ตอนที่๑
http://pantip.com/topic/30107518
ตอนที่๒
http://pantip.com/topic/30480244
ตอนที่๓
http://pantip.com/topic/30542963
ตอนที่๔
http://pantip.com/topic/30608461
ตอนที่๕
http://pantip.com/topic/30677615
ตอนที่๖
http://pantip.com/topic/30694435
ตอนที่๗
http://pantip.com/topic/30707197
____________________________________
ตอนที่ ๘
หลังจากกำราบสามอันธพาลผู้คิดปองร้ายได้สำเร็จ ณภัทรก็แบกจ้อนขึ้นหลังกลับมาที่ห้อง ปิดประตูลงกลอนและคืนนี้ไม่คิดเปิดประตูต้อนรับใครที่ไหนอีก ทิ้งร่างสลบไสลไร้สติของเพื่อนลงบนเตียง ตัวเขาก็เพลียเหลือเกินเอนตัวนอนลงข้าง ๆ แล้วหลับไปในที่สุด
ณภัทรตื่นขึ้นมาพร้อมเช้าวันใหม่ที่ไม่สดใสนักเพราะรู้สึกปวดตึ๊บที่หัว จ้อนตื่นมาพร้อมอาการปวดเมื่อยไปทั่วทั้งร่าง แน่นอนสิเพราะเมื่อคืนมาวินใช้ร่างของเขาเกินขีดจำกัด
“โอ๊ย... ทำไมปวดเนื้อปวดตัวอย่างนี้ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นฉันจำอะไรไม่ได้เลย จำได้เพียงแค่ว่าไอ้คนพวกนั้นจะเข้ามารุมทำร้ายฉันแต่แกมาสกัดไว้ก่อน จากนั้นฉันก็ไม่รู้สึกตัวอะไรเหมือนวิญญาณออกจากร่างอย่างนั้นแหละ”
จ้อนเดาเหตุการณ์ได้แม่นยำ ณภัทรไม่บอกความจริงออกไปหรอกว่าเมื่อคืนมีวิญญาณหนุ่มยืมร่างเขาออกไปบู๊กับพวกนั้นเสียราบคาบ ขืนบอกไปจ้อนมีหวังได้สติแตก รับไม่ได้ที่มีใครก็ไม่รู้ใช้ร่างกายร่วมกับเขา จ้อนสำรวจตัวเองไม่พบรอยพกช้ำตรงไหน เพื่อนของเขาก็มีเพียงรอยเขียวตรงหางคิ้วซ้าย เมื่อคืนไม่ได้ถูกอัดจนน่วมหรอกเหรอ แปลกใจเหลือเกินหลังจากเขาหมดสติเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ไอ้พวกนั้นไม่ได้อัดเราหรอกเหรอฉันไม่เห็นมีแผลอะไร เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้หรือฉันฝันไป?”
“แกไม่ได้ฝันหรอก เมื่อคืนนี้มีคนมาบุกทำร้ายเราจริง ๆ แต่ที่พวกเราไม่เป็นอะไรเพราะบังเอิญเพื่อนฉันผ่านมาพอดีเลยช่วยจัดการไอ้พวกนั้นหงายเงิบเผ่นหนีหางจุกตูด”
“เพื่อนเหรอ?” จ้อนแปลกใจ นอกจากมีเขาเป็นเพื่อนแล้วยังมีใครอื่นอีก
“อืม... เพิ่งรู้จักกันที่หอนี่แหละ”
“เพื่อนแกคนนี้คงเก่งมาสินะถึงเอาคนตั้งสามคนอยู่ มันเป็นอุลตร้าแมนรึยังไง”
“คงประมาณนั้น” ณภัทรยักไหล่ อยากตะโกนกรอกหูจ้อนดัง ๆ ว่า เมื่อคืนแกโดนผีสิง
จ้อนโทรฯไปร้องโอดโอยกับพ่อแม่ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟังเป็นฉาก ๆ พ่อแม่ของเขาว้าวุ่นใจเป็นห่วงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนบอกจะรีบบึ่งรถมาหาทันที ครึ่งชั่วโมงถัดจากนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ณภัทรเดินไปดูคราวนี้ไม่ลืมมองลอดช่องตาแมว เห็นสองสามีภรรยาแต่งตัวภูมิฐานยืนคอยให้เปิดประตู พ่อแม่ของจ้อนนั่นเองณัทรรีบเปิดประตูต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณลุงคุณน้า” ณภัทรไหว้สวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง พ่อของจ้อนดูอายุมากกว่าภรรยาและพ่อแม่ของเขา เขาจึงเรียกชายคนนี้ว่าลุง ส่วนแม่ของจ้อนดูอ่อนเยาว์กว่าจึงเรียกว่าน้า ทั้งสองรับไหว้แล้วเดินดุ่ม ๆ ไปดูลูกชายที่นอนสำออยอยู่บนเตียง
“เป็นไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ผู้เป็นแม่ถามไถ่อาการลูกชายอย่างเป็นห่วง
“ปวดไปทั้งตัวเลยครับแม่ ขยับทีนี่เจ็บแปล๊บไปทั้งร่าง” จ้อนโอดโอย
ณภัทรอยากเดินเข้าไปดึงคอเสื้อจ้อนขึ้นมาเขย่าแรง ๆ พลางร้องบอกแม่ของจ้อนดัง ๆ ว่า อย่าไปเชื่อมันครับคุณน้ามันโกหก เมื่อกี้ยังลุกไปเข้าห้องน้ำเองได้เลย
“เรามีศัตรูที่ไหนหรือเปล่าถึงได้มาเคาะห้องบุกทำร้ายดึก ๆ ดื่น ๆ” พ่อของจ้อนถาม
ศัตรูทั้งชีวิตนี้คงมีอยู่เพียงคนเดียวคือหมอผีที่เขาทำคาถาอาคมแกเสื่อม ขืนบอกความจริงออกไปพ่อแม่ของจ้อนได้ตราหน้าเขาว่าเป็นอันธพาลหาศัตรูใส่ตัว พานกีดกันลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ให้คบหาสิงสู่เป็นเพื่อนกับเขา
“ผมไม่มีศัตรูที่ไหนหรอกครับ พวกนั้นคงเข้าใจผิดเสียมากกว่า”
“ดูสิพัดเราบาดเจ็บด้วยนิ โห... หางคิ้วช้ำเป็นรอยเขียวเลยท่าทางจะเจ็บน่าดู” แม่ของจ้อนเดินมาดูอาการณภัทรอย่างใส่ใจ
“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ นวดยาหม่องไม่กี่วันก็หาย”
“ไม่ได้นะจ๊ะ อีแค่ยาหม่องจะไปดีได้ยังไง เกิดมันอักเสบบวมยิ่งกว่าเดิมใบหน้าหล่อเหลาของเราจะเสียโฉมเอานะ ไปรักษาที่คลินิกเสริมความงามของน้า ไว้แผลหายดีแล้วจะเลเซอร์หน้าใสให้ด้วย น้าไม่คิดเงินหรอกจ้ะ พัดก็เหมือนลูกชายน้าด้วยอีกคน”
“ปล่อยไว้เฉย ๆ ไม่ได้ ต้องแจ้งความนะนี่มันคดีทำร้ายร่างกายแล้ว อีกอย่างพัดอยู่ที่นี่ต่อคงไม่ปลอดภัย ไม่รู้คนพวกนั้นจะกลับมาทำร้ายอีกรึเปล่า ย้ายไปอยู่คอนโดฯกับจ้อนปลอดภัยกว่า ที่นั่นระบบรักษาความปลอกภัยเขาทันสมัย”
พ่อแม่ของจ้อนน่ารักเหลือเกิน เป็นห่วงเป็นใยเขาไม่ต่างจากลูกชายตัวเอง เขาคงรับทั้งสองข้อเสนอไม่ได้ มันมากเกินไปสำหรับเขา
“ไม่ดีหรอกครับรบกวนเปล่า ๆ อยู่ที่นี่ผมจะระมัดระวังตัวให้มากขึ้น”
“โถ่... พัดอย่าดื้อสิจ๊ะ เล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้อย่ากังวลคิดว่าเป็นการรบกวนเลย จ้อนเองก็เคยชวนเราไปอยู่ด้วยตอนเขาซื้อคอนโดฯใหม่ ๆ เราก็ปฏิเสธไปครั้งหนึ่งแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วนะมันหมายถึงชีวิตเราเลย ย้ายไปอยู่กับจ้อนเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดจ้ะ”
“น่า... อย่าคิดมาก” พ่อของจ้อนกอดคอเขาแสดงความเป็นกันเอง
กว่าจ้อนจะเลิกสำออยแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินเองได้ต้องให้ผู้เป็นแม่ป้อนยาพาราเซตามอนและวิตามินซีบรรจุขวดถึงปาก เขาขอตัวไปนอนตากแอร์เย็นช่ำอยู่ในรถตู้ที่ติดสติ๊กเกอร์ “นิติศักดิ์คลินิก” หนึ่งในธุรกิจของครอบครัว อ้างว่าตัวเองยังปวดเนื้อปวดตัวอยู่ ทิ้งเพื่อนรักและพ่อแม่ให้ช่วยกันขนข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าของณภัทรมาใส่ท้ายรถตู้หลังณภัทรตกลงยอมย้ายมาอยู่คอนโดฯกับจ้อน
คอนโดฯของจ้อนอยู่ในย่านบันเทิงราคาแพงไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยเท่าใดนัก ตัวตึกทันสมัยสูงตระหง่านนับไม่ไหวว่ามีกี่ชั้น ข้างล่างเป็นสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือแวดล้อมไปด้วยไม้ยืนต้นนานาพันธุ์ช่วยลดความแข็งกระด้างไม่เป็นธรรมชาติของตึกลงได้บ้าง จ้อนอยู่ชั้นตั้งสูงสามคนช่วยกันขนของเกือบครึ่งชั่วโมงขึ้นห้อง ห้องของจ้อนใหญ่โตกว้างขวางกว่าห้องเช่าของณภัทรนักราคาท่าจะแพงน่าดู ที่ป้ายประชาสัมพันธ์ด้านล่างระบุไว้ว่าราคาคอนโดฯเริ่มต้นที่ ๑.๗๔ ล้านบาท ในความคิดของณภัทรราคาขนาดนี้แพงเกินไปสำหรับการมาอยู่เบียดเสียดกันหลายร้อยชีวิตในที่ดินเท่าแมวดิ้นตาย
ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหรา ตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่นมีโซฟาตัวใหญ่ โทรทัศน์จอใหญ่รุ่นล่าสุด ชั้นหนังสือสูงเลยหัวที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือการ์ตูนเต็มชั้น มีประตูบานกระจกเชื่อมต่อสู่ระเบียงสำหรับชมทัศนียภาพ หากเลี้ยวไปฝั่งซ้ายจะเป็นห้องครัวครบชุด ห้องน้ำห้องอาบน้ำและเครื่องซักผ้า หากเลี้ยวไปทางขวาจะเป็นห้องนอนเตียงขนาดคิงไซส์ มีตู้เสื้อผ้าแบบวอร์กอิน ห้องน้ำอีกห้องและโต๊ะเครื่องแป้ง อากาศภายในนี้เย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศหลายบีทียู พัดลมอีแก่ในห้องที่ณภัทรจากมาเทียบไม่ติดเลย
“เตียงนี่แกจะนอนฝั่งไหน?” จ้อนถามณภัทร
“ฝั่งไหนก็ได้”
“งั้นแกนอนฝั่งซ้ายแล้วกันเพราะแกถนัดซ้ายชอบนอนตะแคงหันไปทางซ้าย ถ้าให้แกนอนฝั่งขวาแกจะเตะฉันตกเตียงเอา ตู้เสื้อผ้าแกก็ใช้ฝั่งซ้ายด้วยแล้วกัน เดี๋ยวฉันเคลียร์ของทั้งหมดไปอยู่ฝั่งขวาแล้วก็เอาข้าวของของแกมาเก็บได้เลย” จ้อนพูดอย่างรู้ใจสมเป็นเพื่อนที่คบหากันมานาน
“อยู่ที่นี่คงปลอดภัยแล้ว แต่ถึงยังไงทั้งสองคนก็ต้องดูแลตนเองนะ ไอ้พวกผับบาร์ข้างล่างอย่าได้ชวนกันไปเชียว ไม่อย่างนั้นพ่อจะขายคอนโดฯห้องนี้ทิ้งแล้วให้ไปอยู่ห้องเช่ารังหนูแทน” พ่อของจ้อนพูดไปอย่างนั้นเพราะรู้อยู่แล้วว่าลูกชายไม่ได้ชอบสังคมกลางคืนอย่างนั้น วัน ๆ เอาแต่นั่งติดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทำโน่นทำนี่ ณภัทรก็คงนิสัยคล้ายกันไม่เช่นนั้นคงคบเป็นเพื่อนกันได้ไม่ยาวเช่นนี้
วันนี้เปิดสำนักหมอดูไม่ได้เนื่องจากมาวินไม่ไหวพลังมีไม่เพียงพอ ณภัทรก็เหนื่อยกับเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นอยากพักผ่อนเอาแรงบ้างจึงถือโอกาสมาทำบุญให้มาวินที่วัดใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย แม้วัดนี้จะรายล้อมไปด้วยร้านค้าทันสมัย แหล่งบันเทิงวัยรุ่น ห้างสรรพสินค้า แต่บรรยากาศที่นี่กลับสงบร่มเย็นเหมาะแก่การปลีกหลีกหนีเรื่องวุ่นวายในชีวิต ชวนให้ณภัทรคิดถึงบรรยากาศของวัดประจำหมู่บ้าน คิดถึงหลวงลุงที่อบรมบ่มนิสัย สอนให้เขาเข้าใจแก่นแท้ของพุทธศาสนา คิดถึงสวนผักอินทรีย์ของพ่อแม่ที่เคยช่วยดูแลช่วงปิดเทอม เมื่อไหร่จะได้กลับไปเยี่ยมบ้านบ้างหนอ
ชายหนุ่มเข้าไปถวายสังฆทานและกรวดน้ำอุทิศกุศลผลบุญแก่เพื่อนผีของเขา เสร็จจากนั้นก็มานั่งใต้ร่มโพธิ์ต้นใหญ่ ยังไม่อยากกลับตอนนี้ขอดื่มด่ำบรรยากาศสงบเช่นนี้ต่อให้นานอีกหน่อย ระหว่างที่ใจกำลังเป็นสุขมองแสงระยิบระยับจากกระดิ่งทองที่ห้อยชายคาวิหาร เพื่อนผีของเขาก็โผล่จากอากาศธาตุมานั่งข้าง ๆ
“ขอบใจนายมากนะณภัทรที่อุทิศส่วนบุญให้ฉัน ฉันได้รับและตอนนี้กลับมามีพลังเหมือนเดิมแล้ว พรุ่งนี้ช่วยนายดูดวงได้แล้วล่ะ” ผีหนุ่มกล่าว
“เฮ้ย! นายเข้ามาในวัดได้ยังไง ผีกลัววัดกลัวพระไม่ใช่เหรอ?”
“นั่นมันผีในหนังในละคร นายคิดว่าถ้าพระตายไปเป็นผี ผีพระจะกลัวพระเป็น ๆ ไหม?”
“ไม่รู้สิ ช่างมันเถอะตอนนี้ฉันไม่อยากคิดอะไรมาก”
ทั้งสองทอดสายตาออกไปดื่มด่ำกับความวิจิตรงดงามของสถาปัตยกรรมภายในวัด วัยรุ่นสมัยนี้จะรู้กันไหมหนอว่าหลังคากระเบื้องสลับสีของสิ่งก่อสร้างภายในวัดต่างมีความหมายซ่อนอยู่ “สีเหลือง” หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ “สีส้ม” หมายถึงความสุข “สีเขียว” หมายถึงความสดชื่น “สีน้ำเงินหรือสีคราม” หมายถึงการจัดระเบียบ
อยู่ ๆ ก็มีคำถามผุดเข้ามาในหัวของณภัทร เขาไม่ปล่อยให้ค้างคาใจรีบถามเพื่อนผีทันที
“ทำไมนายถึงมาปรากฏตัวให้ฉันเห็นล่ะ?”
“เพราะนายมีสัมผัสพิเศษที่คนอื่นไม่มีไง ฉันจึงติดต่อสื่อสารกับนายได้ จำได้ไหมตอนเด็ก ๆ วิญญาณปู่ของนายเคยมาหา แถมนายก็เป็นคนมีกระแสบุญแรงกล้าดึงดูดวิญญาณเร่ร่อนให้ตามมาขอส่วนบุญ ที่ผ่านมานายเคยเจอผีบ่อยอยู่แหละฉันว่า”
มาวินพูดทำให้นึกขึ้นได้ ภาพความทรงจำสีจางที่ถูกเก็บลงกล่องไปแล้วแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง ตอนอายุประมาณสี่ขวบยังไม่ประสีประสาดีนัก เด็กชายณภัทรเห็นเงาลาง ๆ โปร่งบางยืนอยู่ปลายเตียง เจ้าของร่างมีใบหน้าคล้ายกับคุณปู่ของเขาซึ่งเคยเห็นจากรูปถ่าย ท่านส่งยิ้มให้หลายชายก่อนร่างจะค่อย ๆ เลือนลับไปในความมืด ตอนนั้นเด็กชายณภัทรอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่แน่ใจนักว่าได้พบวิญญาณคุณปู่จริง ๆ หรือเป็นเพียงแค่ฝันไป
ณภัทรไม่เคยเห็นคุณปู่ตัวเป็น ๆ หรอก เนื่องจากท่านเสียก่อนแม่จะตั้งท้องเขา แม่เคยเล่าว่าคุณปู่ท่านเป็นช่างไม้ฝีมือดีที่สุดในอำเภอ อาจจะดีที่สุดในจังหวัดเลยด้วยซ้ำ บ้านที่อาศัยอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็มาจากฝีมือท่าน ท่านสามารถสร้างบ้านได้เป็นหลัง ๆ โดยไม่ต้องตอกตะปูแม้แต่ตัวเดียว ตู้หับต่าง ๆ ภายในบ้านก็ฝีมือประกอบอย่างประณีตของคุณปู่ทั้งนั้น
ฝีมือช่างไม้ของคุณปู่โด่งดังไกลจนมีโอกาสได้สร้างเรือนสักทองให้ตระกูลผู้ดีเก่า งานนี้ได้ค่าตอบแทนเยอะเสียจนชาวบ้านชาวช่องขนานนามคุณปู่ว่าเป็นพ่อเลี้ยง ท่านไม่ได้หน้าตาดีอะไร ออกจะขี้เหร่เสียด้วยซ้ำ โครงหน้าสั้นออกเหลี่ยมด้านข้าง ตาหยี โหนกแก้มสูง จมูกแฟบ หูกาง ตีนผมสูง ผิวคล้ำทั้งตัว แต่ท่านเป็นคนคารมดีช่างเอาอกเอาใจจึงพิชิตใจคุณย่าซึ่งอดีตเป็นถึงนางสาวนพมาศ เทพีสงกรานต์ นางรำนำขบวนแห่ ตำแหน่งเหล่านี้ล้วนการันตีถึงความสวยของคุณย่า
พ่อหมออลเวง ตอนที่๘
ตอนที่๒ http://pantip.com/topic/30480244
ตอนที่๓ http://pantip.com/topic/30542963
ตอนที่๔ http://pantip.com/topic/30608461
ตอนที่๕ http://pantip.com/topic/30677615
ตอนที่๖ http://pantip.com/topic/30694435
ตอนที่๗ http://pantip.com/topic/30707197
____________________________________
ตอนที่ ๘
หลังจากกำราบสามอันธพาลผู้คิดปองร้ายได้สำเร็จ ณภัทรก็แบกจ้อนขึ้นหลังกลับมาที่ห้อง ปิดประตูลงกลอนและคืนนี้ไม่คิดเปิดประตูต้อนรับใครที่ไหนอีก ทิ้งร่างสลบไสลไร้สติของเพื่อนลงบนเตียง ตัวเขาก็เพลียเหลือเกินเอนตัวนอนลงข้าง ๆ แล้วหลับไปในที่สุด
ณภัทรตื่นขึ้นมาพร้อมเช้าวันใหม่ที่ไม่สดใสนักเพราะรู้สึกปวดตึ๊บที่หัว จ้อนตื่นมาพร้อมอาการปวดเมื่อยไปทั่วทั้งร่าง แน่นอนสิเพราะเมื่อคืนมาวินใช้ร่างของเขาเกินขีดจำกัด
“โอ๊ย... ทำไมปวดเนื้อปวดตัวอย่างนี้ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นฉันจำอะไรไม่ได้เลย จำได้เพียงแค่ว่าไอ้คนพวกนั้นจะเข้ามารุมทำร้ายฉันแต่แกมาสกัดไว้ก่อน จากนั้นฉันก็ไม่รู้สึกตัวอะไรเหมือนวิญญาณออกจากร่างอย่างนั้นแหละ”
จ้อนเดาเหตุการณ์ได้แม่นยำ ณภัทรไม่บอกความจริงออกไปหรอกว่าเมื่อคืนมีวิญญาณหนุ่มยืมร่างเขาออกไปบู๊กับพวกนั้นเสียราบคาบ ขืนบอกไปจ้อนมีหวังได้สติแตก รับไม่ได้ที่มีใครก็ไม่รู้ใช้ร่างกายร่วมกับเขา จ้อนสำรวจตัวเองไม่พบรอยพกช้ำตรงไหน เพื่อนของเขาก็มีเพียงรอยเขียวตรงหางคิ้วซ้าย เมื่อคืนไม่ได้ถูกอัดจนน่วมหรอกเหรอ แปลกใจเหลือเกินหลังจากเขาหมดสติเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ไอ้พวกนั้นไม่ได้อัดเราหรอกเหรอฉันไม่เห็นมีแผลอะไร เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้หรือฉันฝันไป?”
“แกไม่ได้ฝันหรอก เมื่อคืนนี้มีคนมาบุกทำร้ายเราจริง ๆ แต่ที่พวกเราไม่เป็นอะไรเพราะบังเอิญเพื่อนฉันผ่านมาพอดีเลยช่วยจัดการไอ้พวกนั้นหงายเงิบเผ่นหนีหางจุกตูด”
“เพื่อนเหรอ?” จ้อนแปลกใจ นอกจากมีเขาเป็นเพื่อนแล้วยังมีใครอื่นอีก
“อืม... เพิ่งรู้จักกันที่หอนี่แหละ”
“เพื่อนแกคนนี้คงเก่งมาสินะถึงเอาคนตั้งสามคนอยู่ มันเป็นอุลตร้าแมนรึยังไง”
“คงประมาณนั้น” ณภัทรยักไหล่ อยากตะโกนกรอกหูจ้อนดัง ๆ ว่า เมื่อคืนแกโดนผีสิง
จ้อนโทรฯไปร้องโอดโอยกับพ่อแม่ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟังเป็นฉาก ๆ พ่อแม่ของเขาว้าวุ่นใจเป็นห่วงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนบอกจะรีบบึ่งรถมาหาทันที ครึ่งชั่วโมงถัดจากนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ณภัทรเดินไปดูคราวนี้ไม่ลืมมองลอดช่องตาแมว เห็นสองสามีภรรยาแต่งตัวภูมิฐานยืนคอยให้เปิดประตู พ่อแม่ของจ้อนนั่นเองณัทรรีบเปิดประตูต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณลุงคุณน้า” ณภัทรไหว้สวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง พ่อของจ้อนดูอายุมากกว่าภรรยาและพ่อแม่ของเขา เขาจึงเรียกชายคนนี้ว่าลุง ส่วนแม่ของจ้อนดูอ่อนเยาว์กว่าจึงเรียกว่าน้า ทั้งสองรับไหว้แล้วเดินดุ่ม ๆ ไปดูลูกชายที่นอนสำออยอยู่บนเตียง
“เป็นไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ผู้เป็นแม่ถามไถ่อาการลูกชายอย่างเป็นห่วง
“ปวดไปทั้งตัวเลยครับแม่ ขยับทีนี่เจ็บแปล๊บไปทั้งร่าง” จ้อนโอดโอย
ณภัทรอยากเดินเข้าไปดึงคอเสื้อจ้อนขึ้นมาเขย่าแรง ๆ พลางร้องบอกแม่ของจ้อนดัง ๆ ว่า อย่าไปเชื่อมันครับคุณน้ามันโกหก เมื่อกี้ยังลุกไปเข้าห้องน้ำเองได้เลย
“เรามีศัตรูที่ไหนหรือเปล่าถึงได้มาเคาะห้องบุกทำร้ายดึก ๆ ดื่น ๆ” พ่อของจ้อนถาม
ศัตรูทั้งชีวิตนี้คงมีอยู่เพียงคนเดียวคือหมอผีที่เขาทำคาถาอาคมแกเสื่อม ขืนบอกความจริงออกไปพ่อแม่ของจ้อนได้ตราหน้าเขาว่าเป็นอันธพาลหาศัตรูใส่ตัว พานกีดกันลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ให้คบหาสิงสู่เป็นเพื่อนกับเขา
“ผมไม่มีศัตรูที่ไหนหรอกครับ พวกนั้นคงเข้าใจผิดเสียมากกว่า”
“ดูสิพัดเราบาดเจ็บด้วยนิ โห... หางคิ้วช้ำเป็นรอยเขียวเลยท่าทางจะเจ็บน่าดู” แม่ของจ้อนเดินมาดูอาการณภัทรอย่างใส่ใจ
“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ นวดยาหม่องไม่กี่วันก็หาย”
“ไม่ได้นะจ๊ะ อีแค่ยาหม่องจะไปดีได้ยังไง เกิดมันอักเสบบวมยิ่งกว่าเดิมใบหน้าหล่อเหลาของเราจะเสียโฉมเอานะ ไปรักษาที่คลินิกเสริมความงามของน้า ไว้แผลหายดีแล้วจะเลเซอร์หน้าใสให้ด้วย น้าไม่คิดเงินหรอกจ้ะ พัดก็เหมือนลูกชายน้าด้วยอีกคน”
“ปล่อยไว้เฉย ๆ ไม่ได้ ต้องแจ้งความนะนี่มันคดีทำร้ายร่างกายแล้ว อีกอย่างพัดอยู่ที่นี่ต่อคงไม่ปลอดภัย ไม่รู้คนพวกนั้นจะกลับมาทำร้ายอีกรึเปล่า ย้ายไปอยู่คอนโดฯกับจ้อนปลอดภัยกว่า ที่นั่นระบบรักษาความปลอกภัยเขาทันสมัย”
พ่อแม่ของจ้อนน่ารักเหลือเกิน เป็นห่วงเป็นใยเขาไม่ต่างจากลูกชายตัวเอง เขาคงรับทั้งสองข้อเสนอไม่ได้ มันมากเกินไปสำหรับเขา
“ไม่ดีหรอกครับรบกวนเปล่า ๆ อยู่ที่นี่ผมจะระมัดระวังตัวให้มากขึ้น”
“โถ่... พัดอย่าดื้อสิจ๊ะ เล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้อย่ากังวลคิดว่าเป็นการรบกวนเลย จ้อนเองก็เคยชวนเราไปอยู่ด้วยตอนเขาซื้อคอนโดฯใหม่ ๆ เราก็ปฏิเสธไปครั้งหนึ่งแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วนะมันหมายถึงชีวิตเราเลย ย้ายไปอยู่กับจ้อนเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดจ้ะ”
“น่า... อย่าคิดมาก” พ่อของจ้อนกอดคอเขาแสดงความเป็นกันเอง
กว่าจ้อนจะเลิกสำออยแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินเองได้ต้องให้ผู้เป็นแม่ป้อนยาพาราเซตามอนและวิตามินซีบรรจุขวดถึงปาก เขาขอตัวไปนอนตากแอร์เย็นช่ำอยู่ในรถตู้ที่ติดสติ๊กเกอร์ “นิติศักดิ์คลินิก” หนึ่งในธุรกิจของครอบครัว อ้างว่าตัวเองยังปวดเนื้อปวดตัวอยู่ ทิ้งเพื่อนรักและพ่อแม่ให้ช่วยกันขนข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าของณภัทรมาใส่ท้ายรถตู้หลังณภัทรตกลงยอมย้ายมาอยู่คอนโดฯกับจ้อน
คอนโดฯของจ้อนอยู่ในย่านบันเทิงราคาแพงไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยเท่าใดนัก ตัวตึกทันสมัยสูงตระหง่านนับไม่ไหวว่ามีกี่ชั้น ข้างล่างเป็นสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือแวดล้อมไปด้วยไม้ยืนต้นนานาพันธุ์ช่วยลดความแข็งกระด้างไม่เป็นธรรมชาติของตึกลงได้บ้าง จ้อนอยู่ชั้นตั้งสูงสามคนช่วยกันขนของเกือบครึ่งชั่วโมงขึ้นห้อง ห้องของจ้อนใหญ่โตกว้างขวางกว่าห้องเช่าของณภัทรนักราคาท่าจะแพงน่าดู ที่ป้ายประชาสัมพันธ์ด้านล่างระบุไว้ว่าราคาคอนโดฯเริ่มต้นที่ ๑.๗๔ ล้านบาท ในความคิดของณภัทรราคาขนาดนี้แพงเกินไปสำหรับการมาอยู่เบียดเสียดกันหลายร้อยชีวิตในที่ดินเท่าแมวดิ้นตาย
ภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหรา ตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่นมีโซฟาตัวใหญ่ โทรทัศน์จอใหญ่รุ่นล่าสุด ชั้นหนังสือสูงเลยหัวที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือการ์ตูนเต็มชั้น มีประตูบานกระจกเชื่อมต่อสู่ระเบียงสำหรับชมทัศนียภาพ หากเลี้ยวไปฝั่งซ้ายจะเป็นห้องครัวครบชุด ห้องน้ำห้องอาบน้ำและเครื่องซักผ้า หากเลี้ยวไปทางขวาจะเป็นห้องนอนเตียงขนาดคิงไซส์ มีตู้เสื้อผ้าแบบวอร์กอิน ห้องน้ำอีกห้องและโต๊ะเครื่องแป้ง อากาศภายในนี้เย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศหลายบีทียู พัดลมอีแก่ในห้องที่ณภัทรจากมาเทียบไม่ติดเลย
“เตียงนี่แกจะนอนฝั่งไหน?” จ้อนถามณภัทร
“ฝั่งไหนก็ได้”
“งั้นแกนอนฝั่งซ้ายแล้วกันเพราะแกถนัดซ้ายชอบนอนตะแคงหันไปทางซ้าย ถ้าให้แกนอนฝั่งขวาแกจะเตะฉันตกเตียงเอา ตู้เสื้อผ้าแกก็ใช้ฝั่งซ้ายด้วยแล้วกัน เดี๋ยวฉันเคลียร์ของทั้งหมดไปอยู่ฝั่งขวาแล้วก็เอาข้าวของของแกมาเก็บได้เลย” จ้อนพูดอย่างรู้ใจสมเป็นเพื่อนที่คบหากันมานาน
“อยู่ที่นี่คงปลอดภัยแล้ว แต่ถึงยังไงทั้งสองคนก็ต้องดูแลตนเองนะ ไอ้พวกผับบาร์ข้างล่างอย่าได้ชวนกันไปเชียว ไม่อย่างนั้นพ่อจะขายคอนโดฯห้องนี้ทิ้งแล้วให้ไปอยู่ห้องเช่ารังหนูแทน” พ่อของจ้อนพูดไปอย่างนั้นเพราะรู้อยู่แล้วว่าลูกชายไม่ได้ชอบสังคมกลางคืนอย่างนั้น วัน ๆ เอาแต่นั่งติดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทำโน่นทำนี่ ณภัทรก็คงนิสัยคล้ายกันไม่เช่นนั้นคงคบเป็นเพื่อนกันได้ไม่ยาวเช่นนี้
วันนี้เปิดสำนักหมอดูไม่ได้เนื่องจากมาวินไม่ไหวพลังมีไม่เพียงพอ ณภัทรก็เหนื่อยกับเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นอยากพักผ่อนเอาแรงบ้างจึงถือโอกาสมาทำบุญให้มาวินที่วัดใกล้ ๆ มหาวิทยาลัย แม้วัดนี้จะรายล้อมไปด้วยร้านค้าทันสมัย แหล่งบันเทิงวัยรุ่น ห้างสรรพสินค้า แต่บรรยากาศที่นี่กลับสงบร่มเย็นเหมาะแก่การปลีกหลีกหนีเรื่องวุ่นวายในชีวิต ชวนให้ณภัทรคิดถึงบรรยากาศของวัดประจำหมู่บ้าน คิดถึงหลวงลุงที่อบรมบ่มนิสัย สอนให้เขาเข้าใจแก่นแท้ของพุทธศาสนา คิดถึงสวนผักอินทรีย์ของพ่อแม่ที่เคยช่วยดูแลช่วงปิดเทอม เมื่อไหร่จะได้กลับไปเยี่ยมบ้านบ้างหนอ
ชายหนุ่มเข้าไปถวายสังฆทานและกรวดน้ำอุทิศกุศลผลบุญแก่เพื่อนผีของเขา เสร็จจากนั้นก็มานั่งใต้ร่มโพธิ์ต้นใหญ่ ยังไม่อยากกลับตอนนี้ขอดื่มด่ำบรรยากาศสงบเช่นนี้ต่อให้นานอีกหน่อย ระหว่างที่ใจกำลังเป็นสุขมองแสงระยิบระยับจากกระดิ่งทองที่ห้อยชายคาวิหาร เพื่อนผีของเขาก็โผล่จากอากาศธาตุมานั่งข้าง ๆ
“ขอบใจนายมากนะณภัทรที่อุทิศส่วนบุญให้ฉัน ฉันได้รับและตอนนี้กลับมามีพลังเหมือนเดิมแล้ว พรุ่งนี้ช่วยนายดูดวงได้แล้วล่ะ” ผีหนุ่มกล่าว
“เฮ้ย! นายเข้ามาในวัดได้ยังไง ผีกลัววัดกลัวพระไม่ใช่เหรอ?”
“นั่นมันผีในหนังในละคร นายคิดว่าถ้าพระตายไปเป็นผี ผีพระจะกลัวพระเป็น ๆ ไหม?”
“ไม่รู้สิ ช่างมันเถอะตอนนี้ฉันไม่อยากคิดอะไรมาก”
ทั้งสองทอดสายตาออกไปดื่มด่ำกับความวิจิตรงดงามของสถาปัตยกรรมภายในวัด วัยรุ่นสมัยนี้จะรู้กันไหมหนอว่าหลังคากระเบื้องสลับสีของสิ่งก่อสร้างภายในวัดต่างมีความหมายซ่อนอยู่ “สีเหลือง” หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ “สีส้ม” หมายถึงความสุข “สีเขียว” หมายถึงความสดชื่น “สีน้ำเงินหรือสีคราม” หมายถึงการจัดระเบียบ
อยู่ ๆ ก็มีคำถามผุดเข้ามาในหัวของณภัทร เขาไม่ปล่อยให้ค้างคาใจรีบถามเพื่อนผีทันที
“ทำไมนายถึงมาปรากฏตัวให้ฉันเห็นล่ะ?”
“เพราะนายมีสัมผัสพิเศษที่คนอื่นไม่มีไง ฉันจึงติดต่อสื่อสารกับนายได้ จำได้ไหมตอนเด็ก ๆ วิญญาณปู่ของนายเคยมาหา แถมนายก็เป็นคนมีกระแสบุญแรงกล้าดึงดูดวิญญาณเร่ร่อนให้ตามมาขอส่วนบุญ ที่ผ่านมานายเคยเจอผีบ่อยอยู่แหละฉันว่า”
มาวินพูดทำให้นึกขึ้นได้ ภาพความทรงจำสีจางที่ถูกเก็บลงกล่องไปแล้วแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง ตอนอายุประมาณสี่ขวบยังไม่ประสีประสาดีนัก เด็กชายณภัทรเห็นเงาลาง ๆ โปร่งบางยืนอยู่ปลายเตียง เจ้าของร่างมีใบหน้าคล้ายกับคุณปู่ของเขาซึ่งเคยเห็นจากรูปถ่าย ท่านส่งยิ้มให้หลายชายก่อนร่างจะค่อย ๆ เลือนลับไปในความมืด ตอนนั้นเด็กชายณภัทรอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่แน่ใจนักว่าได้พบวิญญาณคุณปู่จริง ๆ หรือเป็นเพียงแค่ฝันไป
ณภัทรไม่เคยเห็นคุณปู่ตัวเป็น ๆ หรอก เนื่องจากท่านเสียก่อนแม่จะตั้งท้องเขา แม่เคยเล่าว่าคุณปู่ท่านเป็นช่างไม้ฝีมือดีที่สุดในอำเภอ อาจจะดีที่สุดในจังหวัดเลยด้วยซ้ำ บ้านที่อาศัยอยู่จนถึงทุกวันนี้ก็มาจากฝีมือท่าน ท่านสามารถสร้างบ้านได้เป็นหลัง ๆ โดยไม่ต้องตอกตะปูแม้แต่ตัวเดียว ตู้หับต่าง ๆ ภายในบ้านก็ฝีมือประกอบอย่างประณีตของคุณปู่ทั้งนั้น
ฝีมือช่างไม้ของคุณปู่โด่งดังไกลจนมีโอกาสได้สร้างเรือนสักทองให้ตระกูลผู้ดีเก่า งานนี้ได้ค่าตอบแทนเยอะเสียจนชาวบ้านชาวช่องขนานนามคุณปู่ว่าเป็นพ่อเลี้ยง ท่านไม่ได้หน้าตาดีอะไร ออกจะขี้เหร่เสียด้วยซ้ำ โครงหน้าสั้นออกเหลี่ยมด้านข้าง ตาหยี โหนกแก้มสูง จมูกแฟบ หูกาง ตีนผมสูง ผิวคล้ำทั้งตัว แต่ท่านเป็นคนคารมดีช่างเอาอกเอาใจจึงพิชิตใจคุณย่าซึ่งอดีตเป็นถึงนางสาวนพมาศ เทพีสงกรานต์ นางรำนำขบวนแห่ ตำแหน่งเหล่านี้ล้วนการันตีถึงความสวยของคุณย่า