สักกายทิฎฐิ แปลว่า ความเห็นว่ามีสิ่งที่เป็นตัวตน-ของตน คือความเห็นว่าร่างกายและจิตใจนี้เป็นตัวเรา-ของเรา
สักกายทิฎฐินี้เป็นความเห็น(หรือเข้าใจ)ผิดตัวแรก ที่ผูกจิตของเราไว้ในความทุกข์(สังโยชน์)
ก่อนอื่นเราจะต้องทำลายความเห็นผิดตัวแรกนี้ให้ได้ก่อน แล้วจึงค่อยไปศึกษาเรื่องอื่น
แต่ถ้าเราไปศึกษาเรื่องอื่นก่อน ก็อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด แล้วการศึกษาต่อไปก็จะผิดไปหมดทันที (ถ้าติดกระดุมตัวแรกผิด ตัวต่อไปก็จะผิดไปหมด)
สักกายทิฎฐิก็คือความเห็นว่า จิตของเรานี้คือตัวตนที่เป็นเรา ที่เป็นตัวตนของมันเองโดยไม่ต้องอาศัยสิ่งอื่นมาปรุงแต่งขึ้นมา และตัวตนนี้จะไม่มีวันดับหายไปแม้ร่างกายจะตายไปแล้วก็ตาม เมื่อร่างกายตาย จิตนี้ก็ยังจะมีการเกิดขึ้นมาใหม่ได้อีก ซึ่งความเห็นนี้เองที่ทำให้เกิดความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดและเรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า และเรื่องเวรกรรมจากชาติปางก่อนขึ้นมา เป็นต้น
การทำลายสักกายทิฎฐินั้นก็ทำได้โดยการสร้างความเห็น(หรือความเข้าใจ)ที่ถูกต้องว่า "แท้จริงมันไม่มีตัวเราอยู่จริง" ขึ้นมา โดยใช้เหตุใช้ผลมาพิจารณาและเอาสิ่งที่เราสามารถสัมผัสได้จริงในปัจจุบันมาดู (เพ่งดู) ก็จะทำลายสักกายทิฎฐินี้ได้
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ความเชื่อว่าจิตนี้คือตัวตนที่เป็นเรานี้มันได้ฝักรากลึกเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเราเสียแล้ว จึงทำให้เราไม่ยอมรับเหตุผลและความจริงที่ว่าแท้จริงมันไม่ได้มีตัวเราอยู่จริง จึงทำให้ไม่สามารถทำลายสักกายทิฎฐิได้ แม้มันจะเป็นแค่ความเห็นผิดหยาบๆเท่านั้นก็ตาม
ดังนั้นผู้ที่จะทำลายสักกายทิฎฐิได้ จึงต้องใช้ความไม่ดื้อรั้น(ลดทิฎฐิมานะ)มาเป็นคุณสมบัติตัวแรก และใช้สติปัญญารวมทั้งสมาธิตามมา จึงจะทำลายสักกายทิฎฐิตัวนี้ได้
สักกายทิฎฐิคือความเห็นผิดตัวแรกที่ชาวพุทธต้องทำลายให้ได้ก่อน
สักกายทิฎฐินี้เป็นความเห็น(หรือเข้าใจ)ผิดตัวแรก ที่ผูกจิตของเราไว้ในความทุกข์(สังโยชน์)
ก่อนอื่นเราจะต้องทำลายความเห็นผิดตัวแรกนี้ให้ได้ก่อน แล้วจึงค่อยไปศึกษาเรื่องอื่น
แต่ถ้าเราไปศึกษาเรื่องอื่นก่อน ก็อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด แล้วการศึกษาต่อไปก็จะผิดไปหมดทันที (ถ้าติดกระดุมตัวแรกผิด ตัวต่อไปก็จะผิดไปหมด)
สักกายทิฎฐิก็คือความเห็นว่า จิตของเรานี้คือตัวตนที่เป็นเรา ที่เป็นตัวตนของมันเองโดยไม่ต้องอาศัยสิ่งอื่นมาปรุงแต่งขึ้นมา และตัวตนนี้จะไม่มีวันดับหายไปแม้ร่างกายจะตายไปแล้วก็ตาม เมื่อร่างกายตาย จิตนี้ก็ยังจะมีการเกิดขึ้นมาใหม่ได้อีก ซึ่งความเห็นนี้เองที่ทำให้เกิดความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดและเรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า และเรื่องเวรกรรมจากชาติปางก่อนขึ้นมา เป็นต้น
การทำลายสักกายทิฎฐินั้นก็ทำได้โดยการสร้างความเห็น(หรือความเข้าใจ)ที่ถูกต้องว่า "แท้จริงมันไม่มีตัวเราอยู่จริง" ขึ้นมา โดยใช้เหตุใช้ผลมาพิจารณาและเอาสิ่งที่เราสามารถสัมผัสได้จริงในปัจจุบันมาดู (เพ่งดู) ก็จะทำลายสักกายทิฎฐินี้ได้
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ความเชื่อว่าจิตนี้คือตัวตนที่เป็นเรานี้มันได้ฝักรากลึกเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเราเสียแล้ว จึงทำให้เราไม่ยอมรับเหตุผลและความจริงที่ว่าแท้จริงมันไม่ได้มีตัวเราอยู่จริง จึงทำให้ไม่สามารถทำลายสักกายทิฎฐิได้ แม้มันจะเป็นแค่ความเห็นผิดหยาบๆเท่านั้นก็ตาม
ดังนั้นผู้ที่จะทำลายสักกายทิฎฐิได้ จึงต้องใช้ความไม่ดื้อรั้น(ลดทิฎฐิมานะ)มาเป็นคุณสมบัติตัวแรก และใช้สติปัญญารวมทั้งสมาธิตามมา จึงจะทำลายสักกายทิฎฐิตัวนี้ได้