ผมมีน้องชาย ซึ่งตอนนี้กำลังจะขึ้นปี2 (ทางมหาวิทยาลัยเปิดตามอาเซียนแล้ว ตอนนี้ปิดเทอมใกล้จะเปิดเทอมแล้ว) ซึ่งผมจะไม่ว่าเลยว่าจะไปทำกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งช่วงนี้มีการซ้อมร้องเพลง เพื่อต่อไปมีน้องปี1เข้ามาก็จะต้องสอนน้องร้องเพลง ซึ่งน้องผมต้องไปทุกวัน แต่เนื่องจากแม่ผมเป็นโรคเรื้อรัง จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ น้องของผมจึงหยุดตามเวลาที่แม่ไปโรงพยาบาล แต่ไปวันอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ ซึ่งผมตอนนี้ผมก็ทำงานมาได้ก็หลายเดือนแล้วมีเงินเก็บพอประมาณ ล่าสุดแม่ผมขอยืมเงินผมเนื่องจากว่าต้องจ่ายค่าธุรกิจทางบ้านซึ่งแม่จำเป้นต้องจ่าย โดยที่แม่ของผมก็มีเงินในบัญชีพอจ่ายให้กับเงินก้อนนี้ประมาณ 26,000 แต่ไม่พอจ่ายสำหรับค่าเทอมน้องประมาณ23,000 คือผมเป็นพี่ ผมไม่มีปัญหาที่จะจ่ายให้น้องนะครับ แต่เคยบอกมันว่า ทำไมไม่เอาเวลาที่ไปซ้อมร้องเพลงเพื่อสอนน้องร้องเพลงเนี่ย ไปหางานพิเศษทำ อย่างน้อยอยากจะไปทำกิจกรรมก็ไปซัก 1-2วันก็พอ แล้ววันอื่นก็ไปหางานทำ จริงๆช่วงปิดเทอมควรจะอยู่กับแม่ด้วยซ้ำ เพราะแต่ต้องมีคนขับรถพาแม่ไปโรงพยาบาล แล้วต้องดูแลแม่เวลาแม่อยู่บ้าน ถ้าเกิดอยากจะออกจริงๆ เอาเวลาที่หายไปจากแม่มาหาเงินเพื่อช่วยแม่จ่ายค่าเทอมดีกว่ามั้ย เพราะหายไปจากบ้านแล้วได้ตังมาช่วยจ่ายค่าเทอมยังจะดีกว่าอีก น้องผมตอบกลับมาว่า ก็นี่มันชีวิตของผม ผมมีความสุขที่จะได้ทำกิจกรรม หยุดก็มาอยู่กับแม่แล้วนี่ไง ส่วนเรื่องค่าเทอมเดี๋ยวกู้มหาลัยเอาก็ได้(ซึ่งก็ไม่เห็นมันทำเรื่องอะไรเลย ปิดเทอมมา1-2เดือนแล้ว จะเปิดเทอมแล้วเนี่ย) เกรดผมก็ดี(เทอมแรก2.4 เทอมสอง 3.1) ตอนนี้ผมไปทำกิจกรรมที่มหาลัยแค่2-3วัน เพื่อนก็น้อยจะตายอยู่แล้ว เพราะว่าไม่ค่อยทำกิจกรรมกับทางมหาลัยเลย
ตอนนี้ผมไม่อยากจะจ่ายค่าเทอมให้น้องผมเป็นที่สุด คือสอนอะไรก็เถียง คราวก่อนลูกพี่ลูกน้องอายุ40กว่าแล้ว ก็สอนว่าทำไมไม่ไปหางานข้างนอกทำดีกว่า(คิดแบบเดียวกับผม) ทำกิจกรรมที่มหาลัยตลอดได้อะไรบ้าง น้องผมบอกว่า”ก็ได้ฝึกการทำงานเป็นทีม รักมหาลัยมากขึ้น มีความสามัคคี ได้ใช้ท่าสวยๆในการบูม(และบอกว่าท่าบูมของมหาลัยอื่นแปลกๆกว่าของสถาบันตัวเอง เพราะสถาบันอื่นแค่ยืนตัวตรง)” ซึ่งผมเริ่มทำงานได้ซักระยะเดือน ผมยังมีความคิดว่ากิจกรรมที่มหาลัยมันมีแค่ผ่อนคลายแค่นั้นละ เพราะตอนทำงานจริงๆมันแย่งกันขึ้นตำแหน่งจะตาย หัวหน้ามอบหมายงานมาให้ ต้องมาแบ่งๆงานกันไปทำ แต่ใครไม่เสร็จก็ช่างมัน ประมาณนี้ ค่อนข้างจะต่างคนต่างอยู่ ใครทำดีก็ขึ้นตำแหน่งเร็ว ผมอยากจะบอกว่าตอนน้องผมมันไม่เปิดเทอม มันก็อยู่ชมรมกีฬาอะไรพวกนี้เยอะแยะ กลับบ้านมาก็ 2-3ทุ่ม ทั้งๆที่มหาลัยอยู่ใกล้บ้านมากกว่าผมอีก พอเสร็จจากกีฬาก็จะบ่นกับทางบ้านว่าปวดนู้นปวดนี่ เหนื่อย อะไรพวกนี้ ผมยังว่ามันทำกิจกรรมเยอะกว่าผมตอนที่ผมอยู่มหาลัยอีก ตอนผมอยู่มหาลัย ผมแทบจะไม่เข้ากิจกรรมเลย แต่ผมก็มีเพื่อนสนิท10กว่าคน แถมได้เพื่อนต่างคณะด้วย แล้วน้องผมทำกิจกรรมตลอด ถ้าเพื่อนน้อยก็แสดงว่ามันคงพูดไม่ดีกับเพื่อนเองมากกว่า
ตอนนี้บอกตรงๆ ผมไม่อยากจะช่วยจ่ายค่าเทอมมาก อยากให้น้องผมไปเรียนรู้บ้างว่าถ้าไม่มีเงิน กิจกรรมช่วยอะไรได้มั้ย ผมไม่ได้โทษกิจกรรมที่มหาลัย แต่ควรจะนึกถึงความเป็นไปของครอบครัวบ้าง ไม่ใช่ว่าผมมีความสุข ผมจะทำ แต่เราต้องดูด้วยว่าทำกิจกรรมแล้วมีเงินเรียนจบมั้ย สมัยผมเรียน ผมใช้เงินต่อวัน 100 บาท เดินทางไป-กลับ ไม่อยู่หอ ยังอยู่ได้ แต่น้องผมทุกวันนี้แม้ให้ 150-200 บาทต่อวันละครับ (มหาลัยอยู่ใกล้บ้านนะครับ)
เงินผมเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่เท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าจะเก็บไว้สร้างตัวเอง ไว้เปิดธุรกิจของตัวเอง อยากใช้กับแม่ของผมและตัวของผมเองพาไปเที่ยวหรือกินอาหารดีๆ ตอนผมเรียนอยู่ผมรับสอนพิเศษ ช่วยแม่บางเทอม2,000-5,000บาท แต่น้องผมไม่เคยหางานParttime ทำเลยครับ
ค่าเทอมผม(ตอนเรียน) 10,000-15,000 บาท วิศวะ
ค่าเทอมน้อง(ปัจจุบัน) 20,000-30,000บาท (กึ่งรัฐ กึ่งเอกชน ซึ่งตอนนี้เปิดตามเอเชียนแล้ว) วิทยา
คิดยังไงกับการรักสถาบันบ้างครับ จนลืมว่าเทอมต่อไปจะเรียนยังไง
ตอนนี้ผมไม่อยากจะจ่ายค่าเทอมให้น้องผมเป็นที่สุด คือสอนอะไรก็เถียง คราวก่อนลูกพี่ลูกน้องอายุ40กว่าแล้ว ก็สอนว่าทำไมไม่ไปหางานข้างนอกทำดีกว่า(คิดแบบเดียวกับผม) ทำกิจกรรมที่มหาลัยตลอดได้อะไรบ้าง น้องผมบอกว่า”ก็ได้ฝึกการทำงานเป็นทีม รักมหาลัยมากขึ้น มีความสามัคคี ได้ใช้ท่าสวยๆในการบูม(และบอกว่าท่าบูมของมหาลัยอื่นแปลกๆกว่าของสถาบันตัวเอง เพราะสถาบันอื่นแค่ยืนตัวตรง)” ซึ่งผมเริ่มทำงานได้ซักระยะเดือน ผมยังมีความคิดว่ากิจกรรมที่มหาลัยมันมีแค่ผ่อนคลายแค่นั้นละ เพราะตอนทำงานจริงๆมันแย่งกันขึ้นตำแหน่งจะตาย หัวหน้ามอบหมายงานมาให้ ต้องมาแบ่งๆงานกันไปทำ แต่ใครไม่เสร็จก็ช่างมัน ประมาณนี้ ค่อนข้างจะต่างคนต่างอยู่ ใครทำดีก็ขึ้นตำแหน่งเร็ว ผมอยากจะบอกว่าตอนน้องผมมันไม่เปิดเทอม มันก็อยู่ชมรมกีฬาอะไรพวกนี้เยอะแยะ กลับบ้านมาก็ 2-3ทุ่ม ทั้งๆที่มหาลัยอยู่ใกล้บ้านมากกว่าผมอีก พอเสร็จจากกีฬาก็จะบ่นกับทางบ้านว่าปวดนู้นปวดนี่ เหนื่อย อะไรพวกนี้ ผมยังว่ามันทำกิจกรรมเยอะกว่าผมตอนที่ผมอยู่มหาลัยอีก ตอนผมอยู่มหาลัย ผมแทบจะไม่เข้ากิจกรรมเลย แต่ผมก็มีเพื่อนสนิท10กว่าคน แถมได้เพื่อนต่างคณะด้วย แล้วน้องผมทำกิจกรรมตลอด ถ้าเพื่อนน้อยก็แสดงว่ามันคงพูดไม่ดีกับเพื่อนเองมากกว่า
ตอนนี้บอกตรงๆ ผมไม่อยากจะช่วยจ่ายค่าเทอมมาก อยากให้น้องผมไปเรียนรู้บ้างว่าถ้าไม่มีเงิน กิจกรรมช่วยอะไรได้มั้ย ผมไม่ได้โทษกิจกรรมที่มหาลัย แต่ควรจะนึกถึงความเป็นไปของครอบครัวบ้าง ไม่ใช่ว่าผมมีความสุข ผมจะทำ แต่เราต้องดูด้วยว่าทำกิจกรรมแล้วมีเงินเรียนจบมั้ย สมัยผมเรียน ผมใช้เงินต่อวัน 100 บาท เดินทางไป-กลับ ไม่อยู่หอ ยังอยู่ได้ แต่น้องผมทุกวันนี้แม้ให้ 150-200 บาทต่อวันละครับ (มหาลัยอยู่ใกล้บ้านนะครับ)
เงินผมเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่เท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าจะเก็บไว้สร้างตัวเอง ไว้เปิดธุรกิจของตัวเอง อยากใช้กับแม่ของผมและตัวของผมเองพาไปเที่ยวหรือกินอาหารดีๆ ตอนผมเรียนอยู่ผมรับสอนพิเศษ ช่วยแม่บางเทอม2,000-5,000บาท แต่น้องผมไม่เคยหางานParttime ทำเลยครับ
ค่าเทอมผม(ตอนเรียน) 10,000-15,000 บาท วิศวะ
ค่าเทอมน้อง(ปัจจุบัน) 20,000-30,000บาท (กึ่งรัฐ กึ่งเอกชน ซึ่งตอนนี้เปิดตามเอเชียนแล้ว) วิทยา