เห็นข่าวน่าสนใจเผื่อมีใครมาให้คำชี้แนะครับ
ที่มาเวปเพจ " สถาบันพัฒนาการเมืองและคุณภาพคน "
อินเวสไวน์ เว็บไซต์ข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวด้านการเงิน การลงทุนและไลฟ์สไตล์ในอาเซียน
เปิดเผยบทความกึ่งวิเคราะห์ตีแผ่ ‘จุดอ่อน’ ของประเทศไทย 10 ประการ
ซึ่งเป็นตัวการฉุดรั้งขีดความสามารถการแข่งขันของไทยในเวทีประชาคมอาเซียน (เออีซี)
ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
1. ความอ่อนแอของรัฐบาล การดำเนินงานของพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรนับตั้งแต่ปี 2554
สะท้อนให้เห็นว่า แท้ที่จริงแล้วรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันคือรัฐบาล ‘หุ่นเชิด’ ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร
ที่คอยสั่งการอยู่เบื้องหลังจากต่างประเทศ“
นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือต่อประชาชนได้ และไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องสำคัญ
2. ไร้ความสามารถในการแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
ซึ่งถือเป็นประเด็นที่กระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติโดยตรง”
3. การเมืองไร้เสถียรภาพ รัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน ยังมีการโยกย้ายเปลี่ยนตำแหน่งคณะรัฐมนตรีกันอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5
แล้วนับตั้งแต่ขึ้นบริหารประเทศในปี 2554 เพื่อเปิดทางให้กลุ่มคนที่จงรักภักดีต่อทักษิณขึ้นมามีอำนาจมากขึ้น
ตามใบสั่งของทักษิณ ทำให้ครม.ขึ้นมาบริหารงานเพียงวาระสั้นๆ ยังไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเพื่อชาติได้เลย
ทำให้เห็นถึงความอ่อนแอของรัฐบาล ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ในปีนี้ อาจเกิดเหตุปะทะกัน
ระหว่างกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง 2 ขั้วที่ต่างฝ่ายต่างระดมพลออกมาแสดงความต่อต้านซึ่งกันและกัน
จนกลายเป็นแรงกดดันให้อาจเกิดการรัฐประหารขึ้นมาอีกครั้ง
4.ปัญหาคอรัปชั่น ที่ปรากฏอยู่ในทุกภาคส่วนของประเทศ ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลอกลวงนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ไปจนถึงการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลที่มีฐานะและมีอิทธิพลในสังคม
“โครงการพัฒนาและลงทุนใดๆจะมีความคืบหน้าต่อเมื่อมีการติดสินบน และ
ที่น่าแปลกใจว่านั้นคือ จากผลสำรวจพบว่า ประชาชนมองว่าการติดสินบนเป็นเรื่องที่รับได้ ”
5.ปัญหาด้านแรงงานที่มีทักษะต่ำ รายงานอ้างคำวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดานักลงทุนต่างชาติ
ทั้งภาคอุตสาหกรรม การเงินและภาคบริการ ที่ต่างระบุว่า แรงงานไทยมีทักษะความสามารถต่ำ
ตั้งแต่การขาดความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงไร้ความสามารถด้านการจัดการ
อันเป็นผลจากระบบการศึกษาของไทยที่ไม่ได้มาตรฐาน และ
รัฐบาลไม่ได้ส่งเสริมให้มีการอบรมเพิ่มขีดศักยภาพแรงงานไทยอย่างเพียงพอ
6. ทักษะภาษาอังกฤษ ของแรงงานไทย ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางด้านธุรกิจและการท่องเที่ยวของไทย
ทว่ารัฐบาลยังคงนิ่งเฉยในการแก้ปัญหาดังกล่าว
7.ความสามารถการแข่งขันและผลิตภาพของอุตสาหกรรมไทยอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
ไทยควรยกระดับสถานะจากการเป็นแหล่งผลิตและประกอบสินค้าคุณภาพต่ำ
เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับอัตราแรงงานขั้นต่ำขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ด้วยการส่งเสริมศักยภาพแรงงานให้มีคุณภาพมากขึ้น
เพื่อรับมือกับสภาวะการแข่งขันทางธุรกิจที่สูงขึ้นจากการเปิดประชาคมอาเซียน”
8.ระบบจัดการภาคการเงินของรัฐบาลไทยเข้าข่ายไร้คุณภาพพิสูจน์ได้จากความขัดแย้งระหว่างกระทรวงการคลัง
และธนาคารแห่งประเทศไทย ในการออกนโยบายทางการเงินและการคลัง สะท้อนถึงความไร้เสถียรภาพทางการเงินของชาติ
ที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติโดยตรง
9.ไทยพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวมากเกินไป จากการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวอย่างไร้ข้อจำกัด
ส่งผลให้คุณภาพของการท่องเที่ยวต่ำลง นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากถูกเอารัดเอาเปรียบจากการโก่งค่าบริการ
ตลอดจนเป็นเหยื่อของความรุนแรง ซึ่งจะสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับประเทศในระยะยาว
10.สุดท้าย คือ การที่คนไทยส่วนใหญ่ มัก ‘เมินเฉยต่อโลกภายนอก’
รายงาน ระบุว่า อาจเป็นเพราะไทย ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ จึงส่งผลให้ไทย ไม่เคยเรียนรู้ที่จะปรับตัว
เพื่อรับมือกับวัฒนธรรมต่างชาติ ส่งผลให้คนไทยส่วนใหญ่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมอื่นๆ
ซึ่งกลายเป็นผลเสียต่อการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียนในที่สุด.
สื่อนอกตีแผ่10 จุดอ่อน ไทย ตัวการฉุดพ่ายศึก AEC
ที่มาเวปเพจ " สถาบันพัฒนาการเมืองและคุณภาพคน "
อินเวสไวน์ เว็บไซต์ข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวด้านการเงิน การลงทุนและไลฟ์สไตล์ในอาเซียน
เปิดเผยบทความกึ่งวิเคราะห์ตีแผ่ ‘จุดอ่อน’ ของประเทศไทย 10 ประการ
ซึ่งเป็นตัวการฉุดรั้งขีดความสามารถการแข่งขันของไทยในเวทีประชาคมอาเซียน (เออีซี)
ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
1. ความอ่อนแอของรัฐบาล การดำเนินงานของพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรนับตั้งแต่ปี 2554
สะท้อนให้เห็นว่า แท้ที่จริงแล้วรัฐบาลไทยชุดปัจจุบันคือรัฐบาล ‘หุ่นเชิด’ ของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร
ที่คอยสั่งการอยู่เบื้องหลังจากต่างประเทศ“
นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือต่อประชาชนได้ และไม่กล้าตัดสินใจในเรื่องสำคัญ
2. ไร้ความสามารถในการแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
ซึ่งถือเป็นประเด็นที่กระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติโดยตรง”
3. การเมืองไร้เสถียรภาพ รัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน ยังมีการโยกย้ายเปลี่ยนตำแหน่งคณะรัฐมนตรีกันอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5
แล้วนับตั้งแต่ขึ้นบริหารประเทศในปี 2554 เพื่อเปิดทางให้กลุ่มคนที่จงรักภักดีต่อทักษิณขึ้นมามีอำนาจมากขึ้น
ตามใบสั่งของทักษิณ ทำให้ครม.ขึ้นมาบริหารงานเพียงวาระสั้นๆ ยังไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเพื่อชาติได้เลย
ทำให้เห็นถึงความอ่อนแอของรัฐบาล ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ในปีนี้ อาจเกิดเหตุปะทะกัน
ระหว่างกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง 2 ขั้วที่ต่างฝ่ายต่างระดมพลออกมาแสดงความต่อต้านซึ่งกันและกัน
จนกลายเป็นแรงกดดันให้อาจเกิดการรัฐประหารขึ้นมาอีกครั้ง
4.ปัญหาคอรัปชั่น ที่ปรากฏอยู่ในทุกภาคส่วนของประเทศ ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจหลอกลวงนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ไปจนถึงการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลที่มีฐานะและมีอิทธิพลในสังคม
“โครงการพัฒนาและลงทุนใดๆจะมีความคืบหน้าต่อเมื่อมีการติดสินบน และ
ที่น่าแปลกใจว่านั้นคือ จากผลสำรวจพบว่า ประชาชนมองว่าการติดสินบนเป็นเรื่องที่รับได้ ”
5.ปัญหาด้านแรงงานที่มีทักษะต่ำ รายงานอ้างคำวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดานักลงทุนต่างชาติ
ทั้งภาคอุตสาหกรรม การเงินและภาคบริการ ที่ต่างระบุว่า แรงงานไทยมีทักษะความสามารถต่ำ
ตั้งแต่การขาดความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงไร้ความสามารถด้านการจัดการ
อันเป็นผลจากระบบการศึกษาของไทยที่ไม่ได้มาตรฐาน และ
รัฐบาลไม่ได้ส่งเสริมให้มีการอบรมเพิ่มขีดศักยภาพแรงงานไทยอย่างเพียงพอ
6. ทักษะภาษาอังกฤษ ของแรงงานไทย ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางด้านธุรกิจและการท่องเที่ยวของไทย
ทว่ารัฐบาลยังคงนิ่งเฉยในการแก้ปัญหาดังกล่าว
7.ความสามารถการแข่งขันและผลิตภาพของอุตสาหกรรมไทยอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
ไทยควรยกระดับสถานะจากการเป็นแหล่งผลิตและประกอบสินค้าคุณภาพต่ำ
เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับอัตราแรงงานขั้นต่ำขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ด้วยการส่งเสริมศักยภาพแรงงานให้มีคุณภาพมากขึ้น
เพื่อรับมือกับสภาวะการแข่งขันทางธุรกิจที่สูงขึ้นจากการเปิดประชาคมอาเซียน”
8.ระบบจัดการภาคการเงินของรัฐบาลไทยเข้าข่ายไร้คุณภาพพิสูจน์ได้จากความขัดแย้งระหว่างกระทรวงการคลัง
และธนาคารแห่งประเทศไทย ในการออกนโยบายทางการเงินและการคลัง สะท้อนถึงความไร้เสถียรภาพทางการเงินของชาติ
ที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติโดยตรง
9.ไทยพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวมากเกินไป จากการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวอย่างไร้ข้อจำกัด
ส่งผลให้คุณภาพของการท่องเที่ยวต่ำลง นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากถูกเอารัดเอาเปรียบจากการโก่งค่าบริการ
ตลอดจนเป็นเหยื่อของความรุนแรง ซึ่งจะสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับประเทศในระยะยาว
10.สุดท้าย คือ การที่คนไทยส่วนใหญ่ มัก ‘เมินเฉยต่อโลกภายนอก’
รายงาน ระบุว่า อาจเป็นเพราะไทย ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของต่างชาติ จึงส่งผลให้ไทย ไม่เคยเรียนรู้ที่จะปรับตัว
เพื่อรับมือกับวัฒนธรรมต่างชาติ ส่งผลให้คนไทยส่วนใหญ่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมอื่นๆ
ซึ่งกลายเป็นผลเสียต่อการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียนในที่สุด.