิบขวดแก้วออกมาจากตู้เก็บมุมห้อง   ดึงจุดผ้าสีแดงที่ปิดปากขวดออก   รินของเหลวสีเขียวขุ่นใส่แก้วใบใสที่วางบนแท่นทำพิธี   แกละผิดหวังเล็กน้อยนึกว่าสงครามจะเสกพวกหนังควาย   ตะปู   เส้นผมหรืออะไรเทือกนี้เข้าท้องไอ้เด็กหนุ่มนั่นเสียอีก   นี่อะไรแค่น้ำยาสมุนไพรล้างท้อง   ฤทธิ์อย่างมากก็แค่ทำให้อาเจียนหมดไส้หมดพุงเท่านั้นเอง

“จะเสกแค่น้ำยาล้างท้องเองเหรอครับ?   ผมว่ามันไม่เบาไปหน่อยเหรอ   อาจารย์น่าจะเสกตะปูเข้าท้องมันเลยนะ”

“แกกะเอามันตายในคราวเดียวเลยเหรอ   อย่างนั้นจะไปสนุกอะไรวะ   ค่อย ๆ คุกคามให้มันทรมานทีละเล็กทีละน้อยอย่างนี้สะใจกว่าเยอะ” สงครามแสยะยิ้ม

คงต้องปล่อยเลยตามเลยอย่างที่อาจารย์ว่า   แกละอยากเสกตะปูเข้าท้องไอ้เด็กหนุ่มคนนั้นตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด   ตอนนี้เขาไร้อิทธิฤทธิ์พิษสงขืนทำพิธีเสกของเข้าท้องคนอื่นมีหวังมนต์คำได้วกกลับมาเข้าตัว   สงครามพนมมือขึ้นกลางอกพลางงึมงำท่องคาถา   เรื่องการเสกของเข้าท้องคนอื่นนี่ถนัดนัก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่