[เรื่องสั้น] - ปล้นครั้งสุดท้าย

ณ หมู่บ้านเล็กๆที่แสนจะแออัดแห่งนึงยามพลบค่ำ อากาศหนาวพอที่จะทำให้ผู้คนเลือกที่จะกลับเข้าไปพักอาศัยในบ้านเร็วกว่าทุกวัน แต่ก็ไม่หนาวพอจะที่จะทำให้“เบิ้ม” เปลี่ยนใจจากสิ่งที่ตั้งใจจะทำในวันนี้ เบิ้มเป็นชายหนุ่มที่เกิดและโตในหมู่บ้านนี้ ตั้งแต่เกิดชีวิตของเบิ้มเรียกได้ว่าเกิดมาด้วยความไม่พร้อม พ่อของเบิ้มทิ้งไปตั้งแต่แม่ของเบิ้มตั้งท้องได้เพียงสามเดือน ทำให้แม่ของเบิ้มต้องเลี้ยงเบิ้มมาด้วยความยากลำบากมาตลอด คำว่าหาเช้ากินค่ำ อาจจะดูสบายไปสำหรับเบิ้ม และเมื่อครอบครัวของเบิ้มต้องมาเจอวิบากกรรมอีกครั้ง เมื่อแม่ของเบิ้มล้มป่วย เบิ้มต้องตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน ทั้งๆที่เพิ่งขึ้นม.4 ไปได้ไม่นาน เพื่อออกมาทำงานเป็นคนงานก่อสร้าง เพื่อจะหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับจ่าย และไม่พอค่ารักษาให้แม่เค้าหายป่วย และด้วยวุฒิภาวะที่ยังเป็นเด็ก ทำให้เบิ้มหาทางที่จะหาเงินให้ได้เร็วๆ นั่นคือ .. การปล้น

        โจรมือสมัครเล่นแบบเบิ้มเลือกใช้อุปกรณ์ที่ใกล้ๆตัว หมวกโม่งที่ใช้ทำงานก่อสร้างทุกวัน มีดเล่มเล็กๆเอาไว้ขู่เหยื่อเมื่อจำเป็น เบิ้มพยายามนั่งทบทวนสิ่งที่จะทำอยู่นาน แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเลือกใดที่ดีกว่านี้แล้ว ทำให้เบิ้มเลือกที่จะตั้งใจปล้นต่อไป เบิ้มเดินออกจากบ้านมาด้วยความกังวล พร้อมกับคำถามมากมายที่วิ่งเข้ามาในหัว แล้วเค้าจะไปหาเหยื่อที่ไหน เค้าจะปล้นคนแบบไหนดี ถ้าเป็นคนแก่ หรือผู้หญิง เค้ายังจะเลือกปล้นต่อไปไหม ? เบิ้มเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย เหน็บมีดและหมวกไอ้โม่งไว้ในกระเป๋ากางเกง

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

        ทันใดนั้น เสียงหวีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้เบิ้มที่กำลังเหม่อลอย มีสติกลับคืนมา เมื่อเบิ้มมองหาต้นทางของเสียง ก็เจอกับภาพผู้หญิงร่างเล็กคนหนึ่งกำลังฉุดกระชากยื้อสิ่งของบางอย่างกับชายแก่หน้าตาดุดันคนหนึ่ง
   
        “เค้ากำลังถูกปล้น”

        เหมือนโชคชะตาเล่นตลก คำถามมากมายเริ่มผุดเข้ามาในหัวเบิ้มอีกครั้งหนึ่ง จากเจตนาที่ตั้งใจจะมาเป็นโจร แต่เหตุการณ์กลับทำให้เบิ้มต้องกลายเป็นพลเมืองดีอย่างนั้นหรือ แต่ด้วยสิ่งที่แม่อบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเห็นผู้หญิงเดือดร้อน ในฐานะที่เราเป็นผู้ชายเพศที่ได้ชื่อว่าเข้มแข็งกว่าก็ต้องเข้าไปช่วย เร็วเท่าความคิด เบิ้มเลือกที่จะเก็บมีดไว้ แล้วหยิบท่อนไม้ที่อยู่ใกล้ตัววิ่งเข้าไปฟาดที่กลางหลังของชายแก่คนนั้นอย่างเต็มเหนี่ยว ชายแก่คนนั้นล้มทั้งยืน แต่ในมือยังกำสิ่งที่ยื้อแย่งกันไว้แน่น เบิ้มคาดคะเนด้วยสายตา มันเป็นสร้อยคอทองคำหนักไม่น่าจะต่ำกว่าสามบาท เบิ้มเงื้อไม้จะฟาดอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าชายแก่ลุกไม่ขึ้นแล้ว เบิ้มเลยลดมือลง และหันไปสนใจหญิงสาวที่ทำหน้าตื่นตกใจ และมีสีหน้าค่อนข้างมึนงง

       “ไม่ต้องตกใจไปครับ คุณปลอดภัยแล้ว”

       เบิ้มบอกกับหญิงสาวคนนั้น พร้อมยิ้มให้ เบิ้มก้มลงจะไปหยิบสร้อยคอเส้นนั้นคืนให้กับหญิงสาว เมื่อหยิบสร้อยคอขึ้นมา แต่ทันใดนั้นเองเบิ้มสังเกตุว่ามีแสงของรถมอเตอร์ไซค์มาจากด้านหลัง เมื่อหันไปดูพบว่าเป็นรถของตำรวจที่คงจะออกมาตรวจตราพื้นที่ตามปกติ
  
       “ดีเหมือนกัน ไม่ต้องลำบากพาตัวคนร้ายไปถึงโรงพัก”   เบิ้มคิดในใจ

       แต่เมื่อเบิ้มหันกลับมาจะยื่นสร้อยคอทองคำให้กับหญิงสาว กลับพบว่าหญิงสาวผู้นั้นได้วิ่งจ้ำอ้าวหายไปในมุมมืดของหมู่บ้านเสียแล้ว .. ท่ามกลางความงุงงงของเบิ้ม ตำรวจก็จอดรถมอเตอร์ไซค์แล้วเข้ามาถาม

        “ เกิดอะไรขึ้นครับ “

       ชายแก่ผู้ที่นอนแน่นิ่งอยู่นั้น เริ่มขยับตัวและพยายามลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เมื่อตำรวจเห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปประคองให้ชายแก่ลุกขึ้นยืน .. ชายแก่พยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล .. พร้อมทั้งบอกกับตำรวจว่า

      “ผมกำลังจะโดนปล้นครับ..”

       ชายแก่เงียบไปพักหนึ่ง มองหน้าเบิ้มด้วยสายตาครุ่นคิด แล้วบอกกับตำรวจต่อว่า

      “โชคดีที่เด็กชายคนนี้ มาช่วยผมไว้ได้ทัน ไม่งั้นผู้หญิงที่จะมาปล้นผมเมื่อกี้ อาจจะทำร้ายผมไปแล้วก็ได้”

       เบิ้มมึนงง อึ้ง และตกใจกับเหตุการณ์ที่ตัวเองได้ประสบไปเมื่อซักครู่ .. เค้าช่วยผิดคนงั้นหรือ .. เค้าเกือบจะทำร้ายคนชราเพราะการตัดสินคนจากภายนอก ..

      “ไปโรงพยาบาลไหมครับ” ตำรวจถามชายแก่ด้วยท่าทีเป็นห่วง

     “ไม่เป็นไรครับ ผมเจ็บแค่นิดหน่อย” ชายแก่ตอบกลับไป

     “งั้นขอเชิญคุณทั้งสองคนไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยนะครับ” ตำรวจบอกต่อ


     ..
     ..
     ..

         เวลาล่วงเลยผ่านไป หลังจากทั้งเบิ้มและชายแก่ผู้นั้นได้เดินทางไปให้ปากคำที่โรงพักแล้ว
เบิ้มค่อยๆประคองชายแก่ออกมาจากโรงพักช้าๆ .. และเริ่มคำถามที่ค้างคาใจอยู่ในหัว

        “ ทำไมลุงถึงบอกกับตำรวจแบบนั้นครับ ทั้งๆที่ผมเป็นคนทำร้ายลุงแท้ๆ “

        ชายแก่ยิ้มให้เด็กหนุ่ม .. พร้อมกับให้คำตอบเชิงสั่งสอนว่า

         “ก็เธอเจตนาจะช่วยคนบริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ เธอทำทุกอย่างถูกแล้ว ที่กล้าหาญเข้ามาช่วยคนที่กำลังเดือดร้อนจะผิดก็แค่ตรงที่ เธอมองคนแต่ภายนอก และตัดสินใจช่วยผู้หญิงคนนั้น”

         ชายหนุ่มนิ่่งเงียบ และครุ่นคิด

         “ซึ่งมันก็ไม่แปลกอะไร ถ้ากลับกัน ลุงเป็นเธอ ลุงก็คงไม่คิดหรอกว่า หญิงสาวหน้าตาหน้ารัก ร่างเล็กๆคนนั้นจะเป็นโจร และมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ลุงต้องบอกความจริงกับตำรวจ ซึ่งทำให้เด็กหนุ่มนิสัยดีอย่างเธอต้องเดือดร้อน”

          เด็กหนุ่มยังคงนิ่งเงียบ และน้ำตาคลอ

          “ผมขอโทษจริงๆครับ” เบิ้มพูดด้วยเสียงสั่นเครือ พร้อมยกมือไหว้ชายแก่

           ชายแก่ยิ้มให้ และพูดต่อไปว่า

           “ไม่ต้องขอโทษ .. แต่ลุงขอให้มันเป็นบทเรียนแก่เธอนะ อย่ามองคนที่เปลือกนอก และให้รักษาความดีที่เธอมีต่อไป”

            เบิ้มยิ้มตอบ

           เมื่อเดินมาถึงหน้าโรงพักชายแก่เรียกแท๊กซี่และตัดสินใจชวนเบิ้มกลับไปด้วยกัน จึงทำให้ทั้งสองคนมีเวลาในการสนทนากันมากขึ้น และทำให้เบิ้มรู้ว่า ชายแก่คนนั้นเป็นเจ้าของร้านอาหารร้านใหญ่ในละแวกนั้น และเมื่อชายแก่ถึงทราบเรื่องราวชีวิตของเบิ้ม ชายแก่คนนั้นจึงไม่ลังเลที่จะชวนเบิ้มเข้ามาทำงานในร้านอาหาร ทำให้เบิ้มมีรายได้ และมีอาหารกลับไปฝากแม่ทุกๆวัน ไม่ต้องอดอยากเหมือนที่เคยผ่านมาอีกต่อไป ..

          เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่นาน แต่มันก็ทำให้ชีวิตของเด็กคนหนึ่งเป็นไปตลอดกาล .. การพยายามจะปล้นของครั้งแรกของเบิ้ม .. มันกลายเป็นการปล้นครั้งสุดท้าย ที่จะทำให้เบิ้มจดจำไปตลอดชีวิต ..


======================= จบ =======================

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่