พ่อหมออลเวง ตอนที่๘

กระทู้สนทนา
ตอนที่๑ http://pantip.com/topic/30107518
ตอนที่๒ http://pantip.com/topic/30480244
ตอนที่๓ http://pantip.com/topic/30542963
ตอนที่๔ http://pantip.com/topic/30608461
ตอนที่๕ http://pantip.com/topic/30677615
ตอนที่๖ http://pantip.com/topic/30694435
ตอนที่๗ http://pantip.com/topic/30707197
____________________________________

ตอนที่ ๘


หลังจากกำราบสามอันธพาลผู้คิดปองร้ายได้สำเร็จ   ณภัทรก็แบกจ้อนขึ้นหลังกลับมาที่ห้อง   ปิดประตูลงกลอนและคืนนี้ไม่คิดเปิดประตูต้อนรับใครที่ไหนอีก   ทิ้งร่างสลบไสลไร้สติของเพื่อนลงบนเตียง   ตัวเขาก็เพลียเหลือเกินเอนตัวนอนลงข้าง ๆ แล้วหลับไปในที่สุด
ณภัทรตื่นขึ้นมาพร้อมเช้าวันใหม่ที่ไม่สดใสนักเพราะรู้สึกปวดตึ๊บที่หัว   จ้อนตื่นมาพร้อมอาการปวดเมื่อยไปทั่วทั้งร่าง   แน่นอนสิเพราะเมื่อคืนมาวินใช้ร่างของเขาเกินขีดจำกัด

“โอ๊ย... ทำไมปวดเนื้อปวดตัวอย่างนี้   เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นฉันจำอะไรไม่ได้เลย   จำได้เพียงแค่ว่าไอ้คนพวกนั้นจะเข้ามารุมทำร้ายฉันแต่แกมาสกัดไว้ก่อน   จากนั้นฉันก็ไม่รู้สึกตัวอะไรเหมือนวิญญาณออกจากร่างอย่างนั้นแหละ”

จ้อนเดาเหตุการณ์ได้แม่นยำ   ณภัทรไม่บอกความจริงออกไปหรอกว่าเมื่อคืนมีวิญญาณหนุ่มยืมร่างเขาออกไปบู๊กับพวกนั้นเสียราบคาบ   ขืนบอกไปจ้อนมีหวังได้สติแตก   รับไม่ได้ที่มีใครก็ไม่รู้ใช้ร่างกายร่วมกับเขา   จ้อนสำรวจตัวเองไม่พบรอยพกช้ำตรงไหน   เพื่อนของเขาก็มีเพียงรอยเขียวตรงหางคิ้วซ้าย   เมื่อคืนไม่ได้ถูกอัดจนน่วมหรอกเหรอ   แปลกใจเหลือเกินหลังจากเขาหมดสติเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

“ไอ้พวกนั้นไม่ได้อัดเราหรอกเหรอฉันไม่เห็นมีแผลอะไร   เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้หรือฉันฝันไป?”

“แกไม่ได้ฝันหรอก   เมื่อคืนนี้มีคนมาบุกทำร้ายเราจริง ๆ   แต่ที่พวกเราไม่เป็นอะไรเพราะบังเอิญเพื่อนฉันผ่านมาพอดีเลยช่วยจัดการไอ้พวกนั้นหงายเงิบเผ่นหนีหางจุกตูด”

“เพื่อนเหรอ?” จ้อนแปลกใจ   นอกจากมีเขาเป็นเพื่อนแล้วยังมีใครอื่นอีก

“อืม... เพิ่งรู้จักกันที่หอนี่แหละ”

“เพื่อนแกคนนี้คงเก่งมาสินะถึงเอาคนตั้งสามคนอยู่   มันเป็นอุลตร้าแมนรึยังไง”

“คงประมาณนั้น” ณภัทรยักไหล่   อยากตะโกนกรอกหูจ้อนดัง ๆ ว่า   เมื่อคืนแกโดนผีสิง

จ้อนโทรฯไปร้องโอดโอยกับพ่อแม่   เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟังเป็นฉาก ๆ   พ่อแม่ของเขาว้าวุ่นใจเป็นห่วงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนบอกจะรีบบึ่งรถมาหาทันที   ครึ่งชั่วโมงถัดจากนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น   ณภัทรเดินไปดูคราวนี้ไม่ลืมมองลอดช่องตาแมว   เห็นสองสามีภรรยาแต่งตัวภูมิฐานยืนคอยให้เปิดประตู   พ่อแม่ของจ้อนนั่นเองณัทรรีบเปิดประตูต้อนรับ

“สวัสดีครับคุณลุงคุณน้า” ณภัทรไหว้สวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง   พ่อของจ้อนดูอายุมากกว่าภรรยาและพ่อแม่ของเขา   เขาจึงเรียกชายคนนี้ว่าลุง   ส่วนแม่ของจ้อนดูอ่อนเยาว์กว่าจึงเรียกว่าน้า   ทั้งสองรับไหว้แล้วเดินดุ่ม ๆ ไปดูลูกชายที่นอนสำออยอยู่บนเตียง

“เป็นไงบ้างลูก   เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ผู้เป็นแม่ถามไถ่อาการลูกชายอย่างเป็นห่วง

“ปวดไปทั้งตัวเลยครับแม่   ขยับทีนี่เจ็บแปล๊บไปทั้งร่าง” จ้อนโอดโอย

ณภัทรอยากเดินเข้าไปดึงคอเสื้อจ้อนขึ้นมาเขย่าแรง ๆ พลางร้องบอกแม่ของจ้อนดัง ๆ ว่า   อย่าไปเชื่อมันครับคุณน้ามันโกหก   เมื่อกี้ยังลุกไปเข้าห้องน้ำเองได้เลย

“เรามีศัตรูที่ไหนหรือเปล่าถึงได้มาเคาะห้องบุกทำร้ายดึก ๆ ดื่น ๆ” พ่อของจ้อนถาม

ศัตรูทั้งชีวิตนี้คงมีอยู่เพียงคนเดียวคือหมอผีที่เขาทำคาถาอาคมแกเสื่อม   ขืนบอกความจริงออกไปพ่อแม่ของจ้อนได้ตราหน้าเขาว่าเป็นอันธพาลหาศัตรูใส่ตัว   พานกีดกันลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ให้คบหาสิงสู่เป็นเพื่อนกับเขา
“ผมไม่มีศัตรูที่ไหนหรอกครับ   พวกนั้นคงเข้าใจผิดเสียมากกว่า”

“ดูสิพัดเราบาดเจ็บด้วยนิ   โห... หางคิ้วช้ำเป็นรอยเขียวเลยท่าทางจะเจ็บน่าดู” แม่ของจ้อนเดินมาดูอาการณภัทรอย่างใส่ใจ

“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ   นวดยาหม่องไม่กี่วันก็หาย”

“ไม่ได้นะจ๊ะ   อีแค่ยาหม่องจะไปดีได้ยังไง   เกิดมันอักเสบบวมยิ่งกว่าเดิมใบหน้าหล่อเหลาของเราจะเสียโฉมเอานะ   ไปรักษาที่คลินิกเสริมความงามของน้า   ไว้แผลหายดีแล้วจะเลเซอร์หน้าใสให้ด้วย   น้าไม่คิดเงินหรอกจ้ะ   พัดก็เหมือนลูกชายน้าด้วยอีกคน”

“ปล่อยไว้เฉย ๆ ไม่ได้   ต้องแจ้งความนะนี่มันคดีทำร้ายร่างกายแล้ว   อีกอย่างพัดอยู่ที่นี่ต่อคงไม่ปลอดภัย   ไม่รู้คนพวกนั้นจะกลับมาทำร้ายอีกรึเปล่า   ย้ายไปอยู่คอนโดฯกับจ้อนปลอดภัยกว่า   ที่นั่นระบบรักษาความปลอกภัยเขาทันสมัย”

พ่อแม่ของจ้อนน่ารักเหลือเกิน   เป็นห่วงเป็นใยเขาไม่ต่างจากลูกชายตัวเอง   เขาคงรับทั้งสองข้อเสนอไม่ได้   มันมากเกินไปสำหรับเขา
“ไม่ดีหรอกครับรบกวนเปล่า ๆ   อยู่ที่นี่ผมจะระมัดระวังตัวให้มากขึ้น”

“โถ่... พัดอย่าดื้อสิจ๊ะ   เล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้อย่ากังวลคิดว่าเป็นการรบกวนเลย   จ้อนเองก็เคยชวนเราไปอยู่ด้วยตอนเขาซื้อคอนโดฯใหม่ ๆ เราก็ปฏิเสธไปครั้งหนึ่งแล้ว   นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วนะมันหมายถึงชีวิตเราเลย   ย้ายไปอยู่กับจ้อนเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดจ้ะ”

“น่า... อย่าคิดมาก” พ่อของจ้อนกอดคอเขาแสดงความเป็นกันเอง

กว่าจ้อนจะเลิกสำออยแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินเองได้ต้องให้ผู้เป็นแม่ป้อนยาพาราเซตามอนและวิตามินซีบรรจุขวดถึงปาก   เขาขอตัวไปนอนตากแอร์เย็นช่ำอยู่ในรถตู้ที่ติดสติ๊กเกอร์ “นิติศักดิ์คลินิก” หนึ่งในธุรกิจของครอบครัว   อ้างว่าตัวเองยังปวดเนื้อปวดตัวอยู่   ทิ้งเพื่อนรักและพ่อแม่ให้ช่วยกันขนข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าของณภัทรมาใส่ท้ายรถตู้หลังณภัทรตกลงยอมย้ายมาอยู่คอนโดฯกับจ้อน


คอนโดฯของจ้อนอยู่ในย่านบันเทิงราคาแพงไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยเท่าใดนัก   ตัวตึกทันสมัยสูงตระหง่านนับไม่ไหวว่ามีกี่ชั้น   ข้างล่างเป็นสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือแวดล้อมไปด้วยไม้ยืนต้นนานาพันธุ์ช่วยลดความแข็งกระด้างไม่เป็นธรรมชาติของตึกลงได้บ้าง   จ้อนอยู่ชั้นตั้งสูงสามคนช่วยกันขนของเกือบครึ่งชั่วโมงขึ้นห้อง   ห้องของจ้อนใหญ่โตกว้างขวางกว่าห้องเช่าของณภัทรนักราคาท่าจะแพงน่าดู   ที่ป้ายประชาสัมพันธ์ด้านล่างระบุไว้ว่าราคาคอนโดฯเริ่มต้นที่ ๑.๗๔ ล้านบาท   ในความคิดของณภัทรราคาขนาดนี้แพงเกินไปสำหรับการมาอยู่เบียดเสียดกันหลายร้อยชีวิตในที่ดินเท่าแมวดิ้นตาย

ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหรา   ตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่นมีโซฟาตัวใหญ่   โทรทัศน์จอใหญ่รุ่นล่าสุด   ชั้นหนังสือสูงเลยหัวที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือการ์ตูนเต็มชั้น   มีประตูบานกระจกเชื่อมต่อสู่ระเบียงสำหรับชมทัศนียภาพ   หากเลี้ยวไปฝั่งซ้ายจะเป็นห้องครัวครบชุด   ห้องน้ำห้องอาบน้ำและเครื่องซักผ้า   หากเลี้ยวไปทางขวาจะเป็นห้องนอนเตียงขนาดคิงไซส์   มีตู้เสื้อผ้าแบบวอร์กอิน   ห้องน้ำอีกห้องและโต๊ะเครื่องแป้ง   อากาศภายในนี้เย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศหลายบีทียู   พัดลมอีแก่ในห้องที่ณภัทรจากมาเทียบไม่ติดเลย

“เตียงนี่แกจะนอนฝั่งไหน?” จ้อนถามณภัทร

“ฝั่งไหนก็ได้”

“งั้นแกนอนฝั่งซ้ายแล้วกันเพราะแกถนัดซ้ายชอบนอนตะแคงหันไปทางซ้าย   ถ้าให้แกนอนฝั่งขวาแกจะเตะฉันตกเตียงเอา   ตู้เสื้อผ้าแกก็ใช้ฝั่งซ้ายด้วยแล้วกัน   เดี๋ยวฉันเคลียร์ของทั้งหมดไปอยู่ฝั่งขวาแล้วก็เอาข้าวของของแกมาเก็บได้เลย” จ้อนพูดอย่างรู้ใจสมเป็นเพื่อนที่คบหากันมานาน

“อยู่ที่นี่คงปลอดภัยแล้ว   แต่ถึงยังไงทั้งสองคนก็ต้องดูแลตนเองนะ   ไอ้พวกผับบาร์ข้างล่างอย่าได้ชวนกันไปเชียว   ไม่อย่างนั้นพ่อจะขายคอนโดฯห้องนี้ทิ้งแล้วให้ไปอยู่ห้องเช่ารังหนูแทน” พ่อของจ้อนพูดไปอย่างนั้นเพราะรู้อยู่แล้วว่าลูกชายไม่ได้ชอบสังคมกลางคืนอย่างนั้น   วัน ๆ เอาแต่นั่งติดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทำโน่นทำนี่   ณภัทรก็คงนิสัยคล้ายกันไม่เช่นนั้นคงคบเป็นเพื่อนกันได้ไม่ยาวเช่นนี้


วันนี้เปิดสำนักหมอดูไม่ได้เนื่องจากมาวินไม่ไหวพลังมีไม่เพียงพอ   ณภัทรก็เหนื่อยกับเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นอยากพักผ่อนเอาแรงบ้างจึงถือโอกาสมาทำบุญให้มาวินที่วัดใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย   แม้วัดนี้จะรายล้อมไปด้วยร้านค้าทันสมัย   แหล่งบันเทิงวัยรุ่น   ห้างสรรพสินค้า   แต่บรรยากาศที่นี่กลับสงบร่มเย็นเหมาะแก่การปลีกหลีกหนีเรื่องวุ่นวายในชีวิต   ชวนให้ณภัทรคิดถึงบรรยากาศของวัดประจำหมู่บ้าน   คิดถึงหลวงลุงที่อบรมบ่มนิสัย   สอนให้เขาเข้าใจแก่นแท้ของพุทธศาสนา   คิดถึงสวนผักอินทรีย์ของพ่อแม่ที่เคยช่วยดูแลช่วงปิดเทอม   เมื่อไหร่จะได้กลับไปเยี่ยมบ้านบ้างหนอ

ชายหนุ่มเข้าไปถวายสังฆทานและกรวดน้ำอุทิศกุศลผลบุญแก่เพื่อนผีของเขา   เสร็จจากนั้นก็มานั่งใต้ร่มโพธิ์ต้นใหญ่   ยังไม่อยากกลับตอนนี้ขอดื่มด่ำบรรยากาศสงบเช่นนี้ต่อให้นานอีกหน่อย   ระหว่างที่ใจกำลังเป็นสุขมองแสงระยิบระยับจากกระดิ่งทองที่ห้อยชายคาวิหาร   เพื่อนผีของเขาก็โผล่จากอากาศธาตุมานั่งข้าง ๆ

“ขอบใจนายมากนะณภัทรที่อุทิศส่วนบุญให้ฉัน   ฉันได้รับและตอนนี้กลับมามีพลังเหมือนเดิมแล้ว   พรุ่งนี้ช่วยนายดูดวงได้แล้วล่ะ” ผีหนุ่มกล่าว

“เฮ้ย! นายเข้ามาในวัดได้ยังไง   ผีกลัววัดกลัวพระไม่ใช่เหรอ?”

“นั่นมันผีในหนังในละคร   นายคิดว่าถ้าพระตายไปเป็นผี   ผีพระจะกลัวพระเป็น ๆ ไหม?”

“ไม่รู้สิ   ช่างมันเถอะตอนนี้ฉันไม่อยากคิดอะไรมาก”

ทั้งสองทอดสายตาออกไปดื่มด่ำกับความวิจิตรงดงามของสถาปัตยกรรมภายในวัด   วัยรุ่นสมัยนี้จะรู้กันไหมหนอว่าหลังคากระเบื้องสลับสีของสิ่งก่อสร้างภายในวัดต่างมีความหมายซ่อนอยู่   “สีเหลือง” หมายถึงความอุดมสมบูรณ์   “สีส้ม” หมายถึงความสุข   “สีเขียว” หมายถึงความสดชื่น   “สีน้ำเงินหรือสีคราม” หมายถึงการจัดระเบียบ

อยู่ ๆ ก็มีคำถามผุดเข้ามาในหัวของณภัทร   เขาไม่ปล่อยให้ค้างคาใจรีบถามเพื่อนผีทันที

“ทำไมนายถึงมาปรากฏตัวให้ฉันเห็นล่ะ?”

“เพราะนายมีสัมผัสพิเศษที่คนอื่นไม่มีไง   ฉันจึงติดต่อสื่อสารกับนายได้   จำได้ไหมตอนเด็ก ๆ วิญญาณปู่ของนายเคยมาหา   แถมนายก็เป็นคนมีกระแสบุญแรงกล้าดึงดูดวิญญาณเร่ร่อนให้ตามมาขอส่วนบุญ   ที่ผ่านมานายเคยเจอผีบ่อยอยู่แหละฉันว่า”

มาวินพูดทำให้นึกขึ้นได้   ภาพความทรงจำสีจางที่ถูกเก็บลงกล่องไปแล้วแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง   ตอนอายุประมาณสี่ขวบยังไม่ประสีประสาดีนัก   เด็กชายณภัทรเห็นเงาลาง ๆ โปร่งบางยืนอยู่ปลายเตียง   เจ้าของร่างมีใบหน้าคล้ายกับคุณปู่ของเขาซึ่งเคยเห็นจากรูปถ่าย   ท่านส่งยิ้มให้หลายชายก่อนร่างจะค่อย ๆ เลือนลับไปในความมืด   ตอนนั้นเด็กชายณภัทรอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น   ไม่แน่ใจนักว่าได้พบวิญญาณคุณปู่จริง ๆ หรือเป็นเพียงแค่ฝันไป

ณภัทรไม่เคยเห็นคุณปู่ตัวเป็น ๆ หรอก   เนื่องจากท่านเสียก่อนแม่จะตั้งท้องเขา   แม่เคยเล่าว่าคุณปู่ท่านเป็นช่างไม้ฝีมือดีที่สุดในอำเภอ   อาจจะดีที่สุดในจังหวัดเลยด้วยซ้ำ   บ้านที่อาศัยอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็มาจากฝีมือท่าน   ท่านสามารถสร้างบ้านได้เป็นหลัง ๆ โดยไม่ต้องตอกตะปูแม้แต่ตัวเดียว   ตู้หับต่าง ๆ ภายในบ้านก็ฝีมือประกอบอย่างประณีตของคุณปู่ทั้งนั้น

ฝีมือช่างไม้ของคุณปู่โด่งดังไกลจนมีโอกาสได้สร้างเรือนสักทองให้ตระกูลผู้ดีเก่า   งานนี้ได้ค่าตอบแทนเยอะเสียจนชาวบ้านชาวช่องขนานนามคุณปู่ว่าเป็นพ่อเลี้ยง   ท่านไม่ได้หน้าตาดีอะไร   ออกจะขี้เหร่เสียด้วยซ้ำ   โครงหน้าสั้นออกเหลี่ยมด้านข้าง   ตาหยี   โหนกแก้มสูง   จมูกแฟบ   หูกาง   ตีนผมสูง   ผิวคล้ำทั้งตัว   แต่ท่านเป็นคนคารมดีช่างเอาอกเอาใจจึงพิชิตใจคุณย่าซึ่งอดีตเป็นถึงนางสาวนพมาศ   เทพีสงกรานต์   นางรำนำขบวนแห่   ตำแหน่งเหล่านี้ล้วนการันตีถึงความสวยของคุณย่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่