สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เรามีเรื่องมาปรึกษาค่ะ คือว่าเรามีหนี้อยู่ก้อนหนึ่ง เงินต้น 40,000 บาท ขาดชำระมาประมาณ 5 ปี ณ ปัจจุบันยอดเงินต้นรวมดอกเบี้ยอยู่ที่ 80,000 บาท เราเพิ่งโดนทวงหนี้ เมื่อ 2 – 3 วันก่อน เจ้าหน้าที่บอกว่าเรื่องเราใกล้หมดอายุความแล้ว อยู่ในขั้นเตรียมฟ้อง เราไม่สามารถหาเงินก้อนปิดบัญชีได้ เจ้าหน้าที่ปรับยอดหนี้ให้เป็น 2,000 บาท 36 เดือน ยอดก็จะอยู่ที่ 72,000 บาท และเมื่อครบ 1 ปี ถ้าเราต้องการปิดบัญชีจะลดยอดให้เรา 35% ซึ่งเรามาคำนวณดูแล้วเราจะต้องจ่ายทั้งสิ้น 60,000 บาท ซึ่งเป็นยอดที่เรายอมรับได้ และเมื่อครบปีเรามีความสามารถปิดบัญชีได้แน่นอนไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าในการทำข้อตกลงไม่สามารถระบุเรื่องส่วนลดที่จะปิดบัญชีได้ เพียงแต่เจ้าหน้าที่รับปากว่า ถ้าถึงตอนนั้นจะลดให้เราแน่นอน แล้วเค้าบอกเราว่า แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เพื่อนที่เรียนกฏหมายบอกเราว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ทำตามที่พูดล่ะเราจะทำยังไง เราเลยอยากรู้ว่าถ้าขึ้นศาล ศาลจะช่วยอะไรเราได้บ้าง เจ้าหน้าที่บอกเราว่า ศาลช่วยได้แค่ปรับยอดดอกเบี้ย แต่เมื่อยอดลดลงแล้ว ดอกเบี้ยก็จะยังคงเดินต่อไป ไม่มีการหยุดดอกเบี้ย ซึ่งเราก็คำนวณดอกเบี้ยทบต้นไม่เป็น ถ้าใครมีความรู้ช่วยคำนวณให้ด้วยว่า เงินต้น 40,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี เวลา 5 ปี ควรจะเป็นเท่าไหร่ แต่เราสมมุติคร่าวๆ จาก 80,000 เหลือ 60,000 ซึ่งเราก็ไม่มีความสามารถปิดบัญชีแน่นอน เราก็ต้องผ่อนจ่าย โดยที่ดอกเบี้ยก็จะเดินไปเรื่อยๆ ร้อยละ 15 ต่อปี ซึ่งเราคิดว่า มันจะมากกว่าการยอมปรับโครงสร้างหนี้หรือเปล่า แล้วถ้ามีการคิดดอกเบี้ยใหม่แล้วเหลือ 60,000 เราจะขอให้ศาลช่วยให้เจ้าหนี้ไม่คิดดอกเบี้ยเราได้ไหม ให้ยอดเงินหยุดอยู่ที่ 60,000 แล้วจะผ่อนจ่าย 2 ปี เป็นไปได้ไหม
โจทย์ของเราคือ เราต้องการจ่ายยอดหนี้ทั้งหมดอยู่ที่ 60,000 บาท เราควรปรับโครงสร้างหนี้แล้วก็เสี่ยงเอาว่าเจ้าหน้าที่จะทำตามที่พูดไหม หรือจะไปขึ้นศาลให้ศาลช่วยที แต่เราก็ไม่รู้ว่าศาลจะช่วยอะไรเราได้บ้าง
เจ้าหน้าที่บอกเราว่า ถ้าเจ้าหนี้ไม่รับข้อเสนอของเรา เค้าก็จะทำการสืบหาทรัพย์สิน ซึ่งถึงตอนนั้นเค้าก็จะอายัติเงินเดือนเรา เรายอมรับว่ากลัวมาก เพราะไม่รู้ว่าศาลจะช่วยอะไรได้บ้าง แล้วเราไม่ต้องการถูกอายัติเงินเดือน เพราะก่อนหน้านี้ 2 เดือน ก็มีเจ้าหนี้รายที่ 1 ทำจดหมายมาอายัติเงินเดือนเรา ซึ่งในขณะที่อายัติเงินเดือน ดอกเบี้ยก็ยังคงเดินต่อไป เหมือนเราจ่ายเงินไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดจบ ซึ่งเราไม่ต้องการแบบนั้น เราต้องการให้หนี้อยู่ที่ยอดคงตัว (เราโชคดีได้ที่ทำงานให้เรากู้เงินไปปิดบัญชี ซึ่งเราเคลียร์หนี้ก้อนแรกไปเรียบร้อยแล้ว แต่ปัจจุบันต้องจ่ายหนี้เดือนละ 5,000 บาท 10 เดือน ซึ่งเราเพิ่งจ่ายไป 2 เดือนเอง)
เจ้าหน้าที่บอกเราว่า ถ้าขึ้นศาลต้องมีค่าธรรมเนียม จำไม่ได้แล้วว่าคิดเท่าไหร่ แต่ของเรา 80,000 ต้องจ่าย 8,000 ซึ่งเรามาคิดดู รวมๆ แล้วเราจะต้องจ่ายเงินเยอะกว่าหรือพอๆ กับการยอมปรับโครงสร้างหนี้หรือเปล่า
ถ้าเป็นเพื่อนๆ จะเลือกอะไรคะ ใจเราอยากเลือกปรับโครงสร้างหนี้นะ ยอดมันคงตัวแน่นอนรู้ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่แน่ แต่แค่เสี่ยงกับการลดยอดหนี้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า กับการไปขึ้นศาลซึ่งก็ไม่รู้ว่าศาลช่วยอะไรได้บ้าง ทำอะไรได้บ้าง แล้วสรุปแล้ว เราจะจ่ายเงินน้อยลงจริงเหรอ (ในความคิดเหมือน เหมือนจะจ่ายพอๆ หรือมากกว่าปรับโครงสร้างหนี้เลยนะ) แต่เพื่อนเราที่เรียนกฎหมายน่ะสิพูดจนเรากังวล แล้วบอกว่าไปขึ้นศาลดีกว่า แต่ก็บอกเราไม่ได้ว่าศาลจะช่วยอะไรได้บ้าง ข้อเสนอแบบไหนที่ศาลจะพิจารณาให้ อีกอย่างเราติดปัญหาว่า ศาลจะช่วยให้เจ้าหนี้ไม่หยุดคิดดอกเบี้ยได้หรือเปล่า เหมือนจะทำไม่ได้ ดอกเบี้ยเดินไปเรื่อยๆ หนี้ไม่มีทางน้อยแน่นอน
สาเหตุที่เราเป็นหนี้ไม่ขอพูดนะคะ แต่ตลอดเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา เราไม่ได้หนีหนี้นะ เพียงแต่ว่าเราย้ายที่อยู่ แล้วที่อยู่ในบัตรประชาชน ก็เป็นหอพักที่เราพักอยู่ตั้งแต่เด็ก พอเรียนจบมหาลัยก็ย้ายออกมา แล้วเราเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้มีปัญหาในการทำงาน ที่ผ่านมาเราเข้าๆ ออกๆ งานตลอด ตกงานก็บ่อยๆ จนหลังๆ ไปทำงาน parttime เพิ่งกลับมาทำงานประจำได้ 1 ปี คือที่นี่เค้ายอมรับที่เราเป็นได้ เราเป็นๆ หายๆ ไปทำงานได้บ้างไม่ได้บ้าง เค้าก็ไม่ไล่ออก แค่หักเงินเดือน ที่ผ่านมาเราไม่เคยได้เอกสารทวงหนี้อะไรใดๆ ทั้งสิ้น แต่ตอนนี้เรามีงานทำที่แน่นอน มีรายได้สม่ำเสมอ เราก็อยากใช้หนี้ แต่ไม่อยากใช้ในยอดที่เยอะจนเกินไป เพื่อนๆ ช่วยเราด้วยนะ
ช่วยด้วย จะปรับโครงสร้างหนี้หรือยอมให้ฟ้องดี
โจทย์ของเราคือ เราต้องการจ่ายยอดหนี้ทั้งหมดอยู่ที่ 60,000 บาท เราควรปรับโครงสร้างหนี้แล้วก็เสี่ยงเอาว่าเจ้าหน้าที่จะทำตามที่พูดไหม หรือจะไปขึ้นศาลให้ศาลช่วยที แต่เราก็ไม่รู้ว่าศาลจะช่วยอะไรเราได้บ้าง
เจ้าหน้าที่บอกเราว่า ถ้าเจ้าหนี้ไม่รับข้อเสนอของเรา เค้าก็จะทำการสืบหาทรัพย์สิน ซึ่งถึงตอนนั้นเค้าก็จะอายัติเงินเดือนเรา เรายอมรับว่ากลัวมาก เพราะไม่รู้ว่าศาลจะช่วยอะไรได้บ้าง แล้วเราไม่ต้องการถูกอายัติเงินเดือน เพราะก่อนหน้านี้ 2 เดือน ก็มีเจ้าหนี้รายที่ 1 ทำจดหมายมาอายัติเงินเดือนเรา ซึ่งในขณะที่อายัติเงินเดือน ดอกเบี้ยก็ยังคงเดินต่อไป เหมือนเราจ่ายเงินไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดจบ ซึ่งเราไม่ต้องการแบบนั้น เราต้องการให้หนี้อยู่ที่ยอดคงตัว (เราโชคดีได้ที่ทำงานให้เรากู้เงินไปปิดบัญชี ซึ่งเราเคลียร์หนี้ก้อนแรกไปเรียบร้อยแล้ว แต่ปัจจุบันต้องจ่ายหนี้เดือนละ 5,000 บาท 10 เดือน ซึ่งเราเพิ่งจ่ายไป 2 เดือนเอง)
เจ้าหน้าที่บอกเราว่า ถ้าขึ้นศาลต้องมีค่าธรรมเนียม จำไม่ได้แล้วว่าคิดเท่าไหร่ แต่ของเรา 80,000 ต้องจ่าย 8,000 ซึ่งเรามาคิดดู รวมๆ แล้วเราจะต้องจ่ายเงินเยอะกว่าหรือพอๆ กับการยอมปรับโครงสร้างหนี้หรือเปล่า
ถ้าเป็นเพื่อนๆ จะเลือกอะไรคะ ใจเราอยากเลือกปรับโครงสร้างหนี้นะ ยอดมันคงตัวแน่นอนรู้ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่แน่ แต่แค่เสี่ยงกับการลดยอดหนี้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า กับการไปขึ้นศาลซึ่งก็ไม่รู้ว่าศาลช่วยอะไรได้บ้าง ทำอะไรได้บ้าง แล้วสรุปแล้ว เราจะจ่ายเงินน้อยลงจริงเหรอ (ในความคิดเหมือน เหมือนจะจ่ายพอๆ หรือมากกว่าปรับโครงสร้างหนี้เลยนะ) แต่เพื่อนเราที่เรียนกฎหมายน่ะสิพูดจนเรากังวล แล้วบอกว่าไปขึ้นศาลดีกว่า แต่ก็บอกเราไม่ได้ว่าศาลจะช่วยอะไรได้บ้าง ข้อเสนอแบบไหนที่ศาลจะพิจารณาให้ อีกอย่างเราติดปัญหาว่า ศาลจะช่วยให้เจ้าหนี้ไม่หยุดคิดดอกเบี้ยได้หรือเปล่า เหมือนจะทำไม่ได้ ดอกเบี้ยเดินไปเรื่อยๆ หนี้ไม่มีทางน้อยแน่นอน
สาเหตุที่เราเป็นหนี้ไม่ขอพูดนะคะ แต่ตลอดเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา เราไม่ได้หนีหนี้นะ เพียงแต่ว่าเราย้ายที่อยู่ แล้วที่อยู่ในบัตรประชาชน ก็เป็นหอพักที่เราพักอยู่ตั้งแต่เด็ก พอเรียนจบมหาลัยก็ย้ายออกมา แล้วเราเป็นโรคซึมเศร้า ทำให้มีปัญหาในการทำงาน ที่ผ่านมาเราเข้าๆ ออกๆ งานตลอด ตกงานก็บ่อยๆ จนหลังๆ ไปทำงาน parttime เพิ่งกลับมาทำงานประจำได้ 1 ปี คือที่นี่เค้ายอมรับที่เราเป็นได้ เราเป็นๆ หายๆ ไปทำงานได้บ้างไม่ได้บ้าง เค้าก็ไม่ไล่ออก แค่หักเงินเดือน ที่ผ่านมาเราไม่เคยได้เอกสารทวงหนี้อะไรใดๆ ทั้งสิ้น แต่ตอนนี้เรามีงานทำที่แน่นอน มีรายได้สม่ำเสมอ เราก็อยากใช้หนี้ แต่ไม่อยากใช้ในยอดที่เยอะจนเกินไป เพื่อนๆ ช่วยเราด้วยนะ