รอยเตอร์ – ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า แห่งสหรัฐฯ wfhเอ่ยถึงเด็กหนุ่มผิวสี เทรย์วอน มาร์ติน ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตที่รัฐฟลอริดาว่า อาจจะเป็น “ตัวผมเองเมื่อ 35 ปีก่อน” พร้อมวิงวอนให้ประชาชนชาวอเมริกันเข้าใจความรู้สึกปวดร้าวของคนผิวสีที่มีต่อคำตัดสินของศาลในคดีนี้
นาย บารัค โอบาม่า ได้ปรากฏตัวในห้องแถลงข่าวของทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (19) เพื่อแสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่ จอร์จ ซิมเมอร์แมน อาสาสมัครป้องกันชุมชนในเมืองแซนฟอร์ด รัฐฟลอริดา ถูกศาลตัดสินให้ไม่มีความผิดในคดียิง เทรย์วอน มาร์ติน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ปีที่แล้ว
คำพิพากษาของศาลแห่งรัฐฟลอริดาเมื่อวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่ขัดแย้งในสังคมอเมริกันต่อการใช้เชื้อชาติและสีผิวมาเป็นหลักตั้งข้อสงสัยผู้กระทำผิด (racial profiling) โดยชาวอเมริกันผิวสีส่วนใหญ่เชื่อว่า จอร์จ ซิมเมอร์แมน จงใจเดินตามไปยิง เทรย์วอน มาร์ติน เพราะเห็นว่าเขาเป็นคนผิวสี และ ไม่เชื่อที่เขาอ้างว่า ทำไปเพื่อป้องกันตนเอง
โอบาม่า กล่าวเป็นนัยๆว่า ตนเองก็เป็นคนหนึ่งที่คิดว่าโศกนาฏกรรมเช่นนี้ ไม่ควรเกิดขึ้น พร้อมกับแสดงความเสียใจและยกย่องครอบครัวของ มาร์ติน ว่า “อดทนรับสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นได้อย่างงดงามและมีเกียรติ”
ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่า ศาลแห่งรัฐฟลอริดาได้ดำเนินการไต่สวนคดีนี้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันก็ขอร้องให้ชาวอเมริกันทุกคนเข้าใจมุมมองของคนผิวสี ซึ่งเผชิญการกีดกันและแบ่งแยกในสังคมมาโดยตลอด
“ตอนที่ทราบข่าว เทรย์วอน มาร์ติน ถูกยิง ผมยังพูดว่ามันอาจเกิดขึ้นกับลูกชายของผมเองก็ได้ และหากจะว่าไปแล้ว เทรย์วอน มาร์ติน ก็ไม่ต่างจากตัวผมเอง เมื่อ 35 ปีก่อน” บารัค โอบาม่า ในวัย 51 ปีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้า พร้อมเล่าปมอดีตของตนเอง ซึ่งเกิดที่รัฐฮาวาย โดยเป็นบุตรของมารดาชาวอเมริกันผิวขาว และ บิดาผิวสีชาวเคนย่า
“แทบไม่มีชายแอฟริกัน-อเมริกันคนใด ในประเทศนี้ที่ไม่เคยถูกเดินตามระหว่างที่เลือกซื้อของในห้างสรรพสินค้า แม้กระทั่งตัวผมเอง” โอบาม่า กล่าว และเอ่ยถึงประสบการณ์วัยเด็กที่เขาเคยเดินไปตามท้องถนน และได้ยินเสียงเจ้าของรถกดล็อคประตูด้วยความไม่ไว้วางใจ
“คงไม่มีชายแอฟริกัน-อเมริกันคนไหนไม่เคยเจอว่า ผู้หญิงที่ก้าวเข้ามาในลิฟต์ตัวเดียวกับเรากอดกระเป๋าของเธอไว้แน่น และยืนนิ่งตัวแข็งจนกระทั่งเธอออกไปได้ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอ”
ผู้นำสหรัฐฯยังชี้ว่า แม้ปัญหาเรื่องสีผิวจะเกิดน้อยลงในรุ่นลูกสาวของเขา แต่ถึงกระนั้นประชาชนชาวอเมริกันก็ควร “ตรวจสอบใจตนเอง” ว่ายังมีอคติ และตัดสินคนด้วยสีผิวมากกว่านิสัยใจคอหรือไม่
ซีบรินา ฟูลตัน และ เทรซี่ มาร์ติน ซึ่งเป็นบิดามารดาของเทรย์วอน ได้ออกมาขอบคุณ โอบาม่า เมื่อวานนี้ (19) โดยระบุว่า ตนเองทราบดีว่าการตายของบุตรชายและคำตัดสินของศาลได้สร้างความเจ็บปวดต่อคนจำนวนมาก
“สิ่งที่กระทบใจคนทั้งหลายก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดกับ เทรย์วอน เบนจามิน มาร์ติน ลูกชายของเรา อาจจะเกิดกับลูกของพวกเขาเองด้วย วันนี้ประธานาธิบดีโอบาม่ามองเห็นตนเองในตัวของเทรย์วอน และแสดงความเห็นใจต่อเขา นี่เป็นการไว้อาลัยที่งดงามต่อลูกชายของเรา”
สังคมอเมริกันมีปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกันไปต่อคำพิพากษาปล่อยตัว จอร์จ ซิมเมอร์แมน โดยผลสำรวจของรอยเตอร์-อิปซอส พบว่า ร้อยละ 33 เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล ในขณะที่ร้อยละ 39 คิดว่าคำตัดสินออกมาไม่ถูกต้อง
ชาวอเมริกันร้อยละ 68 ยังไม่เห็นด้วยกับวิธีการของตำรวจอเมริกา ที่มักใช้สีผิว เป็นข้ออ้างในการระบุตัวผู้ต้องสงสัยในการกระทำความผิด
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000089261
“โอบาม่า” ชี้เด็กหนุ่มเหยื่อกระสุนจากการเหยียดสีผิว “เทรย์วอน มาร์ติน” อาจเป็นตนเองก็ได้ วอนสังคมเห็นใจคนผิวสี
นาย บารัค โอบาม่า ได้ปรากฏตัวในห้องแถลงข่าวของทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (19) เพื่อแสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่ จอร์จ ซิมเมอร์แมน อาสาสมัครป้องกันชุมชนในเมืองแซนฟอร์ด รัฐฟลอริดา ถูกศาลตัดสินให้ไม่มีความผิดในคดียิง เทรย์วอน มาร์ติน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ปีที่แล้ว
คำพิพากษาของศาลแห่งรัฐฟลอริดาเมื่อวันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่ขัดแย้งในสังคมอเมริกันต่อการใช้เชื้อชาติและสีผิวมาเป็นหลักตั้งข้อสงสัยผู้กระทำผิด (racial profiling) โดยชาวอเมริกันผิวสีส่วนใหญ่เชื่อว่า จอร์จ ซิมเมอร์แมน จงใจเดินตามไปยิง เทรย์วอน มาร์ติน เพราะเห็นว่าเขาเป็นคนผิวสี และ ไม่เชื่อที่เขาอ้างว่า ทำไปเพื่อป้องกันตนเอง
โอบาม่า กล่าวเป็นนัยๆว่า ตนเองก็เป็นคนหนึ่งที่คิดว่าโศกนาฏกรรมเช่นนี้ ไม่ควรเกิดขึ้น พร้อมกับแสดงความเสียใจและยกย่องครอบครัวของ มาร์ติน ว่า “อดทนรับสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นได้อย่างงดงามและมีเกียรติ”
ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่า ศาลแห่งรัฐฟลอริดาได้ดำเนินการไต่สวนคดีนี้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันก็ขอร้องให้ชาวอเมริกันทุกคนเข้าใจมุมมองของคนผิวสี ซึ่งเผชิญการกีดกันและแบ่งแยกในสังคมมาโดยตลอด
“ตอนที่ทราบข่าว เทรย์วอน มาร์ติน ถูกยิง ผมยังพูดว่ามันอาจเกิดขึ้นกับลูกชายของผมเองก็ได้ และหากจะว่าไปแล้ว เทรย์วอน มาร์ติน ก็ไม่ต่างจากตัวผมเอง เมื่อ 35 ปีก่อน” บารัค โอบาม่า ในวัย 51 ปีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้า พร้อมเล่าปมอดีตของตนเอง ซึ่งเกิดที่รัฐฮาวาย โดยเป็นบุตรของมารดาชาวอเมริกันผิวขาว และ บิดาผิวสีชาวเคนย่า
“แทบไม่มีชายแอฟริกัน-อเมริกันคนใด ในประเทศนี้ที่ไม่เคยถูกเดินตามระหว่างที่เลือกซื้อของในห้างสรรพสินค้า แม้กระทั่งตัวผมเอง” โอบาม่า กล่าว และเอ่ยถึงประสบการณ์วัยเด็กที่เขาเคยเดินไปตามท้องถนน และได้ยินเสียงเจ้าของรถกดล็อคประตูด้วยความไม่ไว้วางใจ
“คงไม่มีชายแอฟริกัน-อเมริกันคนไหนไม่เคยเจอว่า ผู้หญิงที่ก้าวเข้ามาในลิฟต์ตัวเดียวกับเรากอดกระเป๋าของเธอไว้แน่น และยืนนิ่งตัวแข็งจนกระทั่งเธอออกไปได้ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอ”
ผู้นำสหรัฐฯยังชี้ว่า แม้ปัญหาเรื่องสีผิวจะเกิดน้อยลงในรุ่นลูกสาวของเขา แต่ถึงกระนั้นประชาชนชาวอเมริกันก็ควร “ตรวจสอบใจตนเอง” ว่ายังมีอคติ และตัดสินคนด้วยสีผิวมากกว่านิสัยใจคอหรือไม่
ซีบรินา ฟูลตัน และ เทรซี่ มาร์ติน ซึ่งเป็นบิดามารดาของเทรย์วอน ได้ออกมาขอบคุณ โอบาม่า เมื่อวานนี้ (19) โดยระบุว่า ตนเองทราบดีว่าการตายของบุตรชายและคำตัดสินของศาลได้สร้างความเจ็บปวดต่อคนจำนวนมาก
“สิ่งที่กระทบใจคนทั้งหลายก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดกับ เทรย์วอน เบนจามิน มาร์ติน ลูกชายของเรา อาจจะเกิดกับลูกของพวกเขาเองด้วย วันนี้ประธานาธิบดีโอบาม่ามองเห็นตนเองในตัวของเทรย์วอน และแสดงความเห็นใจต่อเขา นี่เป็นการไว้อาลัยที่งดงามต่อลูกชายของเรา”
สังคมอเมริกันมีปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกันไปต่อคำพิพากษาปล่อยตัว จอร์จ ซิมเมอร์แมน โดยผลสำรวจของรอยเตอร์-อิปซอส พบว่า ร้อยละ 33 เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล ในขณะที่ร้อยละ 39 คิดว่าคำตัดสินออกมาไม่ถูกต้อง
ชาวอเมริกันร้อยละ 68 ยังไม่เห็นด้วยกับวิธีการของตำรวจอเมริกา ที่มักใช้สีผิว เป็นข้ออ้างในการระบุตัวผู้ต้องสงสัยในการกระทำความผิด
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000089261