คือว่าผมศึกษาบทความเกี่ยวกับ3จังหวัดแล้วผมไปเจอเรื่องข้อเสนอนี้เขาและคิดว่ามันน่าสนใจทีเดียว ซึ่งผมคิดว่ามันสามาถแก้ไขปัญฆาสามจังหวัดชายแดนใต้ได้ ซึ่งแนวคิดของผมนะคือตั้งมลฑลต้นแบบปัตตานีขึ้นซึ่งการบริการปกครองต่างๆคล้ายระบบรัฐแบบของอเมริกา ซึ่งไม่ใช้แค่ใช้กับ3จังหวัดแต่ถ้าทำได้ทุกจังหวัดก็ยิ่งดี
1. ขอให้แต่งตั้งบุคคลคนหนึ่งซึ่งมีอำนาจเต็มมาปกครองใน 3 จังหวัด คือ จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส ให้มีอำนาจที่จะปลด ระงับ หรือโยกย้ายข้าราชการได้ บุคคลผู้นี้จักต้องถือกำเนิดในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งของ 4 จังหวัด และจักต้องได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนใน 4 จังหวัดนั้น
คือเลือกตั้งผู้ว่าการมลทลนั้นเองมีอำนาจแบบผู้ว่าการรัฐของอเมริกา ใช้ระบบเลือกตั้งเอา โดยต้องเป็นคนในพื้นที่เท่านั้น มีอำนาจเต็มที่ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชกาลในมลทลได้
2. ข้าราชการใน 4 จังหวัดจักต้องเป็นมุสลิมจำนวน 80 %
ยังไงซะคนในพื้นที่ยอมรู้ดีกว่าคนนอกพื้นที่อยู่แล้วข้าราชกาลทั้งส่วนภูมิภาค(จริงๆเดียวนี้ก็ไม่ค่อยจำเป็นแล้ว กันความซ้ำซ้อนก็ยุบไปเหอะ)และส่วนท้องถิ่น รวมถึงพวกหมอ พวกครูพวกนี้ด้วยนะ เพราะเรื่องบางเรื่องเราส่งคนจากจังหวัดอื่นไปสอนไม่ได้ โรคบางโรคคนในท้องถิ่นรู้จักดีกว่าคนกรุงเทพ ร่วมถึงตำรวจพวกนี้ด้วยนะแต่ทหารนี้ยังไงก็ต้องขึ้นกับส่วนกลางแต่ว่าทหารที่ประจำการที่นั้นต้องเป็นคนในพื้นที่เท่านั้น(จริงๆมันเป็นเรื่องขวัญกำลังใจด้วยนะ คนในพื้นที่ก็อยากปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอยู่แล้ว)
3. ให้ใช้ภาษามลายูและภาษาไทยเป็นภาษาราชการของ 3 จังหวัด
ใกล้จะเปิดAECกันแล้วนะคับ ภาษาที่3ยังไงก็จำเป็นโดยเพราะที่นั้นสามารถเป็นศูนย์กลางการติดต่อกับ มาเลเซียอินโดนีเซียได้ ฉนั้นภาษามลายูถึงจำเป็นมาในพื้นที่นั้น อย่างน้อยก็เอาไว้ติดต่อกับคนมาเลเซีย
4. ให้ภาษามลายูเป็นภาษากลางของการสอนในโรงเรียนชั้นประถมศึกษา
เหตุผลเหมือนข้อ4คับ แต่ควรสอนภาษาไทยและภาษาอังกฤษด้วย แต่ระบบการศึกษายังไงผมขอให้เน้นความสมัครใจของผู้เรียนด้วยว่าจะเลือกภาษาอะไรเพราะสมัยภาษาที่สำคัญมันเยอะมากนะ ทั้งภาษาไทย ภาษามลายู(บาฮาซามาเลเซียบาฮาซาอินโดนีเซีย) ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ๆลๆ
5. ให้ใช้กฎหมายมุสลิมในศาลศาสนา แยกออกไปจากศาลจังหวัดซึ่งเคยมีผู้พิพากษามุสลิม (KATH) นั่งพิจารณาร่วมด้วย
ตั้งศาลมลฑลซึ่งตัวมลฑล สามารถออกกฎหมายเพื่อปรับให้เข้ากับคนในพื้นที่ได้ ซึ่งระดับศักษ์ของกฎหมายน่าจะประมาณสูงกว่ากฎกระทรวง
ต่ำกว่าพระราชกฤษฎีกาออกโดยสภามลฑล ซึ่งตั้งศาลมทฑลพิจารนาคดีเฉพาะคดีกฎหมายมลฑล ผู้พิพากษาก็อ้างอิงจากข้อ2เป็นข้าราชกาลยุติธรรมที่เป็นคนในพื้นที่ จะระบุว่าเป็นผู้พิพากษามุสลิม หรือไม่ก็แล้วแต่กฎหมายมลฑล
6. ภาษีเงินได้และภาษีทั้งปวงที่เก็บจากประชาชนใน 4 จังหวัดจักต้องใช้จ่ายเฉพาะใน 3 จังหวัดนั้น
จริงข้อนี้ภาษีของคนในพื้นที่ยังไงก็ควรใช้ในเฉพาะพื้นที่ คนในกรุงเทพคนไม่อยากให้เงินของตัวเองเอาไปใช้ในนโยบายจำนำข้าว ขณะเดียวกันคนต่างจังหวัดก็ไม่อยากให้เงินของตัวเองเอาไปสร้างรถไฟฟ้าพวกนี้ ภาษีที่จริงควรจะ70/30 คือส่วนกลาง30 ภูมิภาค70 เป็นการกระจายงบและความเจริญด้วยคับและผมว่าเป็นธรรมกับคนที่จ่ายภาษีที่อย่างน้อยเราจ่ายเราก็ได้ใช้ดีกว่าใหคนจังหวัดอื่นใช้
7. ให้จัดตั้งคณะกรรมการมุสลิมมีอำนาจเต็มในการดำเนินการเกี่ยวกับคนมุสลิมทุกเรื่อง โดยให้อยู่ในอำนาจสูงสุดของผู้นำตามข้อ 1.
ผมเสนอใหเย้ายจุฬาราชมลตรีลงไปที่นั้นเลยเพราะที่นั้นมุสลิมเยอะแถมต้องติดต่อกับประเทศมุสลิมด้วย ให้สำนักจุฬาราชมลตรีดูแลเรื่องกิจการของมุสลิม
----------------------------------------------
เอาจริงมันก็คือหลักการกระจายอำนาจอย่างหนึ่งนั้นแหละคับ แต่เอามาใช้อย่างเป็นระบบและจริงจัง คนของที่ไหนก็ควรให้คนของที่นั้นดูแลกันเองดีที่สุด
เสนอวิธีแก้ไขปัญหา3จังหวัดชายแดนใต้ รือฟิ้นข้อเสนอของหะหยีสุหลง
1. ขอให้แต่งตั้งบุคคลคนหนึ่งซึ่งมีอำนาจเต็มมาปกครองใน 3 จังหวัด คือ จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส ให้มีอำนาจที่จะปลด ระงับ หรือโยกย้ายข้าราชการได้ บุคคลผู้นี้จักต้องถือกำเนิดในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งของ 4 จังหวัด และจักต้องได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนใน 4 จังหวัดนั้น
คือเลือกตั้งผู้ว่าการมลทลนั้นเองมีอำนาจแบบผู้ว่าการรัฐของอเมริกา ใช้ระบบเลือกตั้งเอา โดยต้องเป็นคนในพื้นที่เท่านั้น มีอำนาจเต็มที่ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชกาลในมลทลได้
2. ข้าราชการใน 4 จังหวัดจักต้องเป็นมุสลิมจำนวน 80 %
ยังไงซะคนในพื้นที่ยอมรู้ดีกว่าคนนอกพื้นที่อยู่แล้วข้าราชกาลทั้งส่วนภูมิภาค(จริงๆเดียวนี้ก็ไม่ค่อยจำเป็นแล้ว กันความซ้ำซ้อนก็ยุบไปเหอะ)และส่วนท้องถิ่น รวมถึงพวกหมอ พวกครูพวกนี้ด้วยนะ เพราะเรื่องบางเรื่องเราส่งคนจากจังหวัดอื่นไปสอนไม่ได้ โรคบางโรคคนในท้องถิ่นรู้จักดีกว่าคนกรุงเทพ ร่วมถึงตำรวจพวกนี้ด้วยนะแต่ทหารนี้ยังไงก็ต้องขึ้นกับส่วนกลางแต่ว่าทหารที่ประจำการที่นั้นต้องเป็นคนในพื้นที่เท่านั้น(จริงๆมันเป็นเรื่องขวัญกำลังใจด้วยนะ คนในพื้นที่ก็อยากปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอยู่แล้ว)
3. ให้ใช้ภาษามลายูและภาษาไทยเป็นภาษาราชการของ 3 จังหวัด
ใกล้จะเปิดAECกันแล้วนะคับ ภาษาที่3ยังไงก็จำเป็นโดยเพราะที่นั้นสามารถเป็นศูนย์กลางการติดต่อกับ มาเลเซียอินโดนีเซียได้ ฉนั้นภาษามลายูถึงจำเป็นมาในพื้นที่นั้น อย่างน้อยก็เอาไว้ติดต่อกับคนมาเลเซีย
4. ให้ภาษามลายูเป็นภาษากลางของการสอนในโรงเรียนชั้นประถมศึกษา
เหตุผลเหมือนข้อ4คับ แต่ควรสอนภาษาไทยและภาษาอังกฤษด้วย แต่ระบบการศึกษายังไงผมขอให้เน้นความสมัครใจของผู้เรียนด้วยว่าจะเลือกภาษาอะไรเพราะสมัยภาษาที่สำคัญมันเยอะมากนะ ทั้งภาษาไทย ภาษามลายู(บาฮาซามาเลเซียบาฮาซาอินโดนีเซีย) ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ๆลๆ
5. ให้ใช้กฎหมายมุสลิมในศาลศาสนา แยกออกไปจากศาลจังหวัดซึ่งเคยมีผู้พิพากษามุสลิม (KATH) นั่งพิจารณาร่วมด้วย
ตั้งศาลมลฑลซึ่งตัวมลฑล สามารถออกกฎหมายเพื่อปรับให้เข้ากับคนในพื้นที่ได้ ซึ่งระดับศักษ์ของกฎหมายน่าจะประมาณสูงกว่ากฎกระทรวง
ต่ำกว่าพระราชกฤษฎีกาออกโดยสภามลฑล ซึ่งตั้งศาลมทฑลพิจารนาคดีเฉพาะคดีกฎหมายมลฑล ผู้พิพากษาก็อ้างอิงจากข้อ2เป็นข้าราชกาลยุติธรรมที่เป็นคนในพื้นที่ จะระบุว่าเป็นผู้พิพากษามุสลิม หรือไม่ก็แล้วแต่กฎหมายมลฑล
6. ภาษีเงินได้และภาษีทั้งปวงที่เก็บจากประชาชนใน 4 จังหวัดจักต้องใช้จ่ายเฉพาะใน 3 จังหวัดนั้น
จริงข้อนี้ภาษีของคนในพื้นที่ยังไงก็ควรใช้ในเฉพาะพื้นที่ คนในกรุงเทพคนไม่อยากให้เงินของตัวเองเอาไปใช้ในนโยบายจำนำข้าว ขณะเดียวกันคนต่างจังหวัดก็ไม่อยากให้เงินของตัวเองเอาไปสร้างรถไฟฟ้าพวกนี้ ภาษีที่จริงควรจะ70/30 คือส่วนกลาง30 ภูมิภาค70 เป็นการกระจายงบและความเจริญด้วยคับและผมว่าเป็นธรรมกับคนที่จ่ายภาษีที่อย่างน้อยเราจ่ายเราก็ได้ใช้ดีกว่าใหคนจังหวัดอื่นใช้
7. ให้จัดตั้งคณะกรรมการมุสลิมมีอำนาจเต็มในการดำเนินการเกี่ยวกับคนมุสลิมทุกเรื่อง โดยให้อยู่ในอำนาจสูงสุดของผู้นำตามข้อ 1.
ผมเสนอใหเย้ายจุฬาราชมลตรีลงไปที่นั้นเลยเพราะที่นั้นมุสลิมเยอะแถมต้องติดต่อกับประเทศมุสลิมด้วย ให้สำนักจุฬาราชมลตรีดูแลเรื่องกิจการของมุสลิม
----------------------------------------------
เอาจริงมันก็คือหลักการกระจายอำนาจอย่างหนึ่งนั้นแหละคับ แต่เอามาใช้อย่างเป็นระบบและจริงจัง คนของที่ไหนก็ควรให้คนของที่นั้นดูแลกันเองดีที่สุด