http://pantip.com/topic/30748993 <ตอนที่ 1
คุณเคยรู้สึกเหมือนโดนฟาดด้วยบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นไหมคะ หัวใจมันบีบแน่น ฉันเลื่อนอ่านข้อความด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เจ็บ แค้น โกรธ เสียใจ โดนหักหลัง จนในที่สุดฉันก็ทนอ่านต่อไปไม่ไหว...เมื่อเลื่อนมาเห็นหน้าของผู้หญิงที่เป็นตัวต้นเหตุ
“ตื่นมาคุยกัน” ฉันปลุกสามีขึ้นมาทันที
“อีจีจี้ใช่มั้ย”
สามีของฉันงัวเงียขึ้นมา เขาดูไม่แปลกใจได้แต่พยักหน้ายอมรับ ในวินาทีนี้นึกอยากจะเกิดมาในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรง เพราะฉันอยากฟาดเขาให้ตายแต่ก็ทำได้แค่นิ่ง และถามว่า
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง เล่ามาให้หมด แล้วนี่ไปกันถึงเมลเบิร์น วันที่ฉันติดต่อเธอไม่ได้ใช่ไหม”
“ก็มันเกิดขึ้นที่เขามาซิดนี่ย์คนเดียว เขาบอกว่าไม่รู้จักใคร เราสงสารเลยพาเค้าเที่ยวเราเห็นว่าเค้ามีแฟนอยู่แล้วเลยไม่คิดอะไร ก็พาไปนั่นนี่ จนวันนึงเขาโทรมาบอกว่าจะไปเมลเบิร์น พาพี่คนรู้จักไปผ่าตัดซีส แต่เขากลัวเพราะพี่คนนี้รู้จักฝรั่งเยอะ กลัวจะโดนหลอก เราเป็นห่วงเลยไปด้วย”
“แม่ฉันมาเที่ยว ฉันชวนไปใกล้ๆเธอไม่ยอมไป แต่ไปต่างรัฐกับผู้หญิงคนนี้เหรอ”
“เขาเป็นคนน่าสงสารนะ คือเป็นความผิดเราเองที่ไม่บอกเขาว่าเรามีเธออยู่”
“แต่มันจะไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อมันทำงานกับเรานะ”
“เขาไม่รู้จริงๆ เขาน่าสงสารมากชีวิตนี้เจอแต่คนมาหลอก ผู้ชายที่เค้าคบอยู่ด้วยตอนนี้มีเมียแล้ว ตอนแรกเขาคบผู้ชายคนนึงที่ทำงานนิตยสารแต่คนนั้นไม่มีเวลาให้ พอดีพี่บั้ค(แฟนผญคนนี้) เค้าเป็นเจ้านาย จีจี้เค้าเป็นเลขาอยู่มาชวนไปกินข้าว เค้าก็ไป แล้วก็เริ่มคบกัน แต่เค้าไม่มีอะไรกันนะ เค้าไม่อยากเป็นมือที่สามทำให้ครอบครัวใครแตกแยก ชีวิตเค้าสู้ชีวิตมาก ยิ่งคบด้วยเราเลยรู้สึกผิดที่หลอกเค้า เราไม่อยากให้เค้าคิดว่าผู้ชายเลวไปทุกคน อยากให้รู้ว่าผู้ชายดีๆที่พร้อมจะดูแลเค้ามันมีอยู่”
“เธอเลยต้องเคลียตัวเองว่าไม่มีภรรยาสินะ” ฉันกัดฟันถาม
“ใช่ เราขอโทษ แต่เราอยากรับผิดชอบเค้า”
“แล้วฉันผิดอะไร เพราะฉันมันเก่าใช่ไหมไม่เหมือนของใหม่ของเธอ”
“ตอนนี้เราไม่รู้ กับเธอมันเป็นความผูกพัน แต่กับผู้หญิงคนนั้นมันเป็นความรัก”
ฉันจำไม่ได้แล้วว่าเราจะเลาะกันจบลงที่ตรงไหน...อ่อ จบลงที่เรื่องบนเตียงค่ะ เพื่อพิสูจน์คำที่เขาบอกว่ารักฉัน เขามองฉันเป็นแค่พี่น้องไม่สามารถมองเป็นอย่างอื่นไปได้
ในเมื่อทุกอย่างมันชัดเจน ฉันโทรหาแม่สามีในตอนเช้า ฉันไม่กล้าโทรมาแม่ของฉันเพราะยังไม่พร้อมที่จะบอกเรื่องนี้กับท่าน บอกท่านว่าเรื่องแต่งงานคงต้องยกเลิกแล้วนะหม่าม้า เพราะตอนนี้สามีเค้ามีผญคนอื่นแล้ว ...มันเป็นเหตุการณ์ช็อคโลกค่ะ ไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ฉันนึกก่นด่าตัวเองที่ไว้ใจสามีจนเกินไป เพราะคิดว่าเค้ารักจึงไม่เคยระแวง อย่าว่าแต่ตัวฉันเลยค่ะ ขนาดคนในซิดนี่ย์ที่รู้จักเราสองคน บางคนเห็นว่าเขาสองคนไปไหนมไหนด้วยกัน ยังคิดว่าสามีฉันอาจมากับเพื่อนร่วมบ้าน เพราะเขาดูรักฉันมากและไม่น่าจะเป็นคนเลวขนาดที่จะทำแบบนี้กับภรรยาที่ห่างกันเพียงแค่สามอาทิตย์
แม่สามีบอกฉันให้ใจเย็น ปัญหาทุกอย่างจะต้องมีทางออก ท่านจะช่วยฉันพูดกับลูกชายท่านอีกแรง ท่านถามวันเดือนปีเกิดฉัน...จะเอาไปดูดวงกับพระ
แต่ตอนนี้ฉันมืดแปดด้านไปหมด ทางออกของฉันอยู่ตรงไหน มันริบหรี่ ห้าปีที่ผ่านมา ตลอดเวลาแม่สามีพยายามบอกให้ฉันมีหลาน แต่ฉันไม่พร้อม ฉันยังมีความกลัว ไม่กล้า และยังไม่มั่นใจในอะไรหลายสิ่งอย่าง จนกระทั่งสามอาทิตย์ที่อยู่เมืองไทย ฉันเป็นลุงนอนโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล มีป้าคอยวิ่งดูแลตื่นเช้าไปป้อนอาหาร(ทางสายยาง) คอยแปรงฟัน บีบนวดและเรียกชื่อลุง จากนั้นบ่ายวิ่งมาคุมคนงานที่บ้าน
ฉันเกิดคำถามกับตัวเองว่า ถ้าวันหนึ่งพี่เคนเขาต้องอยู่ในสภาพนี้ ฉันพร้อมแค่ไหนที่จะดูแลเขา จะทิ้งหรือจะดูแล
"ดูแล" คือคำตอบที่ฉันมีในใจ
คุณนึกภาพของคนที่ยืนอยู่บนหอคอยสูงๆ แล้วมีคนตะโกนว่า กระโดดลงมาเลยผมรอรับ...เขาตะโกนอยู่อย่างนั้นตลอดห้าปี จนในที่สุดวันที่ฉันกระโดดลงไปจากหอคอย วินาทีที่กำลังจะตกฉันเห็นว่าคนที่เคยยืนอยู่ได้ถอยออกไปและหันหลังไปกับคนอื่น แล้วร่างฉันก็ตกกระแทกพื้น...เจ็บเจียนตาย
ขนาดว่าเพื่อนบอกฉันว่าเห็นสามียืนอยู่หน้าตึกแห่งหนึ่ง...ฉันยังคิดในแง่ดีเข้าข้างเขาว่าเขาคงอยากจะทำบ้านเช่าเพิ่มจึงไปหาดูตึก
นึกย้อนกลับไปในวันที่จีจี้เข้ามาสมัครงาน ทำไมนะฉันถึงไม่นึกเอะใจเมื่อตอนที่เค้าทำงานเสร็จแล้วส่งข้อความกลับมาที่เครื่องสามีฉัน ทำของว่า “ Thank you for today. You guys so kind and your mom(หมายถึงแม่ของฉัน) make me warm and missing my mom”
ทำไมนะฉันถึงไม่เอะใจ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดทำอะไร
ฉันเคยร้องไห้เพราะผู้ชายมาครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นฉันจับได้ว่าแฟนเก่าไปกิ๊กกับผู้หญิงคนหนึ่ง ในระหว่างที่ฉันประสบอุบัติเหตุต้องรักษาตัวที่บ้าน คราวนั้นฉันบอกเลิกเขาไปโดยไม่ลังเล...แต่คราวนี้ทำไมฉันถึงทำแบบนั้นไม่ได้
แม่สามีโทรกลับมาในตอนช่วงเย็น ท่านบอกว่าท่านเอาดวงฉันไปให้พระดูแล้ว...พระบอกว่าฉันดวงตกเป็นเบญจเพส และหากผ่านพ้นวันเกิดไปทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้น
คำนี้แหละที่ทำให้ฉันคิดว่า...โอเค ในเมื่อฉันรักเขามาก ฉันจะสู้และจะประคับประคองความรักของเราให้ผ่านพ้นไปจนถึงเดือนกรกฏา ซึ่งเป็นวันเกิดและฉันจะอายุครบ 26 ปี...นั่นหมายความว่า อีกห้าเดือนข้างหน้าจะรู้กันว่าเรื่องนี้จะออกหัวหรือออกก้อย
คำว่าดีขึ้น มันอาจจะหมายถึงเขากลับมา หรืออาจหมายถึงว่าฉันทำใจได้แล้ว...ก็เป็นได้
และนั่นทำให้ฉันยอมทิ้งศักดิ์ศรีและบอกเขาว่า ช่วยอยู่กับฉันไปจนถึงเดือนเจ็ดได้ไหม อย่างน้อยขอเวลาฉันให้ฉันได้ยืนบ้าง ที่ผ่านมาฉันพึ่งพาเขา ฉันมีเขามาตลอดเมื่อเจอแบบนี้ฉันจึงเคว้งคว้าง สามีตกลง และเขาบอกฉันว่า อย่างไรเขาก็ยังเป็นห่วงฉัน เขายังผูกพันกับฉัน
ทุกอย่างเหมือนจะดีเมื่อเราปรับความเข้าใจกัน แต่แล้วตกดึกคืนนั้น ในขณะที่สามีหลับไป ใครบางคนที่คุณก็รู้ว่าใครได้ส่งขอความมาว่า
: <3
ฉันมองข้อความนั้น แล้วแกล้งมองผ่าน จากนั้นไม่ถึงนาที ข้อความที่สองก็ส่งมา
: หลับรึยังคะ
ใบหน้าของจีจี้ลอยเข้ามาในความคิดของฉัน และมันทำให้ความอดทนของฉันสิ้นสุด...ฉันส่งข้อความกลับไปทันที
: เคนหลับแล้วค่ะ
: ใครคะเนี่ย
ฉันไม่ได้ตอบ เพียงแต่กดโทรกลับไปที่เบอร์นั้น
“ฮัลโหลค่ะ”
“ฮัลโหลจีจี้ นี่เราเองนะ เอมี่”
“อ่อ เอมี่” นางตอบมาเสียงเรียบ
“รู้ใช่ไหมว่าเรากับเคนเป็นอะไรกัน”
“บอกตรงๆเลยนะว่า ตอนแรกเราไม่รู้ ก็พึ่งรู้นี่แหละ เราให้เธอพูดก่อนเลย”
“ฉันกับเคนคบกันมาห้าปี แล้วเราก็ไม่ได้เลิกกันเหมือนในข้อความที่เค้าบอกเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เธอก็คงคิดได้เพราะถ้ารู้ว่าแฟนเค้าคือเรา เรายังทำงานด้วยกันก็น่าจะเห็นแล้ว แล้วเราก็กำลังจะแต่งงานกัน ฉันกลับไทยเพื่อไปทำธุระและจัดการเรื่องการแต่งงาน บอกตรงๆช็อคว่ะ ไม่คิดว่าคนที่เห็นกันมาก่อนจะทำกันแบบนี้ ถ้าเรารู้ว่าเธอจะทำตัวเป็นงูเห่า เราคงไม่บอกให้สามีรับเธอเข้ามาทำงานหรอก”
“เราไม่รู้ เค้าบอกเราว่าเค้าเลิกกับแฟนตั้งแต่เดือนมกราแล้ว และเราก็คิดว่าไม่น่าผิดที่จะคบกัน”
“แต่เอาเถอะ ไหนๆมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันบอกเลยนะว่าฉันรักผู้ชายคนนี้มาก”
“เอมี่ ฟังเรานะ เราเองก็มีแฟนแล้ว และเราก็รักแฟนเราที่ไทยมากกว่าเคน เรารู้ว่าเธอรักเค้า แต่เราก็รู้สึกดีกับเค้า เค้านั่งข้างเราเวลาที่เค้าคุยกับแฟนเก่า แล้วบอกเราว่า เค้าเจ็บที่เห็นเราคุยกะผู้ชายคนนั้น เค้าดีกับเราดูแลเราทุกอย่างจนเราแพ้ความดีของเค้า เค้าบอกว่าเค้าไม่รักเธอ เธออยากแต่งงานแต่เค้าไม่อยากแต่ง แต่ก็ก็คิดว่าเราคงดูแลเค้าได้ไม่ดีเท่าเธอ”
วินาทีนั้นเองที่สามีเปิดประตูระเบียงออกมา เขาคงตื่นมาและไม่เห็นฉัน จึงเดินออกมาดู เขาบอกให้ฉันเปิดลำโพงเพื่อจะได้ฟังด้วย
“แล้วเราถามอะไรเธออย่างหนึ่งนะ ที่เค้าบอกว่าระหว่างคบเธอ เขาก็มีแฟนเป็นเกาหลี เป็นจีน เธอรู้หรือเปล่า”
“รู้ แต่เค้าไม่ได้เป็นแฟนกัน เราจับได้ก่อน”
“งั้นแปลว่าเค้าโกหกเรา”
ฉันอยากกรี๊ดและตะโกนบอกมันไปเลยว่า ผู้ชายที่เค้าอยากได้เธอ เค้าก็โกหกทุกอย่างนั้นแหละ ฉันรู้ว่าจีจี้พยายามพูดให้ฉันเจ็บปวด แต่สามีฉันกำลังฟังและเขาคงไม่รับรู้หรอกว่าความหมายบางอย่างที่ผู้หญิงสื่อนั้นมันหมายถึงอะไร
“ฟังเรานะเอมี่ เราเสียใจจริงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“เสียใจมันช่วยอะไรได้ เราต่างหากที่ควรเสียใจไม่ใช่เธอ เสียใจที่ไว้ใจคนเลวสองคน แต่เอาเถอะถ้ามันมาถึงขั้นนี้เราก็ฝากเธอดูแลสามีเราให้ดีก็แล้วกัน เรารักเค้ามาก ความรักของเราพังเพราะเรารักเค้า เรายอมอดยอมทน ไม่เคยเถียงไม่เคยโต้ตอบ อะไรไม่พอใจเราเก็บ เรารู้ว่าเค้าไม่ใช่ผู้ชายที่ตัดสินใจอะไรได้ดีแต่เรายอมให้เค้าเป็นผู้นำเพราะเรารู้ว่าในสังคมการทำงานเค้าโดนคนอื่นกดมาเยอะ เราอยากไปเที่ยวก็ต้องยอมไม่ไปเพราะเห็นว่าเค้าเหนื่อย แล้วดูสิ่งที่เค้าทำ ทิ้งคนที่รักเค้ามากไปหาคนที่ไม่รักเค้า ถ้าผู้ชายมันได้โง่ขนาดนี้ เราคงไม่มีอะไรจะพูดอีก”
ฉันเลือกจะจบเพราะเอียนกับคำพูดแนวนางเอกละครของนาง...ทันทีที่ฉันวางสาย สามีก็แย่งโทรศัพท์ไปแล้วตะคอกใส่ฉันทันที
“ทำแบบนี้ทำไม กำลังคิดจะทำอะไรอยู่”
“ทำอะไร...ก็ในเมื่อรู้แล้วว่าใครเป็นเมียน้อยเธอ ฉันก็ต้องเคลีย”
“ใครให้เธอโทร เธอรู้ไหมว่าจีจี้เขาเป็นคนยังไง เขาเป็นคนคิดมาก เรารู้ว่าเธอไม่ได้ต้องการจะโทรไปฝากฝังเราหรอก เธอต้องการกดดันเค้า คนแบบจีจี้เค้าคิดมากและถ้าเค้าได้คุยแบบนี้ เค้าต้องไม่คบกับเรา ถ้าความรักของเราพังเราจะถือว่าเป็นความผิดเธอ”
“นี่ฉันผิดเหรอ เธอนอกใจชั้นนะเว้ย” ฉันตะคอกไปด้วยความรู้สึกโกรธเต็มที่ เสียใจและผิดหวัง คนตรงหน้าคือผู้ชายที่ฉันไม่รู้จัก มันหน้ามืดตามัวเกิดไปแล้วนะ
“ใช่ เธอมันเลว แกล้งทำตัวเป็นคนดี แต่จริงๆร้ายกาจ ร้ายมาก จำไว้เลยนะว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ฉันจะเกลียดที่สุดในชีวิต”
“เออ ถ้าฉันเลวขนาดนั้นให้ฉันตายไปเลยไหมล่ะ” ฉันยืนขึ้น ระเบียงมันไม่ได้สูงนะ วินาทีนั้นอยากจะกระโดดลงไป
...แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่ใจแข็งพอที่จะทำ ฉันยังมีพ่อแม่ มีครอบครัวและคนข้างหลัง น้องชายที่นอนอยู่ในห้องจะรู้สึกอย่างไรถ้าตื่นมาแล้วพบว่าพี่สาวกลายเป็นศพ ความเจ็บปวดของฉันมันไม่ควรจะคืบคลานเข้าไปทำร้ายคนที่ฉันรัก มันควรจบที่ฉันเจ็บที่ฉันคนเดียว
“ไม่ ถ้าเธอตายมันจะบาปที่ฉัน.....แม่งโว้ย” สามีลุกขึ้นตะโกน ตรงเข้าไปทุบกำแพงอย่างบ้าคลั่ง
“แล้วถ้าอินั่นมันไม่เลิกกะเธอล่ะ”
“เลิกแน่ จีจี้เขาเป็นคนแบบนั้นเธอไม่รู้จักเขา ไม่มีสิทธิ์พูดถึงเขาในทางนั้น”
“เออ เกลียดกุไปเลย จบกันแบบเกลียดกันแบบนี้ก็ดี เจ็บเร็วจบเร็ว” น่าแปลกที่ใจฉันเจ็บแต่น้ำตากลับไม่ไหลสักหยด
“เออ จบแน่ กุกะเลิกกัน”
To be continue ....
****ใครมีวิธีรับมือกับเมียน้อยร้อย(ล้าน)เล่มเกวียนแบบนี้บ้าง**** ตอนที่ 2
คุณเคยรู้สึกเหมือนโดนฟาดด้วยบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นไหมคะ หัวใจมันบีบแน่น ฉันเลื่อนอ่านข้อความด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เจ็บ แค้น โกรธ เสียใจ โดนหักหลัง จนในที่สุดฉันก็ทนอ่านต่อไปไม่ไหว...เมื่อเลื่อนมาเห็นหน้าของผู้หญิงที่เป็นตัวต้นเหตุ
“ตื่นมาคุยกัน” ฉันปลุกสามีขึ้นมาทันที
“อีจีจี้ใช่มั้ย”
สามีของฉันงัวเงียขึ้นมา เขาดูไม่แปลกใจได้แต่พยักหน้ายอมรับ ในวินาทีนี้นึกอยากจะเกิดมาในครอบครัวที่ใช้ความรุนแรง เพราะฉันอยากฟาดเขาให้ตายแต่ก็ทำได้แค่นิ่ง และถามว่า
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง เล่ามาให้หมด แล้วนี่ไปกันถึงเมลเบิร์น วันที่ฉันติดต่อเธอไม่ได้ใช่ไหม”
“ก็มันเกิดขึ้นที่เขามาซิดนี่ย์คนเดียว เขาบอกว่าไม่รู้จักใคร เราสงสารเลยพาเค้าเที่ยวเราเห็นว่าเค้ามีแฟนอยู่แล้วเลยไม่คิดอะไร ก็พาไปนั่นนี่ จนวันนึงเขาโทรมาบอกว่าจะไปเมลเบิร์น พาพี่คนรู้จักไปผ่าตัดซีส แต่เขากลัวเพราะพี่คนนี้รู้จักฝรั่งเยอะ กลัวจะโดนหลอก เราเป็นห่วงเลยไปด้วย”
“แม่ฉันมาเที่ยว ฉันชวนไปใกล้ๆเธอไม่ยอมไป แต่ไปต่างรัฐกับผู้หญิงคนนี้เหรอ”
“เขาเป็นคนน่าสงสารนะ คือเป็นความผิดเราเองที่ไม่บอกเขาว่าเรามีเธออยู่”
“แต่มันจะไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อมันทำงานกับเรานะ”
“เขาไม่รู้จริงๆ เขาน่าสงสารมากชีวิตนี้เจอแต่คนมาหลอก ผู้ชายที่เค้าคบอยู่ด้วยตอนนี้มีเมียแล้ว ตอนแรกเขาคบผู้ชายคนนึงที่ทำงานนิตยสารแต่คนนั้นไม่มีเวลาให้ พอดีพี่บั้ค(แฟนผญคนนี้) เค้าเป็นเจ้านาย จีจี้เค้าเป็นเลขาอยู่มาชวนไปกินข้าว เค้าก็ไป แล้วก็เริ่มคบกัน แต่เค้าไม่มีอะไรกันนะ เค้าไม่อยากเป็นมือที่สามทำให้ครอบครัวใครแตกแยก ชีวิตเค้าสู้ชีวิตมาก ยิ่งคบด้วยเราเลยรู้สึกผิดที่หลอกเค้า เราไม่อยากให้เค้าคิดว่าผู้ชายเลวไปทุกคน อยากให้รู้ว่าผู้ชายดีๆที่พร้อมจะดูแลเค้ามันมีอยู่”
“เธอเลยต้องเคลียตัวเองว่าไม่มีภรรยาสินะ” ฉันกัดฟันถาม
“ใช่ เราขอโทษ แต่เราอยากรับผิดชอบเค้า”
“แล้วฉันผิดอะไร เพราะฉันมันเก่าใช่ไหมไม่เหมือนของใหม่ของเธอ”
“ตอนนี้เราไม่รู้ กับเธอมันเป็นความผูกพัน แต่กับผู้หญิงคนนั้นมันเป็นความรัก”
ฉันจำไม่ได้แล้วว่าเราจะเลาะกันจบลงที่ตรงไหน...อ่อ จบลงที่เรื่องบนเตียงค่ะ เพื่อพิสูจน์คำที่เขาบอกว่ารักฉัน เขามองฉันเป็นแค่พี่น้องไม่สามารถมองเป็นอย่างอื่นไปได้
ในเมื่อทุกอย่างมันชัดเจน ฉันโทรหาแม่สามีในตอนเช้า ฉันไม่กล้าโทรมาแม่ของฉันเพราะยังไม่พร้อมที่จะบอกเรื่องนี้กับท่าน บอกท่านว่าเรื่องแต่งงานคงต้องยกเลิกแล้วนะหม่าม้า เพราะตอนนี้สามีเค้ามีผญคนอื่นแล้ว ...มันเป็นเหตุการณ์ช็อคโลกค่ะ ไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดขึ้น ฉันนึกก่นด่าตัวเองที่ไว้ใจสามีจนเกินไป เพราะคิดว่าเค้ารักจึงไม่เคยระแวง อย่าว่าแต่ตัวฉันเลยค่ะ ขนาดคนในซิดนี่ย์ที่รู้จักเราสองคน บางคนเห็นว่าเขาสองคนไปไหนมไหนด้วยกัน ยังคิดว่าสามีฉันอาจมากับเพื่อนร่วมบ้าน เพราะเขาดูรักฉันมากและไม่น่าจะเป็นคนเลวขนาดที่จะทำแบบนี้กับภรรยาที่ห่างกันเพียงแค่สามอาทิตย์
แม่สามีบอกฉันให้ใจเย็น ปัญหาทุกอย่างจะต้องมีทางออก ท่านจะช่วยฉันพูดกับลูกชายท่านอีกแรง ท่านถามวันเดือนปีเกิดฉัน...จะเอาไปดูดวงกับพระ
แต่ตอนนี้ฉันมืดแปดด้านไปหมด ทางออกของฉันอยู่ตรงไหน มันริบหรี่ ห้าปีที่ผ่านมา ตลอดเวลาแม่สามีพยายามบอกให้ฉันมีหลาน แต่ฉันไม่พร้อม ฉันยังมีความกลัว ไม่กล้า และยังไม่มั่นใจในอะไรหลายสิ่งอย่าง จนกระทั่งสามอาทิตย์ที่อยู่เมืองไทย ฉันเป็นลุงนอนโคม่าอยู่ที่โรงพยาบาล มีป้าคอยวิ่งดูแลตื่นเช้าไปป้อนอาหาร(ทางสายยาง) คอยแปรงฟัน บีบนวดและเรียกชื่อลุง จากนั้นบ่ายวิ่งมาคุมคนงานที่บ้าน
ฉันเกิดคำถามกับตัวเองว่า ถ้าวันหนึ่งพี่เคนเขาต้องอยู่ในสภาพนี้ ฉันพร้อมแค่ไหนที่จะดูแลเขา จะทิ้งหรือจะดูแล
"ดูแล" คือคำตอบที่ฉันมีในใจ
คุณนึกภาพของคนที่ยืนอยู่บนหอคอยสูงๆ แล้วมีคนตะโกนว่า กระโดดลงมาเลยผมรอรับ...เขาตะโกนอยู่อย่างนั้นตลอดห้าปี จนในที่สุดวันที่ฉันกระโดดลงไปจากหอคอย วินาทีที่กำลังจะตกฉันเห็นว่าคนที่เคยยืนอยู่ได้ถอยออกไปและหันหลังไปกับคนอื่น แล้วร่างฉันก็ตกกระแทกพื้น...เจ็บเจียนตาย
ขนาดว่าเพื่อนบอกฉันว่าเห็นสามียืนอยู่หน้าตึกแห่งหนึ่ง...ฉันยังคิดในแง่ดีเข้าข้างเขาว่าเขาคงอยากจะทำบ้านเช่าเพิ่มจึงไปหาดูตึก
นึกย้อนกลับไปในวันที่จีจี้เข้ามาสมัครงาน ทำไมนะฉันถึงไม่นึกเอะใจเมื่อตอนที่เค้าทำงานเสร็จแล้วส่งข้อความกลับมาที่เครื่องสามีฉัน ทำของว่า “ Thank you for today. You guys so kind and your mom(หมายถึงแม่ของฉัน) make me warm and missing my mom”
ทำไมนะฉันถึงไม่เอะใจ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดทำอะไร
ฉันเคยร้องไห้เพราะผู้ชายมาครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นฉันจับได้ว่าแฟนเก่าไปกิ๊กกับผู้หญิงคนหนึ่ง ในระหว่างที่ฉันประสบอุบัติเหตุต้องรักษาตัวที่บ้าน คราวนั้นฉันบอกเลิกเขาไปโดยไม่ลังเล...แต่คราวนี้ทำไมฉันถึงทำแบบนั้นไม่ได้
แม่สามีโทรกลับมาในตอนช่วงเย็น ท่านบอกว่าท่านเอาดวงฉันไปให้พระดูแล้ว...พระบอกว่าฉันดวงตกเป็นเบญจเพส และหากผ่านพ้นวันเกิดไปทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้น
คำนี้แหละที่ทำให้ฉันคิดว่า...โอเค ในเมื่อฉันรักเขามาก ฉันจะสู้และจะประคับประคองความรักของเราให้ผ่านพ้นไปจนถึงเดือนกรกฏา ซึ่งเป็นวันเกิดและฉันจะอายุครบ 26 ปี...นั่นหมายความว่า อีกห้าเดือนข้างหน้าจะรู้กันว่าเรื่องนี้จะออกหัวหรือออกก้อย
คำว่าดีขึ้น มันอาจจะหมายถึงเขากลับมา หรืออาจหมายถึงว่าฉันทำใจได้แล้ว...ก็เป็นได้
และนั่นทำให้ฉันยอมทิ้งศักดิ์ศรีและบอกเขาว่า ช่วยอยู่กับฉันไปจนถึงเดือนเจ็ดได้ไหม อย่างน้อยขอเวลาฉันให้ฉันได้ยืนบ้าง ที่ผ่านมาฉันพึ่งพาเขา ฉันมีเขามาตลอดเมื่อเจอแบบนี้ฉันจึงเคว้งคว้าง สามีตกลง และเขาบอกฉันว่า อย่างไรเขาก็ยังเป็นห่วงฉัน เขายังผูกพันกับฉัน
ทุกอย่างเหมือนจะดีเมื่อเราปรับความเข้าใจกัน แต่แล้วตกดึกคืนนั้น ในขณะที่สามีหลับไป ใครบางคนที่คุณก็รู้ว่าใครได้ส่งขอความมาว่า
: <3
ฉันมองข้อความนั้น แล้วแกล้งมองผ่าน จากนั้นไม่ถึงนาที ข้อความที่สองก็ส่งมา
: หลับรึยังคะ
ใบหน้าของจีจี้ลอยเข้ามาในความคิดของฉัน และมันทำให้ความอดทนของฉันสิ้นสุด...ฉันส่งข้อความกลับไปทันที
: เคนหลับแล้วค่ะ
: ใครคะเนี่ย
ฉันไม่ได้ตอบ เพียงแต่กดโทรกลับไปที่เบอร์นั้น
“ฮัลโหลค่ะ”
“ฮัลโหลจีจี้ นี่เราเองนะ เอมี่”
“อ่อ เอมี่” นางตอบมาเสียงเรียบ
“รู้ใช่ไหมว่าเรากับเคนเป็นอะไรกัน”
“บอกตรงๆเลยนะว่า ตอนแรกเราไม่รู้ ก็พึ่งรู้นี่แหละ เราให้เธอพูดก่อนเลย”
“ฉันกับเคนคบกันมาห้าปี แล้วเราก็ไม่ได้เลิกกันเหมือนในข้อความที่เค้าบอกเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เธอก็คงคิดได้เพราะถ้ารู้ว่าแฟนเค้าคือเรา เรายังทำงานด้วยกันก็น่าจะเห็นแล้ว แล้วเราก็กำลังจะแต่งงานกัน ฉันกลับไทยเพื่อไปทำธุระและจัดการเรื่องการแต่งงาน บอกตรงๆช็อคว่ะ ไม่คิดว่าคนที่เห็นกันมาก่อนจะทำกันแบบนี้ ถ้าเรารู้ว่าเธอจะทำตัวเป็นงูเห่า เราคงไม่บอกให้สามีรับเธอเข้ามาทำงานหรอก”
“เราไม่รู้ เค้าบอกเราว่าเค้าเลิกกับแฟนตั้งแต่เดือนมกราแล้ว และเราก็คิดว่าไม่น่าผิดที่จะคบกัน”
“แต่เอาเถอะ ไหนๆมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันบอกเลยนะว่าฉันรักผู้ชายคนนี้มาก”
“เอมี่ ฟังเรานะ เราเองก็มีแฟนแล้ว และเราก็รักแฟนเราที่ไทยมากกว่าเคน เรารู้ว่าเธอรักเค้า แต่เราก็รู้สึกดีกับเค้า เค้านั่งข้างเราเวลาที่เค้าคุยกับแฟนเก่า แล้วบอกเราว่า เค้าเจ็บที่เห็นเราคุยกะผู้ชายคนนั้น เค้าดีกับเราดูแลเราทุกอย่างจนเราแพ้ความดีของเค้า เค้าบอกว่าเค้าไม่รักเธอ เธออยากแต่งงานแต่เค้าไม่อยากแต่ง แต่ก็ก็คิดว่าเราคงดูแลเค้าได้ไม่ดีเท่าเธอ”
วินาทีนั้นเองที่สามีเปิดประตูระเบียงออกมา เขาคงตื่นมาและไม่เห็นฉัน จึงเดินออกมาดู เขาบอกให้ฉันเปิดลำโพงเพื่อจะได้ฟังด้วย
“แล้วเราถามอะไรเธออย่างหนึ่งนะ ที่เค้าบอกว่าระหว่างคบเธอ เขาก็มีแฟนเป็นเกาหลี เป็นจีน เธอรู้หรือเปล่า”
“รู้ แต่เค้าไม่ได้เป็นแฟนกัน เราจับได้ก่อน”
“งั้นแปลว่าเค้าโกหกเรา”
ฉันอยากกรี๊ดและตะโกนบอกมันไปเลยว่า ผู้ชายที่เค้าอยากได้เธอ เค้าก็โกหกทุกอย่างนั้นแหละ ฉันรู้ว่าจีจี้พยายามพูดให้ฉันเจ็บปวด แต่สามีฉันกำลังฟังและเขาคงไม่รับรู้หรอกว่าความหมายบางอย่างที่ผู้หญิงสื่อนั้นมันหมายถึงอะไร
“ฟังเรานะเอมี่ เราเสียใจจริงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“เสียใจมันช่วยอะไรได้ เราต่างหากที่ควรเสียใจไม่ใช่เธอ เสียใจที่ไว้ใจคนเลวสองคน แต่เอาเถอะถ้ามันมาถึงขั้นนี้เราก็ฝากเธอดูแลสามีเราให้ดีก็แล้วกัน เรารักเค้ามาก ความรักของเราพังเพราะเรารักเค้า เรายอมอดยอมทน ไม่เคยเถียงไม่เคยโต้ตอบ อะไรไม่พอใจเราเก็บ เรารู้ว่าเค้าไม่ใช่ผู้ชายที่ตัดสินใจอะไรได้ดีแต่เรายอมให้เค้าเป็นผู้นำเพราะเรารู้ว่าในสังคมการทำงานเค้าโดนคนอื่นกดมาเยอะ เราอยากไปเที่ยวก็ต้องยอมไม่ไปเพราะเห็นว่าเค้าเหนื่อย แล้วดูสิ่งที่เค้าทำ ทิ้งคนที่รักเค้ามากไปหาคนที่ไม่รักเค้า ถ้าผู้ชายมันได้โง่ขนาดนี้ เราคงไม่มีอะไรจะพูดอีก”
ฉันเลือกจะจบเพราะเอียนกับคำพูดแนวนางเอกละครของนาง...ทันทีที่ฉันวางสาย สามีก็แย่งโทรศัพท์ไปแล้วตะคอกใส่ฉันทันที
“ทำแบบนี้ทำไม กำลังคิดจะทำอะไรอยู่”
“ทำอะไร...ก็ในเมื่อรู้แล้วว่าใครเป็นเมียน้อยเธอ ฉันก็ต้องเคลีย”
“ใครให้เธอโทร เธอรู้ไหมว่าจีจี้เขาเป็นคนยังไง เขาเป็นคนคิดมาก เรารู้ว่าเธอไม่ได้ต้องการจะโทรไปฝากฝังเราหรอก เธอต้องการกดดันเค้า คนแบบจีจี้เค้าคิดมากและถ้าเค้าได้คุยแบบนี้ เค้าต้องไม่คบกับเรา ถ้าความรักของเราพังเราจะถือว่าเป็นความผิดเธอ”
“นี่ฉันผิดเหรอ เธอนอกใจชั้นนะเว้ย” ฉันตะคอกไปด้วยความรู้สึกโกรธเต็มที่ เสียใจและผิดหวัง คนตรงหน้าคือผู้ชายที่ฉันไม่รู้จัก มันหน้ามืดตามัวเกิดไปแล้วนะ
“ใช่ เธอมันเลว แกล้งทำตัวเป็นคนดี แต่จริงๆร้ายกาจ ร้ายมาก จำไว้เลยนะว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ฉันจะเกลียดที่สุดในชีวิต”
“เออ ถ้าฉันเลวขนาดนั้นให้ฉันตายไปเลยไหมล่ะ” ฉันยืนขึ้น ระเบียงมันไม่ได้สูงนะ วินาทีนั้นอยากจะกระโดดลงไป
...แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่ใจแข็งพอที่จะทำ ฉันยังมีพ่อแม่ มีครอบครัวและคนข้างหลัง น้องชายที่นอนอยู่ในห้องจะรู้สึกอย่างไรถ้าตื่นมาแล้วพบว่าพี่สาวกลายเป็นศพ ความเจ็บปวดของฉันมันไม่ควรจะคืบคลานเข้าไปทำร้ายคนที่ฉันรัก มันควรจบที่ฉันเจ็บที่ฉันคนเดียว
“ไม่ ถ้าเธอตายมันจะบาปที่ฉัน.....แม่งโว้ย” สามีลุกขึ้นตะโกน ตรงเข้าไปทุบกำแพงอย่างบ้าคลั่ง
“แล้วถ้าอินั่นมันไม่เลิกกะเธอล่ะ”
“เลิกแน่ จีจี้เขาเป็นคนแบบนั้นเธอไม่รู้จักเขา ไม่มีสิทธิ์พูดถึงเขาในทางนั้น”
“เออ เกลียดกุไปเลย จบกันแบบเกลียดกันแบบนี้ก็ดี เจ็บเร็วจบเร็ว” น่าแปลกที่ใจฉันเจ็บแต่น้ำตากลับไม่ไหลสักหยด
“เออ จบแน่ กุกะเลิกกัน”
To be continue ....