เมื่อวานผมมีโอกาสร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาซื้อขายที่ดินแปลงหนึ่ง
การเจรจาซื้อขายครั้งนี้มีประเด็นที่น่าสนใจ ... บทนี้ผมสวมบทแนวคิดของ
“ผู้ขาย” ครับ
ถ้าเป็น
“นายหน้าของผู้ซื้อ” “นายหน้าของผู้ขาย” หรือ
“ผู้ซื้อ” บริบทจะต่างไปอีกแบบ
ครั้งนี้คุณแม่ผมได้รับอำนาจเต็มในการเป็นตัวแทนของญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือมากๆท่านหนึ่ง
ให้เป็นผู้จัดการเรื่องราวทั้งหมดในเรื่องที่แปลงนี้ ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการ พิธีการต่างๆ
การเจรจาต่อรอง รวมถึง
“ราคาขาย” ที่แปลงนี้เป็นที่แปลงสวย เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
เนื้อที่ 10 ไร่ด้านกว้างติดถนน 4 เลนร่วม 200 เมตร
ครั้งนี้ผมอยู่ฝ่าย
“ผู้ขาย” ผมเป็นผู้ช่วยคุณแม่ด้านการหาข้อมูลและการกำหนด
“ราคาขาย”
ผมใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อสืบค้นราคาที่ควรจะเป็น ผสมรวมกับฐานข้อมูลเดิมที่มี
และการสืบค้นเพิ่มเติม ทำให้ทราบว่าราคาขายในปัจจุบันของบริเวณนี้อยู่ที่ราว 3-5 ล้าน/ไร่
ขึ้นอยู่กับทำเลและหน้ากว้างที่ติดกับถนน จากปัจจัยที่เรามีที่เราสวยทำเลดี
ผมเคาะราคาสุทธิที่
“น่าจะเป็น” อยู่ที่ 4 ล้านบาทต่อไร่ บวกลบนิดหน่อย
แต่เราบอกขายไปสูงมาก ที่ราคา 5 ล้านบาทต่อไร่
เมื่อวานเป็นวันนัดหมายของ
“ผู้จะซื้อ” รายหนึ่งกับเราเพื่อตกลงราคา
ผู้จะซื้อเป็นผู้หญิงอายุราว 60 เศษท่าทางและแต่งกายภูมิฐาน
คุณแม่ผมท่านเป็นคนเจรจาเอง หลังจากพูดคุยสัพเพเหระ ก็มาถึงเรื่องสำคัญของวันนี้
ผู้ซื้อ : จริงหรือเปล่า? ที่บอกขาย 5 ล้านบาทต่อไร่
ผู้ขาย : จริงค่ะ ... เราบอกขายราคานั้นจริงๆ
ผู้ซื้อ : อืม ... ราคาแพงไป ราคาประเมินแค่ล้านกว่าๆเอง เราให้ราคานั้นไม่ได้หรอก
ผู้ขาย : ราคาประเมินของที่ดินก็ประมาณนั้นค่ะ แต่ราคาซื้อขายจริงราคานั้นคงไม่ได้
ผู้ซื้อ : แต่ราคานี้มันก็แพงเกินไป
ผู้ขาย : งั้นทางคุณให้ราคาได้เท่าไหร่ บอกตัวเลขมาได้เลยค่ะ
ผู้ซื้อ : เอาอย่างนี้ ... ฉันให้ไร่ล่ะ 3 ล้าน 10 ไร่ก็ 30 ล้าน ลองเก็บไปคิดดู
เรายังไม่ได้ให้คำตอบ ณ เวลานั้น ... แต่แน่นอนว่าที่ราคานั้น เราคงไม่ขาย
ราคาที่ผู้ซื้อเสนอมาถือว่าต่ำกว่าราคาตลาดเมื่อเทียบจากแปลงใกล้เคียงที่ซื้อขายกัน
จากการพูดคุยสอบถาม เดาว่าทางผู้ซื้อน่าจะสนใจ
“เก็งกำไร” จากที่ดินแปลงนี้มากกว่า
ถ้าผู้ซื้อรายนี้สามารถกดราคาเราได้ต่ำกว่าราคาตลาดมากนั่นก็หมายถึงกำไรที่เขาจะได้เพิ่มขึ้น
ในทางกลับกันถ้าเราขายในราคาต่ำกว่าตลาด เราอาจจะได้เงินเร็วแต่เราจะขาดทุนไปมากเช่นกัน
ผมเดาต่อไปว่า ผู้ซื้อรายนี้อาจจะไหลราคาให้แต่เต็มที่ก็ไม่เกิน 3.3 ล้านต่อไร่
เพราะ
ถ้าให้ผมสวมบทเป็นเป็นผู้ซื้อที่จะซื้อไปเพื่อเก็งกำไรเต็มที่คงให้ได้เท่านี้
แต่ถ้าผู้ซื้อเป็นผู้ที่ต้องการใช้พื้นที่จริงๆน่าจะยอมรับราคาที่ 4 ล้านต่อไร่ได้
เพราะราคาดังกล่าวเป็นราคาตลาดที่ซื้อขายกัน อีกไม่น่าเราคาดว่าเราคงจะได้พบกับผู้ซื้อที่ต้องการที่ของเราไปพัฒนาแน่นอน
ราคาที่ 10 ไร่ 30 ล้าน ไหลได้เต็มที่ 10 ไร่ 33 ล้าน
กับราคาที่น่าจะเป็น 10 ไร่ 40 ล้าน!!! ต่างกัน 7 ล้าน!!!
สำหรับผม ถ้าผมจะขายที่ดินสักแปลง ... ต้องใจเย็นๆ ร่มๆ
ผมจะไม่ขายแบบคนร้อนเงินเด็ดขาด เขาให้ราคาเท่าไหร่ก็เอาแบบนี้มีแต่เสียกับเสีย
แต่ผมจะตั้งราคาที่สมเหตุผลแล้วขายแบบชิวๆ ขายได้ก็ขาย ขายไม่ได้ก็ไม่เดือดร้อน
การทำใจเย็นร่มๆแบบนี้ โอกาสที่เราจะตกหลุมพรางก็มีน้อย เราก็จะได้ราคาที่ดีตามมา
ขอให้ความร่ำรวยและความสุขสวัสดิ์จงมาสถิตแด่ท่าน
…[^_^]…
อยากจะขาย “ที่ดิน” ให้ได้ราคาต้องใจเย็นๆ!!
การเจรจาซื้อขายครั้งนี้มีประเด็นที่น่าสนใจ ... บทนี้ผมสวมบทแนวคิดของ “ผู้ขาย” ครับ
ถ้าเป็น “นายหน้าของผู้ซื้อ” “นายหน้าของผู้ขาย” หรือ “ผู้ซื้อ” บริบทจะต่างไปอีกแบบ
ครั้งนี้คุณแม่ผมได้รับอำนาจเต็มในการเป็นตัวแทนของญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือมากๆท่านหนึ่ง
ให้เป็นผู้จัดการเรื่องราวทั้งหมดในเรื่องที่แปลงนี้ ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการ พิธีการต่างๆ
การเจรจาต่อรอง รวมถึง “ราคาขาย” ที่แปลงนี้เป็นที่แปลงสวย เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
เนื้อที่ 10 ไร่ด้านกว้างติดถนน 4 เลนร่วม 200 เมตร
ครั้งนี้ผมอยู่ฝ่าย “ผู้ขาย” ผมเป็นผู้ช่วยคุณแม่ด้านการหาข้อมูลและการกำหนด “ราคาขาย”
ผมใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อสืบค้นราคาที่ควรจะเป็น ผสมรวมกับฐานข้อมูลเดิมที่มี
และการสืบค้นเพิ่มเติม ทำให้ทราบว่าราคาขายในปัจจุบันของบริเวณนี้อยู่ที่ราว 3-5 ล้าน/ไร่
ขึ้นอยู่กับทำเลและหน้ากว้างที่ติดกับถนน จากปัจจัยที่เรามีที่เราสวยทำเลดี
ผมเคาะราคาสุทธิที่ “น่าจะเป็น” อยู่ที่ 4 ล้านบาทต่อไร่ บวกลบนิดหน่อย
แต่เราบอกขายไปสูงมาก ที่ราคา 5 ล้านบาทต่อไร่
เมื่อวานเป็นวันนัดหมายของ “ผู้จะซื้อ” รายหนึ่งกับเราเพื่อตกลงราคา
ผู้จะซื้อเป็นผู้หญิงอายุราว 60 เศษท่าทางและแต่งกายภูมิฐาน
คุณแม่ผมท่านเป็นคนเจรจาเอง หลังจากพูดคุยสัพเพเหระ ก็มาถึงเรื่องสำคัญของวันนี้
ผู้ซื้อ : จริงหรือเปล่า? ที่บอกขาย 5 ล้านบาทต่อไร่
ผู้ขาย : จริงค่ะ ... เราบอกขายราคานั้นจริงๆ
ผู้ซื้อ : อืม ... ราคาแพงไป ราคาประเมินแค่ล้านกว่าๆเอง เราให้ราคานั้นไม่ได้หรอก
ผู้ขาย : ราคาประเมินของที่ดินก็ประมาณนั้นค่ะ แต่ราคาซื้อขายจริงราคานั้นคงไม่ได้
ผู้ซื้อ : แต่ราคานี้มันก็แพงเกินไป
ผู้ขาย : งั้นทางคุณให้ราคาได้เท่าไหร่ บอกตัวเลขมาได้เลยค่ะ
ผู้ซื้อ : เอาอย่างนี้ ... ฉันให้ไร่ล่ะ 3 ล้าน 10 ไร่ก็ 30 ล้าน ลองเก็บไปคิดดู
เรายังไม่ได้ให้คำตอบ ณ เวลานั้น ... แต่แน่นอนว่าที่ราคานั้น เราคงไม่ขาย
ราคาที่ผู้ซื้อเสนอมาถือว่าต่ำกว่าราคาตลาดเมื่อเทียบจากแปลงใกล้เคียงที่ซื้อขายกัน
จากการพูดคุยสอบถาม เดาว่าทางผู้ซื้อน่าจะสนใจ “เก็งกำไร” จากที่ดินแปลงนี้มากกว่า
ถ้าผู้ซื้อรายนี้สามารถกดราคาเราได้ต่ำกว่าราคาตลาดมากนั่นก็หมายถึงกำไรที่เขาจะได้เพิ่มขึ้น
ในทางกลับกันถ้าเราขายในราคาต่ำกว่าตลาด เราอาจจะได้เงินเร็วแต่เราจะขาดทุนไปมากเช่นกัน
ผมเดาต่อไปว่า ผู้ซื้อรายนี้อาจจะไหลราคาให้แต่เต็มที่ก็ไม่เกิน 3.3 ล้านต่อไร่
เพราะ ถ้าให้ผมสวมบทเป็นเป็นผู้ซื้อที่จะซื้อไปเพื่อเก็งกำไรเต็มที่คงให้ได้เท่านี้
แต่ถ้าผู้ซื้อเป็นผู้ที่ต้องการใช้พื้นที่จริงๆน่าจะยอมรับราคาที่ 4 ล้านต่อไร่ได้
เพราะราคาดังกล่าวเป็นราคาตลาดที่ซื้อขายกัน อีกไม่น่าเราคาดว่าเราคงจะได้พบกับผู้ซื้อที่ต้องการที่ของเราไปพัฒนาแน่นอน
ราคาที่ 10 ไร่ 30 ล้าน ไหลได้เต็มที่ 10 ไร่ 33 ล้าน
กับราคาที่น่าจะเป็น 10 ไร่ 40 ล้าน!!! ต่างกัน 7 ล้าน!!!
สำหรับผม ถ้าผมจะขายที่ดินสักแปลง ... ต้องใจเย็นๆ ร่มๆ
ผมจะไม่ขายแบบคนร้อนเงินเด็ดขาด เขาให้ราคาเท่าไหร่ก็เอาแบบนี้มีแต่เสียกับเสีย
แต่ผมจะตั้งราคาที่สมเหตุผลแล้วขายแบบชิวๆ ขายได้ก็ขาย ขายไม่ได้ก็ไม่เดือดร้อน
การทำใจเย็นร่มๆแบบนี้ โอกาสที่เราจะตกหลุมพรางก็มีน้อย เราก็จะได้ราคาที่ดีตามมา
ขอให้ความร่ำรวยและความสุขสวัสดิ์จงมาสถิตแด่ท่าน
…[^_^]…