จะสู้ศึก แล้ว กลัวไปไย เชิญไส ช้างออกมาสู้กัน

ผมเห็น สงครามสื่อที่ออกมา เกทับกัน ในเรื่องของบ้านเมือง
แล้วอดไม่ได้ ที่จะเอาไปเทียบกับ สงคราม ระหว่างกรุงศรีอยุธยา
กับ กรุงหงสาวดี  ศึกครั้งนั้น พม่า โดยพระเจ้านันทบุเรง ทรง มีบัญชา
ให้ พระมหาอุปราช ยกกองทัพ ไพร่พล สองแสนสี่หมื่น มาบุก กรุงศรีอยุธยา
สมเด็จพระนเรศวร ทรง จัดทัพ ออกไปต่อสู้ ร่วมกับ พระอนุชา ด้วยกำลัง
หนึ่งแสน คน  ข้ามแม่น้ำ สุพรรณ ไปตั้งทัพที่ หนองสาหร่าย

เช้าวันจันทร์ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. 2135 เกิดการสู้รบ ช้างทรงของ สมเด็จพระนเรศวร
และ พระเอกาทศรถ พระอนุชา ไล่ตาม พม่า เข้าไปในวงล้อม ของ เหล่าพม่า
ทรงเห็น พระมหาอุปราช ยืนช้างอยู่ไต้ร่มไม้  ด้วยความกล้าหาญ พระองค์ ทรงร้องเรียกให้
พระมหาอุปราช ออกมาชนช้างเพื่อเป็นเกียรติ ต่อคนรุ่นหลัง  พระมหาอุปราช ทรง ออกมาสู้รบด้วย
ความเป็นมานะกษัตริย์
ไสช้างชนช้างของสมเด็จพระนเรศวรจนเสียหลัก แล้วฟัน ด้วยพระแสงของ้าว พระนเรศวร ทรงเบี่ยงหลบ
  ของ้าว ถูก พระมาลาหนังจนขาด  และในที่สุดพระองค์ ก็ได้โอกาศ ฟันพระมหาอุปราช ที่ สีข้างตายคา คอช้าง

เปรียบกับ สถานะการณ์ ทุกวันนี้ของบ้านเมือง  ต่างฝ่ายต่าง ออกมาใช้สงครามปาก ทำลายซึ่งกันและกัน
จนประชาชน อย่างผม อย่าง พ่อใหญ่ รู้สึกได้ถึง ความไม่ปรกติ  ครับ ประธาน ตลก ลาออก มีนัยะ
ตั้งรัฐมนตรี มีนัยยะ  ขายข้าว  ซื้อข้าว มีนัยะ จะกู้เงิน มากอบกู้ ปัญหาน้ำท่วม มีนัยยะ  จะทำโครงการ 2.2 ล้าน ๆ
มีนัยยะ  แก้รัฐธรรมนูย มีนัยยะ  จะกินข้าว เอ้ามีอีก

ก็จะยืนช้าง ด่าทอกันทำไมครับ ออกมาเปิดหน้าสู้รบกันให้เต็มอัตราศึกกันไปเลย ให้ รู้ดี รุ้ชั่วกันไป
เพราะไหน ๆ ก็พูดคุย กันไม่ได้ แล้ว ไหน ๆ ประชาธิปไตย ที่ดี ๆ ก็มีไม่ได้แล้ว  ยืน นี่งเฉย ให้ไพร่พล สู้รบ กัน จนตายไป
เปล่า ๆทำไม  ออกมาสู้รบกันตรง ๆ ให้ บันทึก เป็นประวัติศาสตร์  ที่จะบันทึก ไว้ เหมือน สมเด็จ พระนเรศวรทรง
กระทำ  ผู้แพ้ ก็ถูก บันทึกว่า กล้าหาญ ผู้ชนะ ก็ถูกบันทึก ว่าได้สู้รบกันอย่างลูกผู้ชายพึงกระทำ
พูดตรง ๆว่า อย่าเป็น อีแอบกันอยู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่