เปิดหัวใจนักเขียนชรา

กระทู้สนทนา
เปิดหัวใจนักเขียนชรา ๒๔ ก.ค.๕๖

บันทึกของผู้เฒ่า (๓)

๒๔ ก.ค.๕๖
        เป็นวันพุธ เมื่อสองวันนี้เป็นวันจันทร์และอังคาร วันอาสาฬหะและวันเข้าพรรษา ร้านอาหารที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องหยุดกิจการปิดประตูร้าน เพราะเกรงลูกค้าจะมารบกวนขอซื้อเครื่องดื่มที่เขาห้ามขายในวันพระ และเดี๋ยวนี้ตราเป็นกฎหมายแล้ว เป็นคำสั่งบังคับ ไม่ใช่คำขอร้องเหมือนแต่ก่อน ผมซึ่งไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์    แล้ว ก็ไม่ต้องเดือดร้อนอะไร เพราะปฏิบัติมานานตั้งสามสิบปีแล้ว

        ๒๔ก.ค.๕๖ ที่ทำการต่าง ๆ เปิดเป็นปกติแล้ว ผมจึงชวนน้องของแม่บ้านและลูกชาย ไปติดต่อที่ รพ.มิชชั่น เหตุที่ต้องมาอีกครั้งก็เพื่อติดต่อให้เขาทำใบเบิกค่ารักษาพยาบาล ในการเป็นคนไข้ในเป็นเวลา ๔ วันตั้งแต่ ๙-๑๒ มิ.ย.๕๖ เพื่อรักษาอาการเส้นเลือดในสมองขัดข้อง

        ผลปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เรื่องนี้ไปประชุมทั้งวัน เป็นอันว่าไม่สำเร็จตั้งแต่ต้นเลย จึงนั่งรุแท็กซี่จาก รพ.มาที่แยกสี่เสาเทเวศร์ ส่งลูกชายไปทำธุระที่สำนักงานออมสิน และสนง.ไปรษณีย์ เทเวศร์ แต่แต่เขาไม่ให้รถเข้าไปทางถนนสามเสน จึงต้องย้านไปทางถนนนครรราชสีมา ถึงมุมสวนกุหลาบก็เลี้ยวซ้ายออกไปที่ถนนสามเสนตรงท่าวาสุกรี เราลงตรงนี้แล้วเดินไปหน้าปากตรอกวัดราชาธิวาส น้องจะกลับบ้านฝั่งนนทบุรี ส่วนผมจะเข้าไปตัดผมที่เขาปิดร้านเมื่อวันเสาร์

        ขณะที่นั่งให้ช่างตัดผมทำหน้าที่ของเขา ผมก็หวนนึกไปถึงชีวิตของตนเอง ก่อนที่จะมาถึงวันนี้ ผมเคยนั่งสูบบุหรี่อยู่คนเดียวมืด ๆ และรำพึงว่า ในอนาคตอีก ๓๐ ปีข้างหน้าผมจะเป็นอย่างไรจะมีอาชีพอะไรสำหรับทำมาหากินเลี้ยงชีวิต ในขณะที่คิดอย่างนั้น  ผมบวชครบพรรษาสึกออกมารอเข้ารับราชการทหาร และแม่ได้ตายจนทำการฌาปนกิจเสร็จสิ้นไปแล้ว ผมมองไม่เห็นที่หมายในอนาคตจริง ๆ เพราะ ๓๐ ปีนั้นนานเหลือเกิน ขณะนั้นผมมีอายุ ๒๑ ปีใน พ.ศ.๒๔๙๕ถูกเรียกเกณฑ์ ขอผ่อนผัน ๑ ปี พอถึง เม.ย.๙๖ ก็ไปรายงานตัวที่มณฑลทหารบกที่ ๑ ซึ่งอยู่รวมกับกองพลที่ ๑ ข้างวังสวนกุหลาบ ขณะนั้นงบประมาณขาดแคลน จึงชึ้นทะเบียนทหารไว้ก่อน แล้วปล่อยตัวให้ทหารกลับบ้านไป อีกสามเดือนจึงค่อยมารายงานตัวครั้งหนึ่ง ถ้ายังไม่ได้รับการคัดเลือก ก็กลับบ้าน

        ผมไปรายงานตัวเป็นครั้งที่ ๒ เมื่อ ก.ค.๙๖ ครั้งที่ ๓ ต.ค.๙๖ ครั้งที่ ๔ ม.ค.๙๗ ครั้งที่ ๕ เม.ย.๙๗ จึงได้รับเลือกเข้ารับ
ราชการเป็นพลทหารสังกัด กองร้อยกองบัญชาการ กองทัพที่ ๑ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามวังสวนกุหลาบ ปัจจุบันคือโรงเรียนราชวินิตนั้นเอง

        ผมคิดไม่ออกว่า ๓๐ ปีหลังจากเป็นพลทหารและปลดออกจากประจำการแล้ว ผมจะไปทำมาหากินอย่างไร การเขียนหนังสือ ได้ค่าเรื่องบ้างไม่ได้บ้าง ที่ได้ก็ไม่เกิน ๑๐๐ บาท ซี่งในระยะเวลา ๑๐ ปี ผมก็ได้รับเพียง ๓-๔ รายเท่านั้นเอง แล้วชีวิตของผมจะเป็นอย่างไร แต่ยังดีที่ผมเหลือตัวคนเดียวไม่มีห่วงใยอะไรอีกแล้ว แม่ก็ไปสู่สุคติแล้ว น้องก็ได้รับการศึกษา โรงเรียนฝึกหัดครูประถม จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเมื่อต่อให้จบโรงเรียนฝึกหัดครูมัธยม ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามวังแดงเทเวศร์ เป็นคุรุสภาในปัจจุบัน เขาก็จะได้เป็นข้าราชการครู มีเงินเดือนชั้นสัญญบัตร คือชั้นตรี มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ในฐานะผู้สั่งสอนอบรมบ่มนิสัยเยาวชนของชาติ แล้วพลทหารกองหนุนอย่างผม ใครจะสามารถคาดเดาอนาคตได้ว่าจะเป็นอย่างไร

        แต่ผมก็เดินหน้าต่อไปตามกรรมซึ่งกำหนดไว้โดยใครก็ไม่รู้ ด้วยความทรหดอดทน ไม่ย่อท้อ ด้วยความขยันหมั่นเพียรอย่างสม่ำเสมอ แม้จะไม่รู้ไม่เห็นว่าจะตลอดปลอดโปร่งหรือมีอุปสรรคประการใดบ้าง ย่ำเท้าก้าวเดินต่อไปข้างหน้า เช่นเดียวกับพระชนก ที่อุตสาหะว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรไป โดยไม่เห็นฝั่ง ฉันใดก็ฉันนั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่