โพลหอการค้าชี้ประชาชนมองโครงการเงินกู้ 2 ล้านลบ.-น้ำ 3.5 แสนล.เสี่ยงโกง

นายวชิร คูณทวีเทพ อาจารย์ประจำศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  กล่าวถึง ผลสำรวจทัศนะต่อความวิตกกังวลในการคอรัปชั่นโครงการภาครัฐว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 70% ติดตามสถานการณ์คอรัปชั่นในประเทศ ในจำนวนนี้ 45%

เชื่อว่ามีการคอรัปชั่นระดับปานกลาง 37.7% มีการคอรัปชั่นมากถึงมากที่สุด และ 4.4% เชื่อว่ามีการคอร์รัปชั่นน้อย สำหรับกลุ่มคนที่ทำให้เกิดการคอรัปชั่นมากสุดที่ เป็นนักการเมือง 63.2% ภาคธุรกิจ49.2% ข้าราชการ ผู้รับสินบน 46.9% และประชาชนทั่วไป 11.6%
        
เมื่อถามว่า โครงการต่างๆ ของรัฐบาล จะมีการคอรัปชั่นกี่เปอร์เซ็นต์ของวงเงินงบประมาณ ซึ่งส่วนใหญ่ระบุว่าจะมีการคอรัปชั่นในสัดส่วน 11-25% ของวงเงินงบประมาณ โดยโครงการรับจำนำข้าว มี 18.8% ระบุว่าจะคอรัปชั่น 11-15% ของงบประมาณ มี 21.1% ระบุว่าจะคอรัปชั่น 16-20% ของงบประมาณ และ 17% ระบุว่าจะคอรัปชั่น 21-25%
ส่วนโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท มี 20.3% ระบุว่าจะคอรัปชั่น 11-15% ของงบประมาณ มี 22.8% ระบุว่าจะคอรัปชั่น 16.-20% และ 15.5% ระบุว่าจะคอรัปชั่น 21-25% ส่วนโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาทมี 24.4% ระบุว่าจะคอรัปชั่น 11-15% มี 22.2% ระบุว่าจะคอรัปชั่น 16-20% และมี 15.5% ระบุว่าจะคอรัปชั่น 21-25%
        
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์ฯ กล่าวว่า โอกาสการเกิดคอรัปชั่น และหากเกิดขึ้นจริงจะเกิดความเสียหายมากน้อยเพียงใด  แบ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลดำเนินการแล้ว โอกาสที่จะเกิดการคอรัปชันมากที่สุด คือ โครงการรับจำนำข้าว 51% รองลงมา โครงการแจกแท็บเล็ต ป.1 มีโอกาส 47.6% และโครงการกองทุนหมู่บ้าน 47.4%

ส่วนโครงการที่รัฐยังไม่ได้ดำเนินการ โอกาสที่จะเกิดคอรัปชันมากที่สุดคือ โครงการ 2 ล้านล้านบาท เพื่อโครงสร้างพื้นฐาน 64% รองลงมาโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท 60.5% และโครงการรถ NGV (เฉพาะผู้ตอบ กทม. เท่านั้น) 58.8%
        
ผลสำรวจยังพบว่า ในขั้นตอนหรือกระบวนการแต่ละขั้นตอนของโครงการเหล่านี้ จุดที่จะก่อให้เกิดการคอรัปชันได้มากที่สุดคือ คณะกรรมการพิจารณาจัดจ้าง 66% รองลงมาคือ การกำหนดคุณสมบัติ/สเปกผู้เข้าประมูล 61.5% และคณะกรรมการตรวจรับงาน 48.5%
          
นอกจากนี้ ในการดำเนินโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ประชาชนยังมีความกังวลในด้านอื่นๆ ที่เหนือจากปัญหาการคอรัปชัน โดยอันดับแรกที่ประชาชนห่วงมากที่สุด คือ ภาระหนี้ที่รัฐบาลต้องกู้มาเพื่อดำเนินโครงการ 37.5% รองลงมาคือภาระที่รัฐบาลต้องจ่ายคืนเงินกู้ 32% และห่วงวินัยการคลังของรัฐบาล 13%

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า  จากประสบการณ์การแก้ไขปัญหาในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ  ผู้นำประเทศจะต้องให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเจตนาร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ลงนามในข้อตกลงคุณธรรมเพื่อให้คนกลางเข้าร่วมในการตรวจสอบโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นการวางหลักการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นไว้แล้ว แต่จะต้องเพิ่มการเปิดเผยข้อมูลให้ตรวจสอบได้ นอกจากนี้จะต้องจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมให้แก่หน่วยงานที่มีหน้าที่ปราบปราม ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้เพิ่มกำลังคนอย่างเหมาะสมในการตรวจสอบรวมถึงมีการให้อำนาจทางกฎหมาย
          
นอกจากนี้ สื่อมวลชนต้องเผยแพร่ข้อมูลเพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหา และปฏิเสธการคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ ซึ่งเม็ดเงินจากการคอร์รัปชั่นหากคิดเป็นร้อยละ 10 ของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คิดเป็นงบประมาณถึง 200,000 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2 ของจีดีพี ซึ่งเม็ดเงินส่วนนี้สามารถนำมาลงทุนในระบบชลประทานเพื่อสร้างความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นได้

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=188923:-2---35-&catid=176:2009-06-25-09-26-02&Itemid=524


สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่คนอื่น แต่คือ "การหลอกตัวเอง"


ผมไม่เคยยึดติดกับพรรคการเมือง พรรคใดมาบริหารประชาชนและสื่อควรร่วมตรวจสอบ



ชาวนาพิจิตร 200 ราย แจ้งความเอาผิดโรงสีโกงข้าว
http://www.thairath.co.th/content/region/353086

ชาวนาเชียงรายโวยโรงสีโกงค่าข้าวกว่า10ล.
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=467763

ชาวนาเพชรบูรณ์ร้องปชป.ช่วยถูกโรงสีโกงกว่า16ล.ผลพวงรับจำนำข้าว
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=133987:16&catid=143:2011-01-26-05-35-57&Itemid=597
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่