
(ข้อเขียนชิ้นนี้พูดถึงเนื้อเรื่องหนังหลายส่วน แต่ไม่ได้เปิดเผยจุดสำคัญของหนัง)
หลังชมหนังเรื่องนี้จบลง หลักๆ แล้วมีความรู้สึกให้เลือกอยู่สองทางเท่านั้น คือ ถ้าไม่ "ชอบ" ก็ต้อง "เกลียด" แบบขาดกันไปเลย มินาหล่ะ ตอนหนังเปิดตัวที่เมืองคานส์เสียงถึงแตกออกเป็นสองขั้ว ชนิดที่มีเสียงโห่สวนขึ้นมาท่ามกลางเสียงตบมือ
ซึ่งก็ต้องบอกไว้เสียแต่เนิ่นๆ ว่าถ้าใครที่ชอบดูหนังมันส์ๆ ตลาดๆ เป็นหลัก มองข้ามหนังเรื่องนี้ไปได้เลย ไม่เช่นนั้นแล้วท่านอาจจะออกจากโรงมาด้วยอาการมึนตึ๊บจนกลับบ้านไม่ถูก และต่อให้ท่านเคยเป็นแฟนหนังของผู้กำกับ นิโคลัส วินดิงท์ เรฟน์ กับ ไรอัน กอสลิ่ง จากเรื่อง Drive มาก่อนก็ตามที อย่าคาดหวังว่าจะเจออะไรแบบนั้นในหนังเรื่องนี้อีกครั้ง เนื่องจาก Only God Forgives คืองานที่มีทั้งความเป็นส่วนตัว และความทะเยอทะยานที่ไปไกลกว่าเดิมมากโข ไกลชนิดที่ว่าท่านอาจจะดูหนังเรื่องนี้ไม่เข้าใจเลยก็เป็นได้
พล็อตเรื่องคร่าวๆ ในหนังที่พอจะสรุปออกมาให้เป็นรูปธรรมได้ก็คือ จูเลี่ยน (ไรอัน กอสลิ่ง) หลบหนีความผิดจากอเมริกามากบดานอยู่ในเมืองไทย อาศัยเปิดค่ายมวยบังหน้า ขณะที่เบื้องหลังแล้วแอบค้ายาแบบเงียบๆ แต่ความเดือดร้อนก็เริ่มมาเยือนชีวิตของจูเลี่ยน เมื่อ บิลลี่ พี่ชายนิสัยอันธพาลดันไปฆ่าโสเภณีเด็กตายอย่างโหดเหี้ยม ก่อนที่ บิลลี่ เองจะถูกฆ่าตายตามโสเภณีเด็กด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมไม่แพ้กัน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จูเลี่ยน จึงถูกแม่บีบบังคับให้ออกมาล้างแค้น ตามหาตัวคนที่ฆ่าบิลลี่ให้เจอ แล้วกุดหัวมันผู้นั้นเสีย ซึ่งทั้งหมดก็ชักนำให้ จูเลี่ยน เดินไปสู่การเผชิญหน้ากับ "ชายลึกลับ" ที่ใครๆ ก็ล้วนแต่ยำเกรง และดูเหมือนจะเป็นผู้ที่อยู่เหนือบรรดาตำรวจไปอีกขั้น
แน่นอนว่าถ้าฟังจากเนื้อเรื่องที่ว่ามานี้ Only God Forgives เหมือนจะเป็นหนังทริลเลอร์ล้างแค้นเดือดๆ ดิบๆ ตรงไปตรงมาที่ดูสนุกได้เรื่องหนึ่ง แต่งานนี้นอกจากจะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว หนังยังแทบจะพาคนดูไปในทิศทางตรงข้าม เพราะผู้กำกับอย่าง นิโคลัส วินดิงท์ เรฟน์ เลือกที่จะนำเสนอหนังของเขาเรื่องนี้ออกมาในแบบที่หลุดพ้นออกไปจากโลกของความจริงอย่างสิ้นเชิง จนทำให้หนังกลายเป็นความ "เหนือจริง" ที่มาจากโลกอีกใบหนึ่งไปเลย และเนื้อหาสาระที่หนังพูดถึงก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเชิงปรัชญาในระดับที่เกินกว่าเราจะสามารถเข้าใจได้ครบถ้วนในทุกๆ จุด
ไล่มาตั้งแต่ วิธีการเดินเรื่องที่มาแบบนิ่งเนิบ เชื่องช้า ครุ่นคิด ซ่อนไว้ด้วยอารมณ์ขันและความรุนแรง บรรยากาศในหนังที่เต็มไปด้วยแสงสี ฉูดฉาดงดงาม แต่อึมครึมอันตราย และให้อารมณ์กึ่งจริงกึ่งฝัน ตลอดจนตัวละครสุดแปลกประหลาดอย่าง "ชายลึกลับ" ที่สุดท้ายแล้วเหมือนเป็นพระเอกของเรื่องมากกว่า จูเลี่ยน ตัวละครของ ไรอัน กอสลิ่งเสียอีก
มองเผินๆ คนดูจะเข้าใจว่า "ชายลึกลับ" เป็นตำรวจระดับสูง แต่จริงๆ แล้วหนังไม่ได้บอกแน่ชัดว่าเป็นใคร เขามักจะโผล่มาพร้อมกับตำรวจ แต่ไม่ใส่เครื่องแบบตำรวจ แถมยังมีอาวุธประจำกายเป็นดาบที่สามารถชักออกมาจากกลางหลังได้ในทุกเวลายามต้องการลงทัณท์ผู้กระทำผิด
ส่วนวิธีการลงทัณท์ก็แตกต่างกันไปหลายระดับ มีทั้ง ตัดแขน แทงหู แทงตา หรือในกรณีหนักสุดก็คือ ฆ่าให้ตาย เหมือนศาลเตี้ยที่มีตำรวจคอยอำนวยความสะดวก เห็นดีเห็นงาม แต่ที่พิลึกพิลันและชวนขำ (หน้าตาย) ไปกว่านั้นก็คือ หลังจากที่ลงทัณท์เสร็จทุกครั้ง ชายลึกลับจะขึ้นไปครวญเพลงลูกกรุงเพราะๆ บนเวที โดยที่มีตำรวจนั่งฟังนิ่งๆ เหมือนหุ่น
พ้นจากนั้น หนังยังภูมิใจประเคนความงุนงงให้กับคนดูในอีกหลายต่อหลายฉาก (แต่ถ้าคิดดีๆ มันก็พอจะมีจุดเชื่อมโยงเข้าหากันได้อยู่บ้างเหมือนกัน) อาทิ ฉากที่แม่ของจูเลี่ยนนั่งพรรณาถึงเรื่องการเกิด และความเป็นชายของเขาจากขนาดของไอ้นั่น - ฉากที่จูเลี่ยนเอามือล้วงไอ้นั่นของหญิงสาว (ญาญ่า หญิง) และก็ฉากที่จูเลี่ยนเอามือล้วงเข้าไปในแผลที่หน้าท้องของแม่ หรือแม้กระทั่งฉากที่ถูกนำเสนอค่อนข้างบ่อยในหนัง อย่างฉากจ้องมอง "มือ" ของตัวเองหลังจากที่ได้ลงมือทำเรื่องต่างๆ
รวมๆ ทั้งหมดแล้ว ทั้งวิธีการเล่าเรื่อง บรรยากาศ และตัวละคร ไม่มีอะไรสมจริงเลย แต่ดูเป็นความเพี้ยน บ้า แปลก ที่ถ่ายทอดออกมาได้งดงามตราตรึง มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย เป็นหนังเซอร์หลุดโลกที่ค่อนข้างท้าทายคนดูในระดับต้องปืนกระไดสูงพอสมควร แต่เท่าที่คนดูกระไดเตี้ยแบบ จขกท. พอจะประมวลใจความออกมาได้ คิดว่า Only God Forgives น่าจะพูดถึงเรื่อง การดำรงอยู่ของมนุษย์ ที่พาดพิงไปถึง พระเจ้า หรือ อาจจะหมายถึงเรื่องของ "กรรม" หากเป็นความเชื่อแบบทางเอเชีย
คล้ายๆ หนังจะตั้งคำถามว่า ชีวิตเราดำรงอยู่เพื่ออะไร? พระเจ้าสร้างเรามาทำไม? และเมื่อสร้างเรามาแล้วใยพระเจ้า (ชายลึกลับ) ถึงต้องตามมาลงทัณท์เราในรูปแบบต่างๆ แล้วเราจะสามารถหลบหนี ขัดขืนต่อสู้ ไม่ยอมรับการลงทัณท์เหล่านี้ได้หรือไม่? ซึ่ง นิโคลัส วินดิงท์ เรฟน์ ก็ให้คำตอบเรื่องเหล่านี้ไว้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเรียบร้อยแล้วในช่วงท้ายกับฉากที่จูเลี่ยนยื่นมือสองข้างออกมาข้างหน้า
นี่เป็นหนังไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวงสำหรับคนดูทั่วไปที่ต้องการดูหนังเพื่อความบันเทิง แต่เหมาะมากๆ สำหรับคนดูที่นิยมแสวงหารสชาติใหม่ๆ จากการดูหนัง!
คะแนน : ★★★
Ps. ใครดูมาแล้วแชณืความคิดเห็นกันจ้า หนังแบบนี้ต้องแชร์
ฝากแฟนเพจด้วยจ้า
http://www.facebook.com/pages/เกรียนหนัง/112834835539518
(แอบไปดูมาแล้ว) Only God Forgives (2013) : อย่าริ "ลองดี" กับพระเจ้า
(ข้อเขียนชิ้นนี้พูดถึงเนื้อเรื่องหนังหลายส่วน แต่ไม่ได้เปิดเผยจุดสำคัญของหนัง)
หลังชมหนังเรื่องนี้จบลง หลักๆ แล้วมีความรู้สึกให้เลือกอยู่สองทางเท่านั้น คือ ถ้าไม่ "ชอบ" ก็ต้อง "เกลียด" แบบขาดกันไปเลย มินาหล่ะ ตอนหนังเปิดตัวที่เมืองคานส์เสียงถึงแตกออกเป็นสองขั้ว ชนิดที่มีเสียงโห่สวนขึ้นมาท่ามกลางเสียงตบมือ
ซึ่งก็ต้องบอกไว้เสียแต่เนิ่นๆ ว่าถ้าใครที่ชอบดูหนังมันส์ๆ ตลาดๆ เป็นหลัก มองข้ามหนังเรื่องนี้ไปได้เลย ไม่เช่นนั้นแล้วท่านอาจจะออกจากโรงมาด้วยอาการมึนตึ๊บจนกลับบ้านไม่ถูก และต่อให้ท่านเคยเป็นแฟนหนังของผู้กำกับ นิโคลัส วินดิงท์ เรฟน์ กับ ไรอัน กอสลิ่ง จากเรื่อง Drive มาก่อนก็ตามที อย่าคาดหวังว่าจะเจออะไรแบบนั้นในหนังเรื่องนี้อีกครั้ง เนื่องจาก Only God Forgives คืองานที่มีทั้งความเป็นส่วนตัว และความทะเยอทะยานที่ไปไกลกว่าเดิมมากโข ไกลชนิดที่ว่าท่านอาจจะดูหนังเรื่องนี้ไม่เข้าใจเลยก็เป็นได้
พล็อตเรื่องคร่าวๆ ในหนังที่พอจะสรุปออกมาให้เป็นรูปธรรมได้ก็คือ จูเลี่ยน (ไรอัน กอสลิ่ง) หลบหนีความผิดจากอเมริกามากบดานอยู่ในเมืองไทย อาศัยเปิดค่ายมวยบังหน้า ขณะที่เบื้องหลังแล้วแอบค้ายาแบบเงียบๆ แต่ความเดือดร้อนก็เริ่มมาเยือนชีวิตของจูเลี่ยน เมื่อ บิลลี่ พี่ชายนิสัยอันธพาลดันไปฆ่าโสเภณีเด็กตายอย่างโหดเหี้ยม ก่อนที่ บิลลี่ เองจะถูกฆ่าตายตามโสเภณีเด็กด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยมไม่แพ้กัน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จูเลี่ยน จึงถูกแม่บีบบังคับให้ออกมาล้างแค้น ตามหาตัวคนที่ฆ่าบิลลี่ให้เจอ แล้วกุดหัวมันผู้นั้นเสีย ซึ่งทั้งหมดก็ชักนำให้ จูเลี่ยน เดินไปสู่การเผชิญหน้ากับ "ชายลึกลับ" ที่ใครๆ ก็ล้วนแต่ยำเกรง และดูเหมือนจะเป็นผู้ที่อยู่เหนือบรรดาตำรวจไปอีกขั้น
แน่นอนว่าถ้าฟังจากเนื้อเรื่องที่ว่ามานี้ Only God Forgives เหมือนจะเป็นหนังทริลเลอร์ล้างแค้นเดือดๆ ดิบๆ ตรงไปตรงมาที่ดูสนุกได้เรื่องหนึ่ง แต่งานนี้นอกจากจะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว หนังยังแทบจะพาคนดูไปในทิศทางตรงข้าม เพราะผู้กำกับอย่าง นิโคลัส วินดิงท์ เรฟน์ เลือกที่จะนำเสนอหนังของเขาเรื่องนี้ออกมาในแบบที่หลุดพ้นออกไปจากโลกของความจริงอย่างสิ้นเชิง จนทำให้หนังกลายเป็นความ "เหนือจริง" ที่มาจากโลกอีกใบหนึ่งไปเลย และเนื้อหาสาระที่หนังพูดถึงก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเชิงปรัชญาในระดับที่เกินกว่าเราจะสามารถเข้าใจได้ครบถ้วนในทุกๆ จุด
ไล่มาตั้งแต่ วิธีการเดินเรื่องที่มาแบบนิ่งเนิบ เชื่องช้า ครุ่นคิด ซ่อนไว้ด้วยอารมณ์ขันและความรุนแรง บรรยากาศในหนังที่เต็มไปด้วยแสงสี ฉูดฉาดงดงาม แต่อึมครึมอันตราย และให้อารมณ์กึ่งจริงกึ่งฝัน ตลอดจนตัวละครสุดแปลกประหลาดอย่าง "ชายลึกลับ" ที่สุดท้ายแล้วเหมือนเป็นพระเอกของเรื่องมากกว่า จูเลี่ยน ตัวละครของ ไรอัน กอสลิ่งเสียอีก
มองเผินๆ คนดูจะเข้าใจว่า "ชายลึกลับ" เป็นตำรวจระดับสูง แต่จริงๆ แล้วหนังไม่ได้บอกแน่ชัดว่าเป็นใคร เขามักจะโผล่มาพร้อมกับตำรวจ แต่ไม่ใส่เครื่องแบบตำรวจ แถมยังมีอาวุธประจำกายเป็นดาบที่สามารถชักออกมาจากกลางหลังได้ในทุกเวลายามต้องการลงทัณท์ผู้กระทำผิด
ส่วนวิธีการลงทัณท์ก็แตกต่างกันไปหลายระดับ มีทั้ง ตัดแขน แทงหู แทงตา หรือในกรณีหนักสุดก็คือ ฆ่าให้ตาย เหมือนศาลเตี้ยที่มีตำรวจคอยอำนวยความสะดวก เห็นดีเห็นงาม แต่ที่พิลึกพิลันและชวนขำ (หน้าตาย) ไปกว่านั้นก็คือ หลังจากที่ลงทัณท์เสร็จทุกครั้ง ชายลึกลับจะขึ้นไปครวญเพลงลูกกรุงเพราะๆ บนเวที โดยที่มีตำรวจนั่งฟังนิ่งๆ เหมือนหุ่น
พ้นจากนั้น หนังยังภูมิใจประเคนความงุนงงให้กับคนดูในอีกหลายต่อหลายฉาก (แต่ถ้าคิดดีๆ มันก็พอจะมีจุดเชื่อมโยงเข้าหากันได้อยู่บ้างเหมือนกัน) อาทิ ฉากที่แม่ของจูเลี่ยนนั่งพรรณาถึงเรื่องการเกิด และความเป็นชายของเขาจากขนาดของไอ้นั่น - ฉากที่จูเลี่ยนเอามือล้วงไอ้นั่นของหญิงสาว (ญาญ่า หญิง) และก็ฉากที่จูเลี่ยนเอามือล้วงเข้าไปในแผลที่หน้าท้องของแม่ หรือแม้กระทั่งฉากที่ถูกนำเสนอค่อนข้างบ่อยในหนัง อย่างฉากจ้องมอง "มือ" ของตัวเองหลังจากที่ได้ลงมือทำเรื่องต่างๆ
รวมๆ ทั้งหมดแล้ว ทั้งวิธีการเล่าเรื่อง บรรยากาศ และตัวละคร ไม่มีอะไรสมจริงเลย แต่ดูเป็นความเพี้ยน บ้า แปลก ที่ถ่ายทอดออกมาได้งดงามตราตรึง มีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย เป็นหนังเซอร์หลุดโลกที่ค่อนข้างท้าทายคนดูในระดับต้องปืนกระไดสูงพอสมควร แต่เท่าที่คนดูกระไดเตี้ยแบบ จขกท. พอจะประมวลใจความออกมาได้ คิดว่า Only God Forgives น่าจะพูดถึงเรื่อง การดำรงอยู่ของมนุษย์ ที่พาดพิงไปถึง พระเจ้า หรือ อาจจะหมายถึงเรื่องของ "กรรม" หากเป็นความเชื่อแบบทางเอเชีย
คล้ายๆ หนังจะตั้งคำถามว่า ชีวิตเราดำรงอยู่เพื่ออะไร? พระเจ้าสร้างเรามาทำไม? และเมื่อสร้างเรามาแล้วใยพระเจ้า (ชายลึกลับ) ถึงต้องตามมาลงทัณท์เราในรูปแบบต่างๆ แล้วเราจะสามารถหลบหนี ขัดขืนต่อสู้ ไม่ยอมรับการลงทัณท์เหล่านี้ได้หรือไม่? ซึ่ง นิโคลัส วินดิงท์ เรฟน์ ก็ให้คำตอบเรื่องเหล่านี้ไว้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเรียบร้อยแล้วในช่วงท้ายกับฉากที่จูเลี่ยนยื่นมือสองข้างออกมาข้างหน้า
นี่เป็นหนังไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวงสำหรับคนดูทั่วไปที่ต้องการดูหนังเพื่อความบันเทิง แต่เหมาะมากๆ สำหรับคนดูที่นิยมแสวงหารสชาติใหม่ๆ จากการดูหนัง!
คะแนน : ★★★
Ps. ใครดูมาแล้วแชณืความคิดเห็นกันจ้า หนังแบบนี้ต้องแชร์
ฝากแฟนเพจด้วยจ้า http://www.facebook.com/pages/เกรียนหนัง/112834835539518