เกริ่นก่อนนะ
ช่วงนั้นกำลังหางานทำ แล้วงานที่เราอยากทำมันอยู่กรุงเทพ เราก็เลยว่าจะหางานทำไปก่อนเพื่อเก็บตังค์และเป็นงานที่ใกล้บ้าน
วันนั้นเราไปเดินห้างเล่น เลยเข้าไปสมัครแบบไม่คิดไรมาก แต่ไม่ได้ตั้งใจไปสมัครงานแบงค์นะ
เชื่อมั้ยค่ะ สมัครไปตอน12.00 น. พอประมาน 15.00 โทรมา เรียกไปสอบและสัมภาษในวันถัดไป พอวันรุ่งขึ้นเราก้อไปสอบ
ข้อสอบมี 5 ชุด 1 . ข้อสอบเกี่ยวกับความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ ของธนาคาร
2. ข้อสอบ เชาว์ปัญญา
3. ข้อสอบอังกฤษ
4. ข้อสอบ เลข แบบไม่มี choice นะ เขียนคำตอบเพียวๆ
5. ข้อสอบด้าน ทัศนคติ
สอบเสร็จตกเย็น โทรมาประกาศผลเลยจร้า( แมร่งเร็วไปป่าวว่ะ ) จนท. บอกว่า ผ่านนะค่ะ ไปตรวจร่างกายได้เลย
ถ้าผลร่างกายผ่านก็มาเซ็นสัญญาเลย เราก็เลยตามเลย ไปตามน้ำจร้า ทั้งที่ไม่อยากทำเท่าไหร่
บอกตรงนะตอนไปสมัครคิดแค่ว่าชุดสวย
****จะว่าเราคิดน้อยก้อได้นะ แต่ตอนนั้นไม่มีทางเลือกอื่นๆจริง ใกล้บ้านด้วย แล้วเราเองก็ร้อนเงินถ้าไม่ทำหนี้ท่วมหัวแน่ๆ***
พอได้เซ็นสัญญา ก็เริ่มงาน เมื่อประมาน กลางปี 2556 ที่ผ่านมา
--------ช่วง 1 แรกเริ่ม
เราจะนั่งเครื่องไม่ได้เนื่องจากยังไม่ได้ไปฝึก ที่ศูนย์ฝึกอบรมกรุงเทพ
เราจะยืนเป็นเซอร์วิส รับลูกค้า ถามเค้าว่ามาทำธุรกรรมอะไร แล้วบอกเค้าว่าต้องไปจุดไหน
พอตกเย็นแบงค์ปิดรับลูกค้า งานต่อมาก็คือเก็บ เอกสาร เช่น การ์ดลายเซ็น เก็บเอกสารใบเปิดบัญชี
ทุกคนมีหน้าที่หมด แต่ตอนเย็นจะเป็นบรรยากาศแบบไม่เร่งรีบ (นึกในใจไม่อยากรีบกลับบ้านกัลรึไง )
ที่สำคัญจะกลับก่อนไม่ได้ถ้าหัวหน้ายังไม่กลับ สรุป.....ได้กลับบ้านหลัง 6 โมงเย็นขึ้นไปทุกวัน
บางวันก็ 2 ทุ่ม ................ประเด็นคือ ไม่มี ค่า OT งานเยอะแค่ไหนก็ไม่ได้ เหนื่อยมาก ค่าแรงก็ไม่ได้เพิ่ม
ยิ่งวันไหนที่ยอดเงินไม่ตรง ปิดระบบไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึง คนที่ผิดจะเครียด เพราะจะทำให้คนอื่นกลับบ้านช้าขึ้น
เหมือนไปเพิ่มภาระให้เค้า
------ช่วง 2 ไปอบรม
ผ่านไป 3 อาทิด สาขาส่งตัวไปฝึกอบรมที่กรุงเทพ ช่วงที่ฝึกอบรมประมาน 2 อาทิดกว่าๆ
เหนื่อยนะ ต้องสอบให้ผ่าน ถ้าไม่ผ่านเค้าจะให้เราสอบซ่อมเลย เช่นเพื่อนที่ไปอบรมด้วยกัล
สอบไม่ผ่านเรื่องนี้ ก็จะให้กลับไปสรุปเกือบทั้งเล่ม แล้วนำมาส่ง เพื่อที่จะให้คะแนนผ่าน เพื่อนเราได้นอน ตี 2
เขียนกัลจนเมื่อยอ่ะ ++มันเหนื่อยนะ หนังสือหนึ่งเล่ม วันนี้เรียนครึ่งเล่ม พรุ่งนี้เรียนอีกครึ่งเล่ม แล้วสอบเลย++
เป็นอย่างนี้จนจบหลักสูตร
(ลืมบอก คือแบบว่าไม่ได้ดูถูกนะ แต่เราเคยคิดว่า งานแบงค์คงมีแต่คนที่จบ มหาลัยมีชื่อเสียงหรือ ดีๆ มาสมัครงาน
แต่วันที่ไปอบรม .....90 เปอร์เซ็น คือคนที่จบมาจาก ราชภัฏ ราชมงคล.....เค้าก็เก่งนะไม่ได้ดูถูกความสามารถ แต่เราคิดว่า
จะได้มาเจอเพื่อน แบบว่า ธรรมศาสตร์ ม.เชียงใหม่ มศว. ม.เกษตร อะไรงี้ ช่างมันเถอะ คนเราวัดกันที่ความสามารถ
ไม่ใช่สถาบันการเรียน จริงมั้ย)
-----ช่วงที่ 3 ชีวิตจริง
มีแต่ งานขาย ขาย และก้อขาย ยอดมาเลย เราสาขาใหญ่ บัตรเครดิต 5 /บัตรเงินสดspeedy 5/ /ฝากประจำ 5 บัญชี/
สินเชื่อรถยนต์ 1 / ประกันชีวิต อีก1 / กูจะไปขายให้ใคร แต่ก่อนเราเกลียดคนขายตรงมากแค่ไหน
ทำไม่ได้ไม่พิจารณาให้ผ่านโปรการทดลองงาน
คิดดูงานนั่งเครื่องก็มีความเสี่ยงสูงพออยู่แล้ว เพราะต้องใช้สติ สมาธิ การวิเคราะห์ พอสมควรอยู่แล้ว
การทำรายการผิดจะส่งผลกระทบต่อตัวเรา หัวหน้า ผจก เจ้าของธุรกิจ
******ตัวอย่างนะ มีลูกค้ามาชำระสินค้า แต่เราตัดยอดผิด กลายเป็นว่าส่งผลต่อธุรกิจของเค้าในทันที แทนที่เค้าจะได้ของ
จากการชำระสินค้า ต้องมารอการ แก้ไข้ของเรา เพราะการแก้ไข้ต้องมีขั้นตอน ต้องใช้เวลา ก่อให้เกิดมูลค่าความเสียหายของลูกค้า
เสียหายหลายแสน ตัวเราเหมือนมีคดีติดตัว องค์กรเสียภาพลักษณ์
ใครว่างานสบาย ไม่ใช้สมอง สติเท่านั้นช่วยคุณได้ ******
เพราะเราทำงานอยู่กับเงิน ขาดหรือเกิน ต้องรับผิดชอบ ต้องมีสติมากกกกกก
เทียบเงินตอนเย็นทีไร ใจสั่นภาวนา ให้ยอดเงินตรง
โธ่ชีวิต........งานก้อต้องใช้สติ แถมยังต้องมาเสนอขายผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้า ชวนคุย
แล้วเป็นยังไงล่ะ สติก้อหลุดสิค่ะ คิดเอาเอง 555
อยากโตในสายงาน ต้องทำยอดเท่านั้น ทำงานเก่งไม่ช่วยอะไรเลย
แต่ละคนหน้าตา กระหายลูกค้าทั้งนั้น บรรยากาศในธนาคาร มีผลประโยชน์แอบแฝงทั้งนั้น
สมมุติว่าทุกคนมียอด แล้วมีลูกค้าที่มีกะตังค์เดินเข้ามา ทุกคนก้อหวังจะขายทั้งนั้น ว่าแต่จะไปตกถึงมือใครเท่านั้นเอง
***เรามีตัวอย่าง***
มีลูกค้าเดินมาสมัครบัตรเครดิตกะเรา เนื่องจากเค้าอยากทำเอง ไม่ได้ชวน
เราก้อกรอกเอกสารให้เค้าจนเสร็จ พอตกเย็น พี่ในสาขาคนหนึ่ง ปกติเค้าไม่เคยมาขอดูเอกสารเราเลย
จู่ๆ เค้าก้อมาบอกเราว่าเด๋วพี่ขอดูเอกสารหน่อยนะ
เราก็รู้แล้วว่า เค้าจะเอายอดเราไป เราก็เลยวัดใจคนโดยที่เว้นที่ว่างเอาไว้ ไม่เซ็น แล้วเราก็นำเอกสารไปให้เค้า
พอนำกลับมา เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้ พี่คนนั้นเค้านำไปเซ็น จริงๆด้วยพี่เค้าคงมองออกว่าว่าลูกค้าคนนี้ต้องสมัครบัตรเครดิตผ่านแน่ๆ
เนื่องจากรายได้ลูกค้าที่มาสมัครมีเงินเดือนเกือบแสนต่อเดือน
คิดเอาเองแล้วกัลว่าบรรยากาศ ในการทำงานมี ผลประโยชน์ทั้งนั้น
+++แล้วลูกค้าสมัครบัตร speedyนะ เราส่งเอกสาร 30 คน ผ่าน2คน เราตามส่งเอกสารจนเหนื่อย
ตอนนี้ทำงานได้ เดือนกว่า ๆ ไม่เอาแล้ว รู้สึกว่าอยู่ต่อไปมันก้อไม่ใช่
ก่อนหน้านี้พยายามคิดบวกทุกวัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง ว่าฉันต้องขายได้ ฉันจะต้องได้ดี
ทุกวันนี้เหมือนหลอกตัวเอง
บางครั้งเราก้อต้องทำงานที่เรารัก หรือเป็นงานที่เราพอใจกับมัน พอทนได้ และทำได้นาน
ขอให้มีความสุขบ้างก็พอ สุขมาก สุขน้อย ก็ขอให้มีความสุข
แต่ที่นี่ไม่มีเลย
งานหนัก +++ กลับบ้านดึก
เงินน้อย +++อยากได้เยอะต้องขายเท่านั้น เราได้ 13000 หักประกันสังคม เหลือ 12000 นิดๆ ไม่บวกเพิ่มอะไรเลย ถ้าไม่มียอด
ไม่มีOT ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำมัน ที่สำคัญค่าตัดชุดแพง ชุดสวยๆที่ได้ใส่ ประมาน 1000 บาทนะจ๊ะ ออกเอง
แล้วเงินเดือนจะเหลืออะไร 5 ชุด ก้อ 5000 ล่ะ
คนไม่ดี +++มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง
อยากลาออก แนะนำหน่อย
ออกช่วงที่ยังไม่ผ่านโปร
หรือออกช่วงที่ผ่านโปรไปแล้ว
จะออก ควรจะบอกว่าอย่างไรดี ไม่ให้เสียเครดิตเรา และ เค้า
คนที่ประสบการณ์ แนะนำด่วน ร้องไม่ไหวแล้ว ไม่มีความสุขเลย
ยอมทำงานที่เหนื่อยกาย ดีกว่าเหนื่อยใจ
เหนื่อยกายนอนพักก้อหาย
แต่เหนื่อยใจ มันสุดจะทน
ฉันอยากลาออก มันเป็นงานที่ทำแล้วไม่มีความสุขเลย อยากร้องไห้
ปล.เราชอบด้านความงาม ทำงานคลินิคความงามดีมั้ย จริงๆอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ไม่มีเงินทุน
***************แนะนำ****************
ข้อดีของงานนี้ ใครคุยเก่ง ขายเก่ง เงินดีแน่ๆ บางคนได้เป็น 100000 ต่อเดือน โตไวด้วย
สวัสดิการดี เรื่องเงินกู้ กู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ เพราะดอกเบี้ยถูกมากกกกกกกกกกกกกกก
ก็ทำงานแบงค์อะนะ
ความมั่นคงสูงมาก แบงค์ไม่เจ๊งหรอกค่ะ
ได้แค่นี้อ่ะ คิดข้อดีไม่ออกล่ะ
เราอยากลาออกจาก งานแบงค์ ทำไงดี ไม่ไหวแล้ว ช่วยแนะนำเราที ท้อมาก
ช่วงนั้นกำลังหางานทำ แล้วงานที่เราอยากทำมันอยู่กรุงเทพ เราก็เลยว่าจะหางานทำไปก่อนเพื่อเก็บตังค์และเป็นงานที่ใกล้บ้าน
วันนั้นเราไปเดินห้างเล่น เลยเข้าไปสมัครแบบไม่คิดไรมาก แต่ไม่ได้ตั้งใจไปสมัครงานแบงค์นะ
เชื่อมั้ยค่ะ สมัครไปตอน12.00 น. พอประมาน 15.00 โทรมา เรียกไปสอบและสัมภาษในวันถัดไป พอวันรุ่งขึ้นเราก้อไปสอบ
ข้อสอบมี 5 ชุด 1 . ข้อสอบเกี่ยวกับความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ ของธนาคาร
2. ข้อสอบ เชาว์ปัญญา
3. ข้อสอบอังกฤษ
4. ข้อสอบ เลข แบบไม่มี choice นะ เขียนคำตอบเพียวๆ
5. ข้อสอบด้าน ทัศนคติ
สอบเสร็จตกเย็น โทรมาประกาศผลเลยจร้า( แมร่งเร็วไปป่าวว่ะ ) จนท. บอกว่า ผ่านนะค่ะ ไปตรวจร่างกายได้เลย
ถ้าผลร่างกายผ่านก็มาเซ็นสัญญาเลย เราก็เลยตามเลย ไปตามน้ำจร้า ทั้งที่ไม่อยากทำเท่าไหร่
บอกตรงนะตอนไปสมัครคิดแค่ว่าชุดสวย
****จะว่าเราคิดน้อยก้อได้นะ แต่ตอนนั้นไม่มีทางเลือกอื่นๆจริง ใกล้บ้านด้วย แล้วเราเองก็ร้อนเงินถ้าไม่ทำหนี้ท่วมหัวแน่ๆ***
พอได้เซ็นสัญญา ก็เริ่มงาน เมื่อประมาน กลางปี 2556 ที่ผ่านมา
--------ช่วง 1 แรกเริ่ม
เราจะนั่งเครื่องไม่ได้เนื่องจากยังไม่ได้ไปฝึก ที่ศูนย์ฝึกอบรมกรุงเทพ
เราจะยืนเป็นเซอร์วิส รับลูกค้า ถามเค้าว่ามาทำธุรกรรมอะไร แล้วบอกเค้าว่าต้องไปจุดไหน
พอตกเย็นแบงค์ปิดรับลูกค้า งานต่อมาก็คือเก็บ เอกสาร เช่น การ์ดลายเซ็น เก็บเอกสารใบเปิดบัญชี
ทุกคนมีหน้าที่หมด แต่ตอนเย็นจะเป็นบรรยากาศแบบไม่เร่งรีบ (นึกในใจไม่อยากรีบกลับบ้านกัลรึไง )
ที่สำคัญจะกลับก่อนไม่ได้ถ้าหัวหน้ายังไม่กลับ สรุป.....ได้กลับบ้านหลัง 6 โมงเย็นขึ้นไปทุกวัน
บางวันก็ 2 ทุ่ม ................ประเด็นคือ ไม่มี ค่า OT งานเยอะแค่ไหนก็ไม่ได้ เหนื่อยมาก ค่าแรงก็ไม่ได้เพิ่ม
ยิ่งวันไหนที่ยอดเงินไม่ตรง ปิดระบบไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึง คนที่ผิดจะเครียด เพราะจะทำให้คนอื่นกลับบ้านช้าขึ้น
เหมือนไปเพิ่มภาระให้เค้า
------ช่วง 2 ไปอบรม
ผ่านไป 3 อาทิด สาขาส่งตัวไปฝึกอบรมที่กรุงเทพ ช่วงที่ฝึกอบรมประมาน 2 อาทิดกว่าๆ
เหนื่อยนะ ต้องสอบให้ผ่าน ถ้าไม่ผ่านเค้าจะให้เราสอบซ่อมเลย เช่นเพื่อนที่ไปอบรมด้วยกัล
สอบไม่ผ่านเรื่องนี้ ก็จะให้กลับไปสรุปเกือบทั้งเล่ม แล้วนำมาส่ง เพื่อที่จะให้คะแนนผ่าน เพื่อนเราได้นอน ตี 2
เขียนกัลจนเมื่อยอ่ะ ++มันเหนื่อยนะ หนังสือหนึ่งเล่ม วันนี้เรียนครึ่งเล่ม พรุ่งนี้เรียนอีกครึ่งเล่ม แล้วสอบเลย++
เป็นอย่างนี้จนจบหลักสูตร
(ลืมบอก คือแบบว่าไม่ได้ดูถูกนะ แต่เราเคยคิดว่า งานแบงค์คงมีแต่คนที่จบ มหาลัยมีชื่อเสียงหรือ ดีๆ มาสมัครงาน
แต่วันที่ไปอบรม .....90 เปอร์เซ็น คือคนที่จบมาจาก ราชภัฏ ราชมงคล.....เค้าก็เก่งนะไม่ได้ดูถูกความสามารถ แต่เราคิดว่า
จะได้มาเจอเพื่อน แบบว่า ธรรมศาสตร์ ม.เชียงใหม่ มศว. ม.เกษตร อะไรงี้ ช่างมันเถอะ คนเราวัดกันที่ความสามารถ
ไม่ใช่สถาบันการเรียน จริงมั้ย)
-----ช่วงที่ 3 ชีวิตจริง
มีแต่ งานขาย ขาย และก้อขาย ยอดมาเลย เราสาขาใหญ่ บัตรเครดิต 5 /บัตรเงินสดspeedy 5/ /ฝากประจำ 5 บัญชี/
สินเชื่อรถยนต์ 1 / ประกันชีวิต อีก1 / กูจะไปขายให้ใคร แต่ก่อนเราเกลียดคนขายตรงมากแค่ไหน
ทำไม่ได้ไม่พิจารณาให้ผ่านโปรการทดลองงาน
คิดดูงานนั่งเครื่องก็มีความเสี่ยงสูงพออยู่แล้ว เพราะต้องใช้สติ สมาธิ การวิเคราะห์ พอสมควรอยู่แล้ว
การทำรายการผิดจะส่งผลกระทบต่อตัวเรา หัวหน้า ผจก เจ้าของธุรกิจ
******ตัวอย่างนะ มีลูกค้ามาชำระสินค้า แต่เราตัดยอดผิด กลายเป็นว่าส่งผลต่อธุรกิจของเค้าในทันที แทนที่เค้าจะได้ของ
จากการชำระสินค้า ต้องมารอการ แก้ไข้ของเรา เพราะการแก้ไข้ต้องมีขั้นตอน ต้องใช้เวลา ก่อให้เกิดมูลค่าความเสียหายของลูกค้า
เสียหายหลายแสน ตัวเราเหมือนมีคดีติดตัว องค์กรเสียภาพลักษณ์
ใครว่างานสบาย ไม่ใช้สมอง สติเท่านั้นช่วยคุณได้ ******
เพราะเราทำงานอยู่กับเงิน ขาดหรือเกิน ต้องรับผิดชอบ ต้องมีสติมากกกกกก
เทียบเงินตอนเย็นทีไร ใจสั่นภาวนา ให้ยอดเงินตรง
โธ่ชีวิต........งานก้อต้องใช้สติ แถมยังต้องมาเสนอขายผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้า ชวนคุย
แล้วเป็นยังไงล่ะ สติก้อหลุดสิค่ะ คิดเอาเอง 555
อยากโตในสายงาน ต้องทำยอดเท่านั้น ทำงานเก่งไม่ช่วยอะไรเลย
แต่ละคนหน้าตา กระหายลูกค้าทั้งนั้น บรรยากาศในธนาคาร มีผลประโยชน์แอบแฝงทั้งนั้น
สมมุติว่าทุกคนมียอด แล้วมีลูกค้าที่มีกะตังค์เดินเข้ามา ทุกคนก้อหวังจะขายทั้งนั้น ว่าแต่จะไปตกถึงมือใครเท่านั้นเอง
***เรามีตัวอย่าง***
มีลูกค้าเดินมาสมัครบัตรเครดิตกะเรา เนื่องจากเค้าอยากทำเอง ไม่ได้ชวน
เราก้อกรอกเอกสารให้เค้าจนเสร็จ พอตกเย็น พี่ในสาขาคนหนึ่ง ปกติเค้าไม่เคยมาขอดูเอกสารเราเลย
จู่ๆ เค้าก้อมาบอกเราว่าเด๋วพี่ขอดูเอกสารหน่อยนะ
เราก็รู้แล้วว่า เค้าจะเอายอดเราไป เราก็เลยวัดใจคนโดยที่เว้นที่ว่างเอาไว้ ไม่เซ็น แล้วเราก็นำเอกสารไปให้เค้า
พอนำกลับมา เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้ พี่คนนั้นเค้านำไปเซ็น จริงๆด้วยพี่เค้าคงมองออกว่าว่าลูกค้าคนนี้ต้องสมัครบัตรเครดิตผ่านแน่ๆ
เนื่องจากรายได้ลูกค้าที่มาสมัครมีเงินเดือนเกือบแสนต่อเดือน
คิดเอาเองแล้วกัลว่าบรรยากาศ ในการทำงานมี ผลประโยชน์ทั้งนั้น
+++แล้วลูกค้าสมัครบัตร speedyนะ เราส่งเอกสาร 30 คน ผ่าน2คน เราตามส่งเอกสารจนเหนื่อย
ตอนนี้ทำงานได้ เดือนกว่า ๆ ไม่เอาแล้ว รู้สึกว่าอยู่ต่อไปมันก้อไม่ใช่
ก่อนหน้านี้พยายามคิดบวกทุกวัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง ว่าฉันต้องขายได้ ฉันจะต้องได้ดี
ทุกวันนี้เหมือนหลอกตัวเอง
บางครั้งเราก้อต้องทำงานที่เรารัก หรือเป็นงานที่เราพอใจกับมัน พอทนได้ และทำได้นาน
ขอให้มีความสุขบ้างก็พอ สุขมาก สุขน้อย ก็ขอให้มีความสุข
แต่ที่นี่ไม่มีเลย
งานหนัก +++ กลับบ้านดึก
เงินน้อย +++อยากได้เยอะต้องขายเท่านั้น เราได้ 13000 หักประกันสังคม เหลือ 12000 นิดๆ ไม่บวกเพิ่มอะไรเลย ถ้าไม่มียอด
ไม่มีOT ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำมัน ที่สำคัญค่าตัดชุดแพง ชุดสวยๆที่ได้ใส่ ประมาน 1000 บาทนะจ๊ะ ออกเอง
แล้วเงินเดือนจะเหลืออะไร 5 ชุด ก้อ 5000 ล่ะ
คนไม่ดี +++มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง
อยากลาออก แนะนำหน่อย
ออกช่วงที่ยังไม่ผ่านโปร
หรือออกช่วงที่ผ่านโปรไปแล้ว
จะออก ควรจะบอกว่าอย่างไรดี ไม่ให้เสียเครดิตเรา และ เค้า
คนที่ประสบการณ์ แนะนำด่วน ร้องไม่ไหวแล้ว ไม่มีความสุขเลย
ยอมทำงานที่เหนื่อยกาย ดีกว่าเหนื่อยใจ
เหนื่อยกายนอนพักก้อหาย
แต่เหนื่อยใจ มันสุดจะทน
ฉันอยากลาออก มันเป็นงานที่ทำแล้วไม่มีความสุขเลย อยากร้องไห้
ปล.เราชอบด้านความงาม ทำงานคลินิคความงามดีมั้ย จริงๆอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ไม่มีเงินทุน
***************แนะนำ****************
ข้อดีของงานนี้ ใครคุยเก่ง ขายเก่ง เงินดีแน่ๆ บางคนได้เป็น 100000 ต่อเดือน โตไวด้วย
สวัสดิการดี เรื่องเงินกู้ กู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ เพราะดอกเบี้ยถูกมากกกกกกกกกกกกกกก
ก็ทำงานแบงค์อะนะ
ความมั่นคงสูงมาก แบงค์ไม่เจ๊งหรอกค่ะ
ได้แค่นี้อ่ะ คิดข้อดีไม่ออกล่ะ