
จากที่ถูกมองว่าจะเป็นหนังคว่ำของปี ซึ่งถ้าเป็นจริง โอกาสของหนังภาคต่อนั้นคงไม่มีแน่ๆ แต่อย่าลืิมว่า ผูกำกับมาร์ค ฟอสเตอร์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปี 2012 แล้วว่า เขามองหนังเรื่องนี้ว่าเป็นภาคแรกของหนังไตรภาค แต่นั่นคือความคิดก่อนที่หนังจะเจอปัญหาต่างๆ นานา ฉากจบถูกเปลี่ยน หนังถูกเลื่อนฉาย มีการถ่ายทำใหม่ ซึ่งกลบทุกอย่างที่จะทำให้หนังภาคต่อเดินหน้าโดยสิ้นเชิง
แต่เมื่อหนังเปิดตัวด้วยรายได้ 111.8 ล้านเหรียญทั่วโลก ซึ่งเป็นการเปิดตัวที่ดีมากสำหรับหนังที่ไม่ใช่ภาคต่อ ความมั่นใจก็กลับมา ทางพาราเมาท์เริ่มต้นเตรียมการสำหรับหนังภาคต่อ เพราะแม้หนังจะถูกมองว่าเป็นไตรภาคตั้งแต่แรก แต่หนังก็มีการเปลี่ยนตอนจบที่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ทำให้เรื่องที่ถูกวางไว้ในตอนแรกเป็นแค่ทางเลือกหนึ่งเท่านั้น
และฉากจบใหม่ ที่ต้องใช้เวลาถ่ายทำกันถึง 7 สัปดาห์ของหนัง (ใครที่ยังไม่ได้ชม และต้องการชม World War Z เนื้อหามีการเปิดเผยเรื่องราวของหนัง) และต้องตามตัวเดวิด ลินเดลอฟ กับ ดรูว์ ก็อดดาร์ด มาเขียนบทนั้น
เริ่มต้นตั้งแต่บนเครื่องบินที่เจอร์รี่ (แบรด พิทท์) และเซเก้น (ทหารอิสราเอล) ขึ้น ออกจากเยรูซาเล็ม และแทนที่จะไปจบที่สำนักงานขององค์การอนามัยโลก ทั้งคู่จะเดินทางไปที่มอสโคว์ และเดินทางไปถึงโดยที่ไม่มีเหตุการณ์อะไร ที่รัสเซียผู้โดยสารจะถูกแบ่งออกจากกัน คนป่วยและคนแก่จะถูกสังหาร และคนที่ปกติ (รวมทั้งเจอร์รี่) จะถูกส่งไปอยู่กับกองทหารเพื่อทำสงครามกับซอมบี้ และโทรศัพท์ของเขาถูกทหารรัสเซียเอาไป ทำให้เจอร์รี่ขาดการติดต่อกับครอบครัว
หลายเดือนต่อมา เจอร์รี่ได้รับผลกระทบจากการออกล่าซอมบี้ เขากลายเป็นพวกอำมหิต เป็นผู้นำทหารเข้าต่อสู้ด้วยการใช้โลบอส ขวานที่ออกแบบมาเพื่อการต่อสู้ ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในนิยาย หนังจะแสดงให้เห็นภาพสงครามในรัสเซีย ที่มีทั้งการแบ่งนักสู้ตามความเชื่อทางศาสนา และการกำจัดซอมบี้ ที่แตกต่างไปจากหนังที่ออกฉายโดยสิ้นเชิง หลังผ่านการสู้รบที่กินเวลานานหลายเดือน เมื่อถึงหน้าหนาวเจอร์รี่ก็พบว่า ซอมบี้เคลื่อนไหวได้ช้ากว่าเดิมมาก และกลายเป็นหัวใจในการเอาชนะพวกมัน
ไม่นานหลังจากเขาก็พบโทรศัพท์ของตัวเอง และพยายามติดต่อกับคาริน ภรรยา ในที่สุดเขาโทรหาเธอจนพบ คารินอพยพไปอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยเหมือนหนังที่ออกฉายให้ดูกัน แต่เป็นที่เอเวอร์แกลดส์ บอกกับเธอว่าอากาศหนาวคือวิธีในการเอาชนะซอมบี้ ซึ่งเอเวอร์เกลดส์ ไม่มีอากาศที่หนาวเย็นมาช่วยปกป้อง ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ที่นี่ต้องใช้การแลกเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัย และคารินก็ใช้ร่างกายของเธอเข้าแลก เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจอร์รี่ แต่จริงๆ แล้วเธออยู่กินกับทหารที่ช่วยเหลือเจอร์รี่ กับเธอ และเด็กๆ จากบนหลังคาในตอนต้นเรื่องของหนัง ซึ่งหากใครจำได้ จะพบว่าทหารคนนั้นรับบทโดยแม็ทธิว ฟ็อกซ์ และการที่ได้รู้บทฉบับดั้งเดิมก็น่าจะอธิบายได้ว่า ทำไมบทที่ในหนังพูดแค่เพียงประโยคเดียว จะต้องใช้นักแสดงมีชื่ออย่างฟ็อกซ์มาเล่น
ตัวละครตัวนี้ยังโทรกลับไปหาเจอร์รี่ บอกให้เดินหน้าต่อใช้ชีวิตของตัวเองไป แต่เจอร์รี่ปฏิเสธ เขาออกตามหาคารินร่วมกับเซเก้นจากรัสเซีย ในที่สุดก็มาขึ้นฝั่งที่ชายหาดโอเรกอน และหนังก็จบลงตรงนี้ ซึ่งเป็นการจบที่เปิดทางสำหรับภาคต่อมากๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงภาวะล่มสลายได้ชัดเจน หลังทำสงครามกับซอมบี้ มนุษย์ก็ต้องมาต่อสู้แย่งชิงกัน ซึ่งทำให้หนังมีมิติมากขึ้น แต่ก็น่าจะมีความรุนแรง ดิบ มากกว่าเดิม เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่พาราเมาท์จะยอมให้หนังจบลงในแบบนี้ ซึ่งไม่น่าจะถูกใจคอหนังซัมเมอร์แน่ๆ
ไม่มีใครรู้ว่าหนังตามบทนี้นั้นถ่ายทำไปถึงขนาดไหน แต่ก็มีภาพจากกองถ่ายหลุดออกมาให้เห็นว่า พิทท์กับดาเนียลลา คอร์เตซ ที่รับบทเป็นเซเกน นั่งอยู่บนเรือที่แล่นไปบนน้ำแข็ง ซึ่งแสดงว่ามีการถ่ายฉากที่เจอร์รี่กลับมาที่อเมริกา
และเป็นไปได้ว่า การถ่ายทำที่เกิดขึ้น น่าจะมีให้ชมเป็นเนื้อหาพิเศษในบลู-เรย์ หรือดีวีดี
จาก
http://www.sadaos.com/

อ่านกันหรือยังครับ ฉากจบฉบับดั้งเดิมของ WWZ หดหู่อ่า แต่ก็น่าจะอลังการเหลือหลาย ^^
จากที่ถูกมองว่าจะเป็นหนังคว่ำของปี ซึ่งถ้าเป็นจริง โอกาสของหนังภาคต่อนั้นคงไม่มีแน่ๆ แต่อย่าลืิมว่า ผูกำกับมาร์ค ฟอสเตอร์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปี 2012 แล้วว่า เขามองหนังเรื่องนี้ว่าเป็นภาคแรกของหนังไตรภาค แต่นั่นคือความคิดก่อนที่หนังจะเจอปัญหาต่างๆ นานา ฉากจบถูกเปลี่ยน หนังถูกเลื่อนฉาย มีการถ่ายทำใหม่ ซึ่งกลบทุกอย่างที่จะทำให้หนังภาคต่อเดินหน้าโดยสิ้นเชิง
แต่เมื่อหนังเปิดตัวด้วยรายได้ 111.8 ล้านเหรียญทั่วโลก ซึ่งเป็นการเปิดตัวที่ดีมากสำหรับหนังที่ไม่ใช่ภาคต่อ ความมั่นใจก็กลับมา ทางพาราเมาท์เริ่มต้นเตรียมการสำหรับหนังภาคต่อ เพราะแม้หนังจะถูกมองว่าเป็นไตรภาคตั้งแต่แรก แต่หนังก็มีการเปลี่ยนตอนจบที่ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ทำให้เรื่องที่ถูกวางไว้ในตอนแรกเป็นแค่ทางเลือกหนึ่งเท่านั้น
และฉากจบใหม่ ที่ต้องใช้เวลาถ่ายทำกันถึง 7 สัปดาห์ของหนัง (ใครที่ยังไม่ได้ชม และต้องการชม World War Z เนื้อหามีการเปิดเผยเรื่องราวของหนัง) และต้องตามตัวเดวิด ลินเดลอฟ กับ ดรูว์ ก็อดดาร์ด มาเขียนบทนั้น
เริ่มต้นตั้งแต่บนเครื่องบินที่เจอร์รี่ (แบรด พิทท์) และเซเก้น (ทหารอิสราเอล) ขึ้น ออกจากเยรูซาเล็ม และแทนที่จะไปจบที่สำนักงานขององค์การอนามัยโลก ทั้งคู่จะเดินทางไปที่มอสโคว์ และเดินทางไปถึงโดยที่ไม่มีเหตุการณ์อะไร ที่รัสเซียผู้โดยสารจะถูกแบ่งออกจากกัน คนป่วยและคนแก่จะถูกสังหาร และคนที่ปกติ (รวมทั้งเจอร์รี่) จะถูกส่งไปอยู่กับกองทหารเพื่อทำสงครามกับซอมบี้ และโทรศัพท์ของเขาถูกทหารรัสเซียเอาไป ทำให้เจอร์รี่ขาดการติดต่อกับครอบครัว
หลายเดือนต่อมา เจอร์รี่ได้รับผลกระทบจากการออกล่าซอมบี้ เขากลายเป็นพวกอำมหิต เป็นผู้นำทหารเข้าต่อสู้ด้วยการใช้โลบอส ขวานที่ออกแบบมาเพื่อการต่อสู้ ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในนิยาย หนังจะแสดงให้เห็นภาพสงครามในรัสเซีย ที่มีทั้งการแบ่งนักสู้ตามความเชื่อทางศาสนา และการกำจัดซอมบี้ ที่แตกต่างไปจากหนังที่ออกฉายโดยสิ้นเชิง หลังผ่านการสู้รบที่กินเวลานานหลายเดือน เมื่อถึงหน้าหนาวเจอร์รี่ก็พบว่า ซอมบี้เคลื่อนไหวได้ช้ากว่าเดิมมาก และกลายเป็นหัวใจในการเอาชนะพวกมัน
ไม่นานหลังจากเขาก็พบโทรศัพท์ของตัวเอง และพยายามติดต่อกับคาริน ภรรยา ในที่สุดเขาโทรหาเธอจนพบ คารินอพยพไปอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยเหมือนหนังที่ออกฉายให้ดูกัน แต่เป็นที่เอเวอร์แกลดส์ บอกกับเธอว่าอากาศหนาวคือวิธีในการเอาชนะซอมบี้ ซึ่งเอเวอร์เกลดส์ ไม่มีอากาศที่หนาวเย็นมาช่วยปกป้อง ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ที่นี่ต้องใช้การแลกเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัย และคารินก็ใช้ร่างกายของเธอเข้าแลก เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเจอร์รี่ แต่จริงๆ แล้วเธออยู่กินกับทหารที่ช่วยเหลือเจอร์รี่ กับเธอ และเด็กๆ จากบนหลังคาในตอนต้นเรื่องของหนัง ซึ่งหากใครจำได้ จะพบว่าทหารคนนั้นรับบทโดยแม็ทธิว ฟ็อกซ์ และการที่ได้รู้บทฉบับดั้งเดิมก็น่าจะอธิบายได้ว่า ทำไมบทที่ในหนังพูดแค่เพียงประโยคเดียว จะต้องใช้นักแสดงมีชื่ออย่างฟ็อกซ์มาเล่น
ตัวละครตัวนี้ยังโทรกลับไปหาเจอร์รี่ บอกให้เดินหน้าต่อใช้ชีวิตของตัวเองไป แต่เจอร์รี่ปฏิเสธ เขาออกตามหาคารินร่วมกับเซเก้นจากรัสเซีย ในที่สุดก็มาขึ้นฝั่งที่ชายหาดโอเรกอน และหนังก็จบลงตรงนี้ ซึ่งเป็นการจบที่เปิดทางสำหรับภาคต่อมากๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงภาวะล่มสลายได้ชัดเจน หลังทำสงครามกับซอมบี้ มนุษย์ก็ต้องมาต่อสู้แย่งชิงกัน ซึ่งทำให้หนังมีมิติมากขึ้น แต่ก็น่าจะมีความรุนแรง ดิบ มากกว่าเดิม เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่พาราเมาท์จะยอมให้หนังจบลงในแบบนี้ ซึ่งไม่น่าจะถูกใจคอหนังซัมเมอร์แน่ๆ
ไม่มีใครรู้ว่าหนังตามบทนี้นั้นถ่ายทำไปถึงขนาดไหน แต่ก็มีภาพจากกองถ่ายหลุดออกมาให้เห็นว่า พิทท์กับดาเนียลลา คอร์เตซ ที่รับบทเป็นเซเกน นั่งอยู่บนเรือที่แล่นไปบนน้ำแข็ง ซึ่งแสดงว่ามีการถ่ายฉากที่เจอร์รี่กลับมาที่อเมริกา
และเป็นไปได้ว่า การถ่ายทำที่เกิดขึ้น น่าจะมีให้ชมเป็นเนื้อหาพิเศษในบลู-เรย์ หรือดีวีดี
จาก http://www.sadaos.com/