เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกนะคะ ผิดถูกขออภัยด้วยค่ะ
เล่ายาวหน่อยนะคะ เผื่อจะได้สังเกตุว่า พฤติกรรมกินยาคุมมีส่วนหรือเปล่า
แต่อยากเล่าประสบการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในการเกิดมาเป็นผู้หญิง แบ่งปันสู่กันฟัง จะได้สังเกตุตัวเองหากเกิดอาการแบบนี้ขึ้นมา เพราะมันอันตรายมาก
ตอนนี้อายุ 30 ค่ะ ผ่าตัดท้องนอกมดลูกผ่านมา 11 เดือนละ
เริ่มจากดิฉันเป็นคนฮอร์โมนเพศชายเยอะกว่าเพศหญิง ทำให้เป็นประจำเดือนไม่ปกติ คือบางที เดือนเว้นเดือนหรือ3เดือนครั้ง
ตอนอายุ18 หมอให้กินยาคุมปรับฮอร์โมน แต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์นะคะ(เถียงกับหมอแทบตาย เพราะหมอไม่เชื่อ555+)
จากนั้นกินยาคุมตลอดๆ จนเป็นปี เพราะมันทำให้ ปจด. มาทุกเดือน
เลิกกินตอนอายุ 20 เพราะมดลูกคงที่แล้ว ปจด.มาปกติทุกเดือน
ก็มีแฟนนะคะ แต่ไม่กินยาคุมเพราะนานๆเจอกัน เคยกินแต่ยาคุมฉุกเฉินอยู่ 2-3 ครั้ง
จนอายุ 26 อยู่ด้วยกันกับแฟนตลอด เลยกินยาคุมทุกเดือนติดต่อกันจนอายุ 29
และแล้ว ต้องการมีลูกเลยหยุดกิน หยุดได้ 3 เดือน ปจด.ไม่มาสักที
เทียวตรวจครรภ์ตลอดก็ไม่มีอะไร เพื่อนๆที่เคยกินบอกว่าปกติ เพราะเรากินยาคุมมานาน
มดลูกแห้งบ้าง ตอนนี้มันปรับฮอร์โมน เดี๋ยวก็มา
ปรากฎว่าเดือนที่ 3 นั่นแหละ ปจด. มา แต่น้อยมาก ดำๆ คล้ำๆ มาแค่3วัน
จากนั้นอีก2เดือน ปจด.ก็ยังไม่มาอีก ดิฉันนิ่งนอนใจ ว่าคงเป็นเหมือน3เดือนแรก
ที่หลายเดือน กว่า ปจด.จะมาอีก ก็ไม่ได้ตรวจครรภ์แต่อย่างใด
(ช่วงนี้ท้องแล้วนะคะ แต่ยังไม่รู้ตัว เพราะไม่แสดงอาการอะไรเลย)
จนวันนึง เวลา 19.30 ปวดท้องขึ้นมากะทันหัน ทีแรกเหมือนปวดถ่าย ปวดมาก ปวดบิดๆ
คลื่นไส้นิดหน่อย พอไปนั่งถ่าย กลับถ่ายไม่ออก แถมปวดหน่วงๆ ท้องน้อย นั่งทับตูดไม่ได้เลย
ก็นอนพัก นึกว่าปวดท้องน้อยธรรมดา แต่หน้าชาไปหมดเลย
จนเวลา22.00 ทนไม่ไหว ปวดมากจนขยับไม่ได้ ท้องบวมๆ
แฟนพาไปหาหมออย่างทุลักทุเล ไปโรงพยาบาลของรัฐ
เจอหมอจบใหม่ เป็นหมอเวร ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
พยาบาลตรวจฉี่ บอกว่าตั้งครรภ์ ก็ดีใจแต่พะวงกับความเจ็บปวด
หมอมาตรวจ บอกว่าอาจเป็นไส้ติ้ง เพราะปวดหน่วงท้องน้อยด้านขวา
(แต่ที่จริงฉันเจ็บไปหมดทุกด้าน) ให้นอน รพ.คืนนึงรอดูอาการ เผื่อไส้ติ่งแตกกะทันหัน
ดิฉันนอนห้องผู้ป่วยรวม เพราะห้องพิเศษเต็ม สงสารแฟนมาก แต่ดีแล้วที่ไม่ได้นอนห้องพิเศษ
เพราะคืนนั้น ดิฉันช๊อกหมดสติ พยาบาลกับญาติผู้ป่วยคนอื่นมาช่วยพยุง
ใส่สายออกซิเจน ความรู้สึกเหมือนหลับสนิท ฟื้นมาอีกทีเพราะได้ยินพยาบาลกับแฟนเรียก
คืนนั้นปวดท้องมาก ต้องได้ฉี่บนเตียงเพราะลุกไม่ไหว ตอนแฟนไม่อยู่โชคดีที่มีญาติผู้ป่วยคนอื่นช่วยดูให้
พอเที่ยงของอีกวัน หมอคนเดิมมาตรวจ บอกว่าไส้ติ่งไม่แตก แสดงว่าเป็นกระเพาะปัสสวะอักเสบ
ให้ออกจาก รพ.ได้ แล้วให้ยาฉีดมา 5 หลอด ให้นำยามาเข้ายาที่ รพ.ทุกวัน เพราะต้องฉีดเข้าเส้นเลือด
วันที่ 1 2 ผ่านไป แขนฉันมีแต่รอยเข็มจนไม่มีที่ให้เจาะ และท้องบวมๆๆๆ
กินอะไรไม่ได้แม้แต่น้ำ หน้าก็ซีดๆๆๆๆ
จนวันที่ 3 ตอนเช้ามาเข้ายาปกติ จนถึงเที่ยงคืนปวดท้องกะทันหัน ปวดมากที่สุดในโลก
เหมือนปวด ปจด+ปวดบิดถ่าย+ปวดอาหารเป็นพิษ กระเพาะขึ้น ขยับตัวไม่ได้เลย
ตอนเที่ยงคืน แฟนอุ้มขึ้นรถ ทรมานมาก ไปถึงโรงพยาบาล แทนที่จะมารับคนป่วย
กลับให้ไปทำบัตรอะไรอีกก็ไม่รู้
และแล้วก็มาเจอหมอคนเดิม(ซวยอีก) หมอด่าว่าให้กินน้ำทำไมไม่กิน เพราะเธอเป็นกะเพาะปัสสวะอักเสบ
อืมมม์ หมอยังมั่นใจ
หมอเจาะเลือด จากนั้นรอให้ฉันปวดฉี่ เพราะจะตรวจฉี่ ยังไงก็ฉี่ไม่ออก รอจนตี2 ถึงฉี่ออก
หมอบอกว่าปริมาณเลือดลดลงมาก แสดงว่าเสียเลือดมากแต่ไม่มีบาดแผล
ปรากฎว่า ที่ท้องบวมๆอ่ะ คือเลือดทั้งนั้น มันออกมาจากมดลูก หน้าซีดเผือด
กมอตรวจละเอียดขึ้น อัลตร้าซาวน์ แต่ไม่พบเด็ก(ปกติเด็กอยู่ในมดลูก แต่ลูกดิฉันอยู่ในท่อนำไข่)
หมอโทรไปหาอาจารย์หมออีกทีเพื่อปรึกษา
สรุปว่า ดิฉันท้องนอกมดลูกต้องผ่าตััดด่วน เพราะท่อนำไข่แตกเสียหาย ปล่อยไว้ ดิฉันต้องตายแน่เพราะเสียเลือดมาก
เด็กโตขึ้นทุกวัน มดลูกขยายรองรับทารกได้ แต่ท่อนำไข่ขยายไม่ได้ พอเด็กโตขึ้นมันดันท่อนำไข่แตก
เข้าห้องผ่าตัด 3ชั่วโมง(จนท ห้องผ่าตัดตกใจ ว่าหมอปล่อยมาขนาดนี้ได้ไง จนเลือดเต็มท้อง)
ฉีดยาสลบเข้าเส้นเลือด(ครั้งแรกที่โดนฉีดยาสลบ อยากรู้ว่าจะเหมือนในหนังไหม นานไหมกว่าจะสลบ
ปรากฎว่า ฉีดปุ๊บ สลบปั้บ)
ผ่าตัดเสร็จ พยาบาลปลุกตื่น ผลจากยาสลบ ดิฉันสลึมสลือ อ้วกแตก
(ดิฉันเบลอๆ คุยกัใครไม่รู้เรื่องอยู่เป็นเดือน)
ฉันโดนตัดปีกมดลูกไปข้างนึง( ชีวิตหลังจากนั้นเปลี่ยนไปมาก ถ้ามีโอกาส จะเล่าต่อไปวันหลังนะคะ)
หมอที่ผ่าตัดให้ เป็นหมอเก่า+แก่ หมอผ่าตัดทางตั้งให้ ทีแรกโกรธหมอมากว่าทำไมไม่ผ่าแผลบิกินี่ให้
แต่พอคิดไปคิดมา หมอช่วยชีวิตไว้ ขอบคุณหมอมากๆ
อยู่ รพ.4วัน 2วันแรกอยู่ห้องผู้ป่วยหลังคลอดรวม ทรมานสุดๆ
ดิฉันก็ไอตลอดเวลา
มีอาการแพ้เลือด เป็นจ้ำๆ เพราะรับเลือดจากคนอื่น(เลือด4ถุง พลาสมา2ถุง)
ตัวบวมอืดน้ำเกลือมากๆ
วันที่3ย้ายมาห้องพิเศษ
วันที่4ออกจาก รพ ได้(ขอบอกว่ากินทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่กลัวของแสลง)
รออีก 7 วัน จนถึงวันตัดไหม เปิดแผลครั้งแรก พยาบาลบอกว่าหมอที่ผ่าตัดให้(ไม่เคยเห็นหน้าเลย)
เป็นหมอที่เก่งที่สุดที่นี่ แผลเย็บสวย แต่ก็สวยจริงๆนะคะ แผลตรง ซ่อนปลายด้าย
และที่หมอผ่าทางตรงให้ เพราะว่า หมอถนัดแบบนี้ และผ่าแบบนี้สามารถเปิดแผลได้กว้างกว่า
เอาเลือดออกได้มากกว่า เร็วกว่า เพราะถ้าช้า ฉันอาจจะตาย
ฉันมีโอกาสมีลูกจากปีกมดลูกข้างที่เหลือ แต่ยากมากและมีโอกาสเป็นซ้ำ ต้องวางแผนก่อนมีลูก
ถ้าหมอคนแรกวินิจฉัยโรคถูกต้อง ฉันอาจไม่ต้องเจ็บตัวปล่อยไว้ให้เลือดออกเยอะขนาดนี้จนเกือบตาย
ถ้ารู้ตัวว่าท้องนอกมดลูก ฉันอาจได้กินหรือฉีดยาเพื่อให้เด็กแท้งและฝ่อเอง
หรือผ่าตัดทางกล้องได้
ผลพวงจากการผ่าตัดครั้งนั้นมีตามมามากมาย
สภาพจิตใจ, แผลเป็นที่ตอนนี้น่าเกลียดมาก อิๆ, ฮอร์โมนที่ส่งผลต่อผิวพรรณ หน้าตา สมอง
สุขภาพที่ห้ามยกของหนักตลอดชีพ ออกกำลังกายหนักๆไม่ได้ เซ็กส์เสื่อม เยอะแยะมากมาย
อ่านกระทู้นี้แล้ว หวังว่าคงเป็นประโยชน์ สังเกตุตัวเองจะได้ไม่ปล่อยไว้จนเกือบสาย
ดิฉันโชคร้ายที่อยู่ต่างจังหวัด โรงพยาบาลเอกชนก็ไม่มี อย่าถามถึงการบริการเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้ ร่วมแชร์และสอบถามได้นะคะ
ประสบการณ์ "ท้องนอกมดลูก" ที่เกือบตาย
เล่ายาวหน่อยนะคะ เผื่อจะได้สังเกตุว่า พฤติกรรมกินยาคุมมีส่วนหรือเปล่า
แต่อยากเล่าประสบการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในการเกิดมาเป็นผู้หญิง แบ่งปันสู่กันฟัง จะได้สังเกตุตัวเองหากเกิดอาการแบบนี้ขึ้นมา เพราะมันอันตรายมาก
ตอนนี้อายุ 30 ค่ะ ผ่าตัดท้องนอกมดลูกผ่านมา 11 เดือนละ
เริ่มจากดิฉันเป็นคนฮอร์โมนเพศชายเยอะกว่าเพศหญิง ทำให้เป็นประจำเดือนไม่ปกติ คือบางที เดือนเว้นเดือนหรือ3เดือนครั้ง
ตอนอายุ18 หมอให้กินยาคุมปรับฮอร์โมน แต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์นะคะ(เถียงกับหมอแทบตาย เพราะหมอไม่เชื่อ555+)
จากนั้นกินยาคุมตลอดๆ จนเป็นปี เพราะมันทำให้ ปจด. มาทุกเดือน
เลิกกินตอนอายุ 20 เพราะมดลูกคงที่แล้ว ปจด.มาปกติทุกเดือน
ก็มีแฟนนะคะ แต่ไม่กินยาคุมเพราะนานๆเจอกัน เคยกินแต่ยาคุมฉุกเฉินอยู่ 2-3 ครั้ง
จนอายุ 26 อยู่ด้วยกันกับแฟนตลอด เลยกินยาคุมทุกเดือนติดต่อกันจนอายุ 29
และแล้ว ต้องการมีลูกเลยหยุดกิน หยุดได้ 3 เดือน ปจด.ไม่มาสักที
เทียวตรวจครรภ์ตลอดก็ไม่มีอะไร เพื่อนๆที่เคยกินบอกว่าปกติ เพราะเรากินยาคุมมานาน
มดลูกแห้งบ้าง ตอนนี้มันปรับฮอร์โมน เดี๋ยวก็มา
ปรากฎว่าเดือนที่ 3 นั่นแหละ ปจด. มา แต่น้อยมาก ดำๆ คล้ำๆ มาแค่3วัน
จากนั้นอีก2เดือน ปจด.ก็ยังไม่มาอีก ดิฉันนิ่งนอนใจ ว่าคงเป็นเหมือน3เดือนแรก
ที่หลายเดือน กว่า ปจด.จะมาอีก ก็ไม่ได้ตรวจครรภ์แต่อย่างใด
(ช่วงนี้ท้องแล้วนะคะ แต่ยังไม่รู้ตัว เพราะไม่แสดงอาการอะไรเลย)
จนวันนึง เวลา 19.30 ปวดท้องขึ้นมากะทันหัน ทีแรกเหมือนปวดถ่าย ปวดมาก ปวดบิดๆ
คลื่นไส้นิดหน่อย พอไปนั่งถ่าย กลับถ่ายไม่ออก แถมปวดหน่วงๆ ท้องน้อย นั่งทับตูดไม่ได้เลย
ก็นอนพัก นึกว่าปวดท้องน้อยธรรมดา แต่หน้าชาไปหมดเลย
จนเวลา22.00 ทนไม่ไหว ปวดมากจนขยับไม่ได้ ท้องบวมๆ
แฟนพาไปหาหมออย่างทุลักทุเล ไปโรงพยาบาลของรัฐ
เจอหมอจบใหม่ เป็นหมอเวร ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
พยาบาลตรวจฉี่ บอกว่าตั้งครรภ์ ก็ดีใจแต่พะวงกับความเจ็บปวด
หมอมาตรวจ บอกว่าอาจเป็นไส้ติ้ง เพราะปวดหน่วงท้องน้อยด้านขวา
(แต่ที่จริงฉันเจ็บไปหมดทุกด้าน) ให้นอน รพ.คืนนึงรอดูอาการ เผื่อไส้ติ่งแตกกะทันหัน
ดิฉันนอนห้องผู้ป่วยรวม เพราะห้องพิเศษเต็ม สงสารแฟนมาก แต่ดีแล้วที่ไม่ได้นอนห้องพิเศษ
เพราะคืนนั้น ดิฉันช๊อกหมดสติ พยาบาลกับญาติผู้ป่วยคนอื่นมาช่วยพยุง
ใส่สายออกซิเจน ความรู้สึกเหมือนหลับสนิท ฟื้นมาอีกทีเพราะได้ยินพยาบาลกับแฟนเรียก
คืนนั้นปวดท้องมาก ต้องได้ฉี่บนเตียงเพราะลุกไม่ไหว ตอนแฟนไม่อยู่โชคดีที่มีญาติผู้ป่วยคนอื่นช่วยดูให้
พอเที่ยงของอีกวัน หมอคนเดิมมาตรวจ บอกว่าไส้ติ่งไม่แตก แสดงว่าเป็นกระเพาะปัสสวะอักเสบ
ให้ออกจาก รพ.ได้ แล้วให้ยาฉีดมา 5 หลอด ให้นำยามาเข้ายาที่ รพ.ทุกวัน เพราะต้องฉีดเข้าเส้นเลือด
วันที่ 1 2 ผ่านไป แขนฉันมีแต่รอยเข็มจนไม่มีที่ให้เจาะ และท้องบวมๆๆๆ
กินอะไรไม่ได้แม้แต่น้ำ หน้าก็ซีดๆๆๆๆ
จนวันที่ 3 ตอนเช้ามาเข้ายาปกติ จนถึงเที่ยงคืนปวดท้องกะทันหัน ปวดมากที่สุดในโลก
เหมือนปวด ปจด+ปวดบิดถ่าย+ปวดอาหารเป็นพิษ กระเพาะขึ้น ขยับตัวไม่ได้เลย
ตอนเที่ยงคืน แฟนอุ้มขึ้นรถ ทรมานมาก ไปถึงโรงพยาบาล แทนที่จะมารับคนป่วย
กลับให้ไปทำบัตรอะไรอีกก็ไม่รู้
และแล้วก็มาเจอหมอคนเดิม(ซวยอีก) หมอด่าว่าให้กินน้ำทำไมไม่กิน เพราะเธอเป็นกะเพาะปัสสวะอักเสบ
อืมมม์ หมอยังมั่นใจ
หมอเจาะเลือด จากนั้นรอให้ฉันปวดฉี่ เพราะจะตรวจฉี่ ยังไงก็ฉี่ไม่ออก รอจนตี2 ถึงฉี่ออก
หมอบอกว่าปริมาณเลือดลดลงมาก แสดงว่าเสียเลือดมากแต่ไม่มีบาดแผล
ปรากฎว่า ที่ท้องบวมๆอ่ะ คือเลือดทั้งนั้น มันออกมาจากมดลูก หน้าซีดเผือด
กมอตรวจละเอียดขึ้น อัลตร้าซาวน์ แต่ไม่พบเด็ก(ปกติเด็กอยู่ในมดลูก แต่ลูกดิฉันอยู่ในท่อนำไข่)
หมอโทรไปหาอาจารย์หมออีกทีเพื่อปรึกษา
สรุปว่า ดิฉันท้องนอกมดลูกต้องผ่าตััดด่วน เพราะท่อนำไข่แตกเสียหาย ปล่อยไว้ ดิฉันต้องตายแน่เพราะเสียเลือดมาก
เด็กโตขึ้นทุกวัน มดลูกขยายรองรับทารกได้ แต่ท่อนำไข่ขยายไม่ได้ พอเด็กโตขึ้นมันดันท่อนำไข่แตก
เข้าห้องผ่าตัด 3ชั่วโมง(จนท ห้องผ่าตัดตกใจ ว่าหมอปล่อยมาขนาดนี้ได้ไง จนเลือดเต็มท้อง)
ฉีดยาสลบเข้าเส้นเลือด(ครั้งแรกที่โดนฉีดยาสลบ อยากรู้ว่าจะเหมือนในหนังไหม นานไหมกว่าจะสลบ
ปรากฎว่า ฉีดปุ๊บ สลบปั้บ)
ผ่าตัดเสร็จ พยาบาลปลุกตื่น ผลจากยาสลบ ดิฉันสลึมสลือ อ้วกแตก
(ดิฉันเบลอๆ คุยกัใครไม่รู้เรื่องอยู่เป็นเดือน)
ฉันโดนตัดปีกมดลูกไปข้างนึง( ชีวิตหลังจากนั้นเปลี่ยนไปมาก ถ้ามีโอกาส จะเล่าต่อไปวันหลังนะคะ)
หมอที่ผ่าตัดให้ เป็นหมอเก่า+แก่ หมอผ่าตัดทางตั้งให้ ทีแรกโกรธหมอมากว่าทำไมไม่ผ่าแผลบิกินี่ให้
แต่พอคิดไปคิดมา หมอช่วยชีวิตไว้ ขอบคุณหมอมากๆ
อยู่ รพ.4วัน 2วันแรกอยู่ห้องผู้ป่วยหลังคลอดรวม ทรมานสุดๆ
ดิฉันก็ไอตลอดเวลา
มีอาการแพ้เลือด เป็นจ้ำๆ เพราะรับเลือดจากคนอื่น(เลือด4ถุง พลาสมา2ถุง)
ตัวบวมอืดน้ำเกลือมากๆ
วันที่3ย้ายมาห้องพิเศษ
วันที่4ออกจาก รพ ได้(ขอบอกว่ากินทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่กลัวของแสลง)
รออีก 7 วัน จนถึงวันตัดไหม เปิดแผลครั้งแรก พยาบาลบอกว่าหมอที่ผ่าตัดให้(ไม่เคยเห็นหน้าเลย)
เป็นหมอที่เก่งที่สุดที่นี่ แผลเย็บสวย แต่ก็สวยจริงๆนะคะ แผลตรง ซ่อนปลายด้าย
และที่หมอผ่าทางตรงให้ เพราะว่า หมอถนัดแบบนี้ และผ่าแบบนี้สามารถเปิดแผลได้กว้างกว่า
เอาเลือดออกได้มากกว่า เร็วกว่า เพราะถ้าช้า ฉันอาจจะตาย
ฉันมีโอกาสมีลูกจากปีกมดลูกข้างที่เหลือ แต่ยากมากและมีโอกาสเป็นซ้ำ ต้องวางแผนก่อนมีลูก
ถ้าหมอคนแรกวินิจฉัยโรคถูกต้อง ฉันอาจไม่ต้องเจ็บตัวปล่อยไว้ให้เลือดออกเยอะขนาดนี้จนเกือบตาย
ถ้ารู้ตัวว่าท้องนอกมดลูก ฉันอาจได้กินหรือฉีดยาเพื่อให้เด็กแท้งและฝ่อเอง
หรือผ่าตัดทางกล้องได้
ผลพวงจากการผ่าตัดครั้งนั้นมีตามมามากมาย
สภาพจิตใจ, แผลเป็นที่ตอนนี้น่าเกลียดมาก อิๆ, ฮอร์โมนที่ส่งผลต่อผิวพรรณ หน้าตา สมอง
สุขภาพที่ห้ามยกของหนักตลอดชีพ ออกกำลังกายหนักๆไม่ได้ เซ็กส์เสื่อม เยอะแยะมากมาย
อ่านกระทู้นี้แล้ว หวังว่าคงเป็นประโยชน์ สังเกตุตัวเองจะได้ไม่ปล่อยไว้จนเกือบสาย
ดิฉันโชคร้ายที่อยู่ต่างจังหวัด โรงพยาบาลเอกชนก็ไม่มี อย่าถามถึงการบริการเลยค่ะ
เป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้ ร่วมแชร์และสอบถามได้นะคะ