ข่าวจาก น.ส.พ. แนวหน้า ว่าเจ้าหน้าที่ dsi พิจารณาเสนอต่อศาลอาญาเพื่อออกหมายจับ
ชวน หลีกภัย และ บัญญัติ บรรทัดฐาน พร้อม 15 ส.ส กรณีที่ไม่รับทราบข้อกล่าวหาตามหมาย
เรียกของเจ้าพนักงาน DSI ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนที่มีอำนาจหน้าที่รวมรวมพยานหลักฐาน
แล้วสรุปสำนวนเพื่อเสนอพนักงานอัยการว่ามีหลักฐานเพียงพอหรือมีมูลที่จะยื่นฟ้องต่อศาลหรือไม่
โดยอ้างว่า กกต.ซึ่งเป็นนายทะเบียนชี้แล้วว่าไม่ผิด และอ้างว่ามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
http://www.naewna.com/politic/61080
ข้อกล่าวอ้างที่ไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว ไม่มีกฎหมายให้อำนาจกระทำได้เพราะ
แม้จะเป็น ส.ส. ผู้ทรงเกียรติก็ตาม ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย เมื่อพนักงานสอบสวน
เขามีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนเสียก่อนเพื่อวินิจฉัยว่าการกระทำเป็นความผิดอาญา
หรือไม่ หากใครอ้างว่า นายทะเบียนวินิจฉัยแล้วไม่ผิด ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แล้วนายทะเบียนใช่ศาล
ที่มีหน้าที่ตัดสินคดีหรือไม่? ขนาด กกต.ซึ่งเป็นนายทะเบียนยังต้องไปให้การเป็นพยานเพื่อการรวบรวมพยานเลย
หากไม่เคาระกติกาของกฎหมาย บ้านเมืองของเราก็จะไม่มีหลัก ใด ๆ ให้ยึดถือ
ดังนั้น การที่ ไม่ไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกที่ชอบด้วยกฎหมาย
ตาม ป.วิอาญา มาตรา 66(2) ซึ่งตามกฎหมายถือว่ามีหลักฐานตามสมควรเชื่อว่าจะหลบหนี้เป็นเหตุที่
พนักงานสอบสวนมีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลพิจารณาว่าสมควรที่จะออกหมายจับหรือไม่
ศาลท่านไม่ตกเป็นเครื่องมือของใครหลอก ท่านพิจารณาตามพยานหลักฐานและหลักกฎหมายบ้านเมือง
หากคุณไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและเข้าเหตุที่ศาลท่านจะออกหมายจับได้ ท่านก็จะออกหมายจับให้
นายวัชระ เพชรทอง ไม่ต้องกลัวหรอก ศาลท่านมีดุลพินิจ ไม่ใช่ไปออกความเห็นล่วงหน้าว่าศาลเป็นเครื่องมือ
ของใคร หากไม่ผิด มันก็ไม่ผิด จะกลัวอะไร หาก DSI ปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็สามารถใช้สิทธิทางศาล
ได้อยู่แล้ว นี้เข้ายังไม่ได้วินิจฉัยเลยว่าผิดหรือไม่ผิด อยู่ในขั้นรวบรวมพยานหลักฐานเท่านั้น ไม่ผิดจะไปกลัวอะไร??????
DSI เล็งหมายจับ "ชวน หลีกภัย"
ชวน หลีกภัย และ บัญญัติ บรรทัดฐาน พร้อม 15 ส.ส กรณีที่ไม่รับทราบข้อกล่าวหาตามหมาย
เรียกของเจ้าพนักงาน DSI ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนที่มีอำนาจหน้าที่รวมรวมพยานหลักฐาน
แล้วสรุปสำนวนเพื่อเสนอพนักงานอัยการว่ามีหลักฐานเพียงพอหรือมีมูลที่จะยื่นฟ้องต่อศาลหรือไม่
โดยอ้างว่า กกต.ซึ่งเป็นนายทะเบียนชี้แล้วว่าไม่ผิด และอ้างว่ามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
http://www.naewna.com/politic/61080
ข้อกล่าวอ้างที่ไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าว ไม่มีกฎหมายให้อำนาจกระทำได้เพราะ
แม้จะเป็น ส.ส. ผู้ทรงเกียรติก็ตาม ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย เมื่อพนักงานสอบสวน
เขามีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนเสียก่อนเพื่อวินิจฉัยว่าการกระทำเป็นความผิดอาญา
หรือไม่ หากใครอ้างว่า นายทะเบียนวินิจฉัยแล้วไม่ผิด ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย แล้วนายทะเบียนใช่ศาล
ที่มีหน้าที่ตัดสินคดีหรือไม่? ขนาด กกต.ซึ่งเป็นนายทะเบียนยังต้องไปให้การเป็นพยานเพื่อการรวบรวมพยานเลย
หากไม่เคาระกติกาของกฎหมาย บ้านเมืองของเราก็จะไม่มีหลัก ใด ๆ ให้ยึดถือ
ดังนั้น การที่ ไม่ไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกที่ชอบด้วยกฎหมาย
ตาม ป.วิอาญา มาตรา 66(2) ซึ่งตามกฎหมายถือว่ามีหลักฐานตามสมควรเชื่อว่าจะหลบหนี้เป็นเหตุที่
พนักงานสอบสวนมีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลพิจารณาว่าสมควรที่จะออกหมายจับหรือไม่
ศาลท่านไม่ตกเป็นเครื่องมือของใครหลอก ท่านพิจารณาตามพยานหลักฐานและหลักกฎหมายบ้านเมือง
หากคุณไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและเข้าเหตุที่ศาลท่านจะออกหมายจับได้ ท่านก็จะออกหมายจับให้
นายวัชระ เพชรทอง ไม่ต้องกลัวหรอก ศาลท่านมีดุลพินิจ ไม่ใช่ไปออกความเห็นล่วงหน้าว่าศาลเป็นเครื่องมือ
ของใคร หากไม่ผิด มันก็ไม่ผิด จะกลัวอะไร หาก DSI ปฏิบัติไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็สามารถใช้สิทธิทางศาล
ได้อยู่แล้ว นี้เข้ายังไม่ได้วินิจฉัยเลยว่าผิดหรือไม่ผิด อยู่ในขั้นรวบรวมพยานหลักฐานเท่านั้น ไม่ผิดจะไปกลัวอะไร??????