[CR] เมื่อผมพา "หมูขาวไปกิน E85" ภาคจบ

ต่อจากกระทู้ที่แล้ว http://pantip.com/topic/30733340 ครับผม


สวัสดีครับ มาต่อกันในเรื่องของการทดสอบการใช้น้ำมัน E85 กับ เจ้าหมูขาว PCX 150 กันต่อครับ หลังจากที่รายงานเรื่องการติดกล่องจูนหัวฉีด เพื่อใช้กับน้ำมัน E85 โดยคราวนี้จะมารายงานผลกันครับ
เข้าเรื่องกันเลยครับ เอาไว้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่อยากรู้นะครับ
เริ่มจากการทดสอบ PCX เป็นถังที่ 3 โดยสองถังแรก ผมวุ่นวายอยู่กับการจูนน้ำมันแบบบ้านๆ ให้พอดี ซึ่งในกล่องนี้เราสามารถปรับจูนน้ำมันหนา – บาง ได้ตามความต้องการ เมื่อเติม E85 ซึ่งมีสัดส่วนของอากาศอยู่ในน้ำมันมากกว่าน้ำมันเบนซินปกติ จึงต้องปรับจูนน้ำมันให้ส่วนผสมลงตัว ผมเองก็จูนคร่าวๆ เอาแค่วิ่งได้ครับ ไม่รู้ว่าหนาหรือบาง แต่ติดอยู่ในทางหนาเป็นส่วนมาก
ถึงวันทดสอบ เส้นทาง กทม. – นครนายก ช่วงสายๆ ผมนำรถเข้าเติม E85 เต็มถัง พร้อมเช็คลมยางหน้า 31 หลัง 33 เพื่อเตรียมตัวเดินทางในช่วงกลางวัน เมื่อเตรียมทุกอย่าง รถพร้อม คนพร้อม ก็เริ่มต้นเดินทางโดยใช้เส้นทาง ลาดพร้าว – หนองจอก – คลอง 13 – บ้านนา – บ้านพริก – เขาน้อย – นครนายก โดยใช้ความเร็วในการเดินทาง ตั้งแต่ 80 – 110 Km/h ตามสภาพถนนในช่วงที่ว่าง ก็ขับเร็วราวๆ 90-100 แช่ยาวๆ ผ่อนตอนรถติดหรือถนนไม่ดีเท่านั้น ไม่ได้ขับเพื่อประหยัดน้ำมัน รวมระยะทาง 143.4 กิโลเมตร น้ำมันตกเหลือขีดเดียว กลัวจะเดินทางต่อไปที่สาลิกาไม่ถึง จึงเข้าเติม E20 ต่อจนเต็มถัง อีก สรุปเติมไป 4.69 ลิตร มาลองคำนวณอัตราสิ้นเปลืองกันเล่นๆ ครับ 143.4 / 4.69 ได้อัตราสิ้นเปลืองมาที่ 30.57 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าเยอะพอสมควร มาลองคำนวณค่าใช้จ่ายต่อกิโลกันครับ ราคา E85 นะวันนี้ 24.18 บาทต่อลิตร เท่ากับ 24.18/30.57 เท่ากับ 0.79 บาท ต่อกิโลเมตร

เติม E20 แทน E85 จำนวน 4.69 ลิตร


ใช้ E85 วิ่งมาได้ 143.4 กิโลเมตร



ต่อครับ หลังจากนั้นผมเติม E20 เต็มถัง แล้วก็วิ่งสไตล์เดิมไป สาริกา กลับบ้านนา – บ้านพริก แล้วช่วงสายของอีกวัน เดินทางต่อเข้า กทม. ในเส้น องครักษ์ – รังสิต – สะพานใหม่ – ราบ 11- วังหิน ช่วง องครักษ์ จนถึง วังหินนี่ใช้ความเร็วได้น้อยหน่อย เพราะรถค่อนข้างมาก ต่างกับช่วง สาลิกา- นครนายก ระยะทางราว 7 กิโล ที่ได้หวดเต็มๆ เท่านั้นเอง ซึ่งขาไปกับขากลับนั้นถนนค่อนข้างต่างกัน ถนนขากลับ มีการซ่อมผิวถนนตลอดทาง ทำให้ใช้ความเร็วไม่ได้ดังใจ ประกอบกับความมืดมาเยือน จึงต้องลดความเร็วลง วันรุ่งขึ้นก็มาทำงานอีกนิดหน่อย จนน้ำมันเหลือขีดเดียว เข้าไปเติมน้ำมันจนเต็มถัง ได้ระยะทาง 199.3 (เลขดีแหะ) ใช้น้ำมันไป 4.55 ลิตร ได้อัตราสิ้นเปลืองที่ 199.3/4.55 43.8 กิโลเมตรต่อลิตร จะเห็นว่าต่างกันค่อนข้างมาก เกือบ 13 กิโลต่อลิตรเลยก็ว่าได้ คราวนี้มาคิดราคาค่าใช้จ่ายกัน น้ำมัน E20 ราคาอยู่ที่ 36.08 ต่อลิตร คิดแบบเดียวกัน 36.08/43.8 เท่ากับ 0.82 บาทต่อลิตร

กลับมาเติมน้ำมันอีกให้เต็มถัง


สรุปใช้ E20 วิ่งไป 199.3 กิโลเมตร


สรุป เรื่องค่าใช้จ่าย E85 ตกราคากิโลเมตรละ 0.79 บาท ส่วน E20 ตกราคากิโลเมตรละ 0.82 ซึ่งดูแล้วไม่ต่างกันมากนัก แต่ถ้าเป็น แก๊ส 95 ที่ปัจจุบันราคา 41.3 บาท ความแตกต่างก็จะมากขึ้นพอสมควร ผมว่าน้ำมัน E85 รถที่ใช้ได้ตอนนี้ก็จะคุ้มก็ต่อเมื่อคุณใช้งานเยอะๆ อย่างเช่น เดือนหนึ่งผมวิ่ง 1000 กิโล เมื่อใช้ E85 เทียบกับ E20 ผมจะประหยัดไป กิโลละ 0.03 บาท 1000 กิโลก็ประหยัดไป 30 บาท 10000 กิโล ประหยัดไป 300 นับว่าน้อยมากๆ  แต่ว่าถ้าเป็นการใช้งานในเมืองปกติ ที่ผมเคยเก็บๆ ไว้ E85 จะใช้ได้ราวๆ 170 km ต่อน้ำมัน  4.9 ลิตร คิดเป็นอัตราสิ้นเปลือง 34.69 Km/L  หรือตกค่าใช้จ่าย  0.69 บาทต่อกิโลเมตร ส่วน E20 วิ่งปกติได้ประมาณ 230 Km ต่อนำมัน  4.9 ลิตร คิดเป็นอัตราสิ้นเปลือง 46.93 กิโลเมตรต่อลิตร คิดค่าใช้จ่ายเป็น  0.76 บาทต่อลิตร  ซึ่งแก๊ปค่าใช้จ่ายก็จะมากขึ้นไปอีก แต่มันยังมีอีกหลายๆ สาเหตุ ซึ่งผมจะสรุปง่ายๆ ตามนี้
1 เหตุผลหลักคือการจูนน้ำมัน หนา-บาง ซึ่งคนที่สามารถจูนน้ำมันได้พอดี ก็จะได้ค่าตัวเลขที่ดีกว่านี้ ซึ่งผมเองจูนน้ำมันไม่เป็น ก็เลยจูนให้หนาไว้ ซึ่งได้ผลคือรถมีแรง ไม่อืด วิ่งยาวๆ ได้ดี เครื่องไม่ร้อน แต่อาจจะรับประทานน้ำมันน่าดูชม
2 ความเร็วที่ใช้งาน ความเร็วที่ใช้งานตอนใช้ E85 ถือว่ามีความเร็วเฉลี่ยค่อนข้างสูง ถนนว่างๆ ผมก็ขับราวๆ 100 ขึ้นไปถึง 110 ในบางครั้ง แต่ตอนใช้ E20 ผมขับช่วงแรกที่ 100 ต่อมาถนนเสียหายผมก็ขับช้าลงมาที่ 60-70 จากนั้นก็เจอถนนที่รถค่อนข้างมาก จึงยืนพื้นได้ที่ 80 เท่านั้น ทำให้อัตราการสิ้นเปลืองไม่สูงมากนัก สู้ในช่วงที่ขับกับ E85 ไม่ได้ จึงอาจจะเป็นเหตุให้ค่าใช้จ่ายไม่ต่างกันมากนัก
3 น้ำมัน E85 เป็นน้ำมันที่ราคาถูก แต่ ต้องปรับจูนเครื่องยนต์ใหม่ ซึ่งระบบหัวฉีดติดรถเดิมๆ อย่าง PCX นั้นเรนจ์ไม่สามารถตอบสนองได้ ทำให้อืด รอรอบ จึงต้องมีกล่องสำหรับปรับจ่ายน้ำมันเพิ่มเติม ซึ่งสามารถจ่ายน้ำมันเพิ่มเติมจากหัวฉีดได้มากขึ้น แต่การที่รถมีกล่อง ECU คอยควบคุมการทำงานอีกที จึงทำให้ปรับแต่งยาก ถ้าไม่ใช่ผู้ชำนาญ ถ้าปรับน้อยไป รถก็ไม่มีแรง แต่ถ้ามากรถก็แรงดี แต่กินน้ำมัน อย่างที่ผมเป็น
4 กล่อง EFI ที่ใช้ ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดในขณะนี้ เป็นระบบโคสลูป ซึ่งทำให้ ECU ของตัวรถเข้ามาช่วยคำนวณ มีข้อดีก็คือ น้ำมันจะไม่บางไปจนกระทั่งขาด หรือหนาไปจนกระทั่งเครื่องสำลัก การปรับจูนจะอยู่ในย่านๆ หนึ่งที่ไม่ทำให้รถเสียหาย นับว่ามีข้อดีสำหรับมือใหม่ แต่การจะปรับให้ลงตัว ก็ต้องเชี่ยวชาญสักนิด
5 การเพิ่มไฟ เนื่องจากกล่อง EFi ตัวนี้สามารถปรับองศาจุดระเบิดได้ +- 8 องศา จากการลองปรับเพิ่ม 2-3 องศา พบว่าให้ผลที่น่าสนใจ รถติดมือขึ้น แต่ก็กินน้ำมันขึ้นนะจ๊ะ
6 กล่องตัวนี้ สามารถปรับย่านคันเร่ง ต่ำ-กลาง-สูง ได้ ซึ่งถ้าผู้ใช้ปรับแต่งเป็น จะทำให้การตอบสนองเปลี่ยนไปตามความต้องการได้ แต่ว่า ผมปรับไม่เป็นครับ แล้วข้อดีก็คือ กล่องตัวนี้มี 2 ระบบ ระบบแรกใช้ลูกบิดในการปรับแต่ง ผู้ใช้แค่มีไขควงปากแบนเล็กๆ ก็ปรับแต่งเองได้แล้ว แต่ถ้าต้องการความละเอียด ก็สามารถต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ เพื่อปรับแต่งค่าแบบละเอียดได้อีก ซึ่งผมมองว่า มันเป็นข้อดีของรถหัวฉีด ที่ปรับแต่งง่าย มีหลักการจูน มีตัวเลขแสดงเด่นชัด ไม่ต้องอาศัยความรู้สึก ซึ่งโปรแกรมดูแล้วก็ใช้ไม่ยาก ถ้าเข้าอบรมสักหน่อยน่าจะดี
7 สำหรับการต่อสาย เห็นว่ารุ่นใหม่ที่จะออกมาจะไม่ต้องตัดต่อสายไฟอีกต่อไป เพราะมีสายเสียบมาให้เลย ก็น่าจะเป็นข้อดีสำหรับคนที่กลัวรถหมดประกันด้วยนะครับ
8 ความร้อน E85 มีข้อดีคือเครื่องยนต์จะไม่ร้อนมาก ผมวิ่งยาวๆ เป็นร้อยกิโล เปิดยูบ๊อกออกมาเอามือแตะพื้นยูบ๊อก ก็ยังแค่อุ่นๆ ต่างกับช่วงก่อนที่ใช้ E20 ร้อนจนรู้สึกได้
ส่วนเรื่องการสึกหรอ ตอนนี้ผมเติม E85 เป็นถังที่ 4 ยังปกติดีครับ ไม่เจออะไรที่สึกหรอ หรือเสียหาย ไฟหัวฉีดยังปกติครับผม ส่วนตัวผมคิดว่า รถที่จะติดกล่องให้ใช้ E85 ได้ ถ้าเป็นรถที่ยังไม่สามารถใช้ E20 ได้ และเป็นรถที่วิ่งเยอะๆ เดือนนึง 2-3 พันโล จะคุ้มค่ามากกว่าครับ แถมกล่องนี้ราคาไม่แรงแค่ 3 พันกว่าๆ ก็น่าสนไม่น้อย แถมยังเพิ่มความแรงให้กับรถได้อีกด้วย เช่นแค่ ปรับไฟเพิ่ม เติมน้ำมันนิดๆ ก็บิดติดมือขึ้นแล้ว ถ้าใครลงท่อทำลูก ทำแคม ผมว่าเหมาะ เพราะเราจูนแมคคานิคส์ไปแล้ว ก็ควรจะปรับแต่งการจ่ายน้ำมันด้วย เหมือนรถคาร์บูที่มักจะเปลี่ยนคาร์บูกัน การติดกล่อง EFI ก็เหมือนเราได้เปลี่ยนคาร์บูสักลูกเหมือนกันครับ

จบแล้วครับ

หน้าตาของกล่องครับ






**** แก่ไขหน่อยครับ 0.03 บาท ไม่ใช่ 0.03 สตางค์
ชื่อสินค้า:   API EFI
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่