บังยีลั่นเปล่าไม่ใช่มาเฟียแน่นอนเรื่องล็อก72เสียง

http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/130719_493.html

       "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยระเทศไทย เผย เนวิน ชิดชอบ เคยขอให้เปลี่ยนแปลงประธานผู้ตัดสิน แต่ทำไม่ได้เพราะคนที่เลือกมาถือเป็นกลางที่สุดแล้ว รวมทั้งยังเคยขอให้ถ้วยไทยพรีเมียร์ลีกปี 2011 ไปมอบในเกมสุดท้าย ที่สนามนิว ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม ทว่าทำให้ไม่ได้ เนื่องจากตามโปรแกรมลีกจะต้องรับโทรฟี่เกมสุดท้าย นั่นคือการไปเยือนเชียงราย ยูไนเต็ด พร้อมยืนยันไม่ใช่มาเฟีย ในการกำหนดเสียงของสมาชิก มาเป็น 72 เสียงของการเลือกตั้งเนื่องจากฟีฟ่าเป็นคนกำหนด



        ตามที่สยามกีฬาได้นำเสนอข่าวที่ "บังยี"วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เดินทางไปอัดเทปแรกของรายการ "ตอบโจทย์" ทางช่องไทยพีบีเอส ซึ่งจะออกอากาศให้ทุกคนได้รับชมกันในวันที่ 22 ก.ค. 56 เวลา 22.00-22.30 น.


        โดยในเทปสองที่ "บังยี" ได้ทำการให้สัมภาษณ์กับรายการ "ตอบโจทย์" ทางช่องไทยพีบีเอสที่จะออกอากาศในวันที่ 23 ก.ค. 56 มีดังนี้


        พิธีกรถาม "บังยี" ว่า หากถึงวันที่ 22ก.ค. นี้ ที่สภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯ ได้ขีดเส้นไว้ให้สโมสรสมาชิกที่ยื่นมา 108 เสียง ต้องทำการถอนชื่อทั้งหมด แต่มีหลายทีมที่บอกว่าจะไม่ถอน ตรงจุดนี้วรวีร์ มะกูดี จะรับมืออย่างไร ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า ที่ประชุมสภากรรมการครั้งล่าสุด เราได้ออกหนังสือไปยังสมาชิกสโมสรที่ลงเสียงยื่นเข้ามาแสดงเจตนาจัดการประชุมใหญ่พิเศษ แต่เรื่องนี้ไม่อยากให้ไปถึงการถอดถอนสมาชิกที่ดูจะรุนแรง แต่ในวันที่ 23 ก.ค. จะมีการประชุมสภากรรมการสมาคมฟุตบอลฯ เพื่อตัดสินจากการที่ไม่มีการถอนของสโมสรสมาชิกตามมติของสภากรรมการ เพราะสมาคมฟุตบอลฯ ถือกฎข้อบังคับที่เราเป็นสมาชิกของเอเอฟซีกับฟีฟ่า


        รวมไปถึงฟีฟ่าต้องการให้รับรองธรรมนูญใหม่เสียก่อน จึงจะสามารถมีการเลือกตั้งได้ ตามหนังสือของฟีฟ่าที่ขีดเส้นตายในการเลือกตั้งมาในหนังสือที่ส่งมาล่าสุดแล้วว่าจะต้องเป็นวันที่ 23 ก.ย. 56


     
ยืนยันไม่ใช่ "มาเฟีย" แน่นอน


        พิธีกรยังยิงคำถามต่อว่ามีหลายคนที่มองการทำงานของ "บังยี" เหมือนเป็น "มาเฟีย" ในการจัดการเลือกตั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะตอบว่า "ไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะใน 72 เสียงเราไม่สามารถไปชักจูงให้ใครมาลงคะแนนได้ เนื่องจากทีมในระดับไทยลีกกับดิวิชั่น 1 ต่างมีการลงทุนกันเยอะมาก  รวมไปถึงสโมสรจากลีกภูมิภาคที่มีผู้ใหญ่เข้ามาทำทีม ทำให้ไม่สามารถดูถูกเสียงเหล่านี้ได้ เพราะพวกเขามีความรู้ความสามารถเพื่อหาตัวแทนทั้ง 5 เสียงในแต่โซนมาเป็นผู้แทนเลือกนายกสมาคมฟุตบอลฯ"

     
บอกฟีฟ่าน่าจะรู้สถานการณ์ในตอนนี้


        กับประเด็นที่ซักถาม วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ว่า ทางฟีฟ่าจะรับทราบเรื่องที่มีการแบ่งเป็น 2 ฝ่ายในการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ "บังยี" เปิดใจว่า ทางฟีฟ่าน่าจะทราบเรื่องนี้ได้ เพราะจากข่าวสารทางฝ่ายตรงข้ามที่มักจะหาเรื่องราวส่งไปลงยังเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นมาใหม่มากมาย เพื่อโจมตีสมาคมฟุตบอลฯ แต่ผิดกับสื่อใหญ่ที่จะมองเห็นความจริง ซึ่งจะมีการตรวจสอบดูรายละเอียดต่างๆ ก่อนที่จะนำเสนอข่าวในด้านความจริง


        นอกจากนี้พิธีกรยังถามต่อเกี่ยวกับเรื่องผิดใจกับ เนวิน ชิดชอบ เกิดขึ้นจากเหตุอะไร เจ้าตัวบอกว่า คงจะเป็นเพราะสิ่งที่เขาขอผมมาแต่ไม่สามารถทำให้ได้ อย่างแรกคือการเปลี่ยนประธานผู้ตัดสิน ที่ผมมองว่าปัจจุบันมีการแบ่งข้างเป็น 2 ฝ่าย ทำให้ต้องหาคนกลางที่ดีที่สุดมาทำหน้าที่นี้ อีกเรื่องต้องย้อนไป 2 ปีที่แล้ว ที่เขาจะขอให้ไปมอบถ้วยแชมป์ไทยลีกในสนามนิว ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม ก่อนถึงเกมนัดสุดท้ายกับเชียงราย ยูไนเต็ด


     
จะกลับมติฟีฟ่าง่ายๆไม่ได้



        ทางพิธีกรยังได้ถามเรื่องที่ เนวิน ชิดชอบ บอกว่าฟีฟ่าจะไม่มีการลงโทษแบนหากว่าไม่ทำตามเลือกตั้ง 72 เสียงนั้น วรวีร์ มะกูดี บอกว่า หนังสือที่ฟีฟ่าส่งมานั้นเป็นมติของคณะกรรมการที่ดูแลสมาชิก ซึ่งจะให้ไปเปลี่ยนมติต่างๆ คงจะพูดง่ายๆ ไม่ได้และไม่มีใครคงอยากจะเห็นประเทศตัวเองโดนแบนอย่างแน่นอน รวมทั้งก่อนถึงวันที่ 9 ส.ค. นี้ ที่จะมีตัวแทนจากฟีฟ่ามาร่วมประชุม เราก็อยากจะพูดคุยกับฝ่ายตรงข้าม ในเรื่องการแบ่งงานกันเพื่อให้ฟุตบอลไทยก้าวไปในทิศทางที่ดี

     
จะไม่ให้ใครมาครอบงำบอลไทย


        "บังยี" ยังกล่าวถึงสถานการณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามได้มีการวางตำแหน่งการบริหารงาน หากว่าได้เป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ ว่า "ผมให้ใครเข้ามาครอบงำวงการฟุตบอลไม่ได้ เรื่องที่มีการประกาศว่าจะให้ใครเป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ หรือเลขาธิการฯ ถือว่าเป็นการบงการกับทีมที่เป็นสมาชิก ทำให้สมาคมฟุตบอลฯ จะเกิดการไม่เป็นกลางเกิดขึ้น โดยวิธีนี้อย่าได้นำมาใช้ในวงการกีฬาเลย"


     
ยก "สยามสปอร์ต" ช่วยโปรโมตบอลลีกช่วงแรก



        เมื่อถูกถามถึงเรื่องการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน "บังยี" เผยว่า ในระยะแรกเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปขอให้ บ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ช่วยทำการประชาสัมพันธ์ให้กับฟุตบอลลีกเพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจให้กับแฟนบอล ซึ่งถือว่าทำได้อย่างประสบความสำเร็จ แต่การประชาสัมพันธ์ครั้งนั้นต้องใช้เงินหลายร้อยล้านบาท


        ซึ่งตนเคยพูดมานานแล้วว่ามูลค่าของฟุตบอลไทยในอนาคตจะไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาทอย่างแน่นอน และก็เป็นจริงอย่างที่พูด เนื่องจากในทุกวันนี้เริ่มมีการประมูลไทยพรีเมียร์ลีกเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งมีสิทธิ์ที่มูลค่าจะเพิ่มสูงไปอีก 700-800 ล้านบาท โดยในฤดูกาลหน้าทีมที่อยู่ในไทยพรีเมียร์จะได้รับเงินทีมละ 20 ล้านบาทจากค่าลิขสิทธิ์


        นอกจากนี้ตนยังได้เชิญ เซอร์ เดวิด ริชาร์ดส์ ประธานพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาช่วยในการทำการเรื่องบริหารการจัดการของไทยพรีเมียร์ลีกให้มีมูลค่าที่สูงขึ้น ซึ่งเขาเองได้เห็นความตั้งใจการทำงานในการพัฒนา ตนจึงตั้งเป็นที่ปรึกษาเพื่อให้ช่วยดูแลในเรื่องนี้


     
เผย ส.บอล มีรายได้สูงกว่า 200 ล้านบาท



        อีกทั้งพิธีกรได้ถามถึงประเด็นที่ เนวิน ชิดชอบ บอกว่าสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีรายรับปีที่แล้ว 232 ล้านบาท ผิดกับสมาคมฟุตบอลฯ มีรายได้แค่ 82 ล้านบาท ซึ่ง "บังยี" กล่าวว่า "บ.ไทยพรีเมียร์ลีก มีหน้าที่ดำเนินการจัดการแข่งขันของลีก แต่สมาคมฟุตบอลฯ มีสัญญากับสยามกีฬาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องของลิขสิทธิ์ต่างๆ และต้องจ่ายให้กับค่าลิขสิทธิ์ให้กับ 18 สโมสรในปีนี้ทีมละ 6 ล้านบาท รวมไปถึงทีมจากดิวิชั่น 1 กับค่าตอบแทนของผู้ตัดสินในแต่ละเกม นอกจากนี้ยังต้องจ่ายให้กับค่าการจัดการแข่งขันต่างๆ ซึ่งมูลค่าย่อมมากกว่า 200 ล้านบาทอย่างแน่นอน"


     
รับบริหารทีมชาติจนเดินมาถูกทาง


        พิธีกรยังถามถึงประเด็นเรื่องของทีมชาติไทยที่มีหลายคนมองว่ากำลังถึงช่วงขาลง โดย "บังยี" ตอบกลับไปว่า ทีมชาติใหญ่ๆ ยังมีการที่พลาดมาเหมือนกัน เช่น ฝรั่งเศส ที่เคยตกรอบแรกฟุตบอลโลกปี 2002 หรือ อิตาลี ที่ตกรอบแรกในบอลโลกปี 2010


        แต่ทีมชาติไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการบุกไปชนะจีนมา 5-1 ทำให้กระแสเริ่มที่จะกลับมาอีกครั้ง หากจะมีการเปรียบเทียบให้ดูตัวอย่างจากทีมชาติอังกฤษ แม้ว่าพวกเขาจะมีลีกที่เป็นเบอร์ 1 ของโลก แต่ผลงานในทีมชาติกลับไม่ประสบความสำเร็จ



        ไม่เหมือนกับลีกบ้านเราที่กำลังเดินมาอย่างถูกทาง เพราะสโมสรและนักเตะมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น แม้จะได้เพียงแค่รองแชมป์ ซูซูกิ คัพ ปีที่แล้ว แต่ผลงานในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย เรายังทำผลงานได้เป็นเบอร์ 1 ของอาเซียน ซึ่งจุดนี้อยู่ที่การบริหารจัดการที่ดีในลีกบ้านเรา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่