ผมอยากลองของครับ หากผลลัพย์ออกมาเป็นยังไงจะได้เอามาเผยแพร่ไม่ให้เราถูกเอาเปรียบครับ
ผมคิดว่ามันไม่แฟร์ครับ
ผมไม่รู้ว่าทำไมวงจรแบบนี้เกิดขึ้นได้ เราเป็นผู้เสียหายเราก็ต้องการให้รถเราซ่อมมาในสภาพดีที่สุด อะไหล่ทุกอย่างต้องเป็นของแท้หมด แต่จากที่อ่านข้อมูลในกูเกิ้ลมาเหมือนกับว่าทุกคนยอมให้บริษัทประกันเอาเปรียบ โดยอ้างการคุมราคาค่าซ่อมว่าห้ามเกินจากนี้ ซึ่งราคาที่คุมมานั้นไม่มีทางเอาเข้าศูนย์ได้เลย
- ใครจะรับผิดชอบ หากปรากฎว่ารถซ่อมไปแล้วอีกสองสามปีให้หลังสีลอกเป็นแผ่นออกมาเนื่องจากช่างจากอู่นอกมักง่าย(ผมเคยเจอมาแล้วรถคันแรกๆ ทำสีออกมาเพี้ยนจากเดิม ใช้ไปสองสามปีสีร่อนหลุดออกมาเป็นแผ่นเพราะอู่มักง่ายพ่นสีเคลือบอย่างบาง)
- ใครจะรับผิดชอบหากตอนนำไปขายต่อปรากฎว่าสภาพการซ่อมไม่เนียนทำให้เปิดโอกาสคนซื้อต่อมีข้อติกดราคาซือต่อจากเรา(ข้อนี้ผมเคยเจอตอนขายรถคันแรก เต็นท์ติและชี้ให้ดูว่าสีรถเพี้ยนอย่างมาก การปะการเคาะทำได้ไม่เนียน บลาๆๆๆ) ถึงเป็นเรื่องปกติที่เต็นท์จะหาข้อเสียที่กดราคาก็เถอะ
- ใครจะรับผิดชอบหากอู่นอกเอาวัสดุของปลอมมาเปลี่ยนให้ เช่น ตรายี่ห้อรถยนต์ ถ้าใช้ไปสามสี่ปีแล้วโครเมี่ยมที่เคลือบไว้หลุดลอกออกมา กรอบป้ายทะเบียนของศูนย์แท้ๆ ซึ่งของเดิมๆเป็นของแท้แต่กลับต้องมาทนใช้ของปลอม อะไหล่ต่างๆซึ่งเราไม่รู้ว่ามีคุณภาพดีแค่ไหนหรือเอาของจีนราคาถูกๆมาเปลี่ยนแค่ให้พอใช้งานได้ พอผ่านหกเดือนก็ออกอาการเสียอีก
- ใครจะรับผิดชอบหากเกิดความเสียหายที่เกิดจากการชนแต่ยังไม่เห็นผลในขณะนี แต่มันรอเวลาที่จะแสดงผลความเสี่ยหายอันเนื่องจากการถูกชนในภายหลัง เช่นแรงกระแทกทำให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ หรือระบบไฟฟ้าในรถมีปัญหา ฯลฯ
ตอนนี้ผมกำลังไฟต์กับบริษัทประกันและคู่กรณีอยู่ครับ พวกนั้นพยายามชักจูงผมให้เอาเข้าอู่นอกให้ได้ หรือถ้าจะซ่อมศูนย์ก็จะจ่ายค่าซ่อมมาให้ไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาที่ทางศูนย์ตีค่าซ่อมมาให้
แต่ผมไม่ยอมแน่นอนครับ
- ทำไมผมต้องเชื่อฟังและเดินตามแนวทางที่บริษัทประกันกำหนดเอาไว้เพื่อให้ตัวเองเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด แต่ตัวผมต้องมารับความเสี่ยงทั้งหมดเอาเอง ทำไมผมต้องรักษาผลประโยชน์ของบริษัทประกันของคู่กรณีด้วย
- ทำไมบริษัทประกันไม่จ่ายไปตามที่ศูนย์ตีราคาค่าซ่อมให้ผมมา แล้วไปเรียกร้องกับผู้เอาประกันของตัวเองไปสำหรับค่าใช้จ่าย แต่นี้กลับต้องให้ผมมายอมรับเงื่อนไขที่เห็นแก่ได้ เพื่อให้บริษัทตัวเองเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด โดยผ่านข้อความที่ว่า "คุมราคาซ่อม"
ผมเห็นว่าบริษัทประกันพวกนี้ไม่มีความจริงใจ พอคนทำประกันเยอะแล้วไม่มีการเคลม บริษัทพวกนี้ก็สบาย รวยเอารวยเอา แต่พอถึงหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบกลับหาแต่ข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด โดยเฉพาะวลีที่เห็นแก่ตัวที่ว่า "คุมราคาซ่อม"
เลยอยากมาสอบถามข้อมูลครับว่ามีกฎหมายอะไรเปล่าที่ว่าก่อนเราจะฟ้องศาลเราต้องผ่านหน่วยงานของรัฐเสียก่อนเช่น คปภ. ไม่งั้นเราฟ้องไม่ได้ ศาลจะยกฟ้องหากไม่มีข้อกฎหมายดังกล่าว เรื่องนี้ถ้าตกลงกันไม่ได้ผมเอาเรื่องขึ้นศาลแน่นอนครับ จะได้เป็นบรรทัดฐานเลย
เพิ่มเติม วันที่ 16/07/2556 เวลา 13.10 น
สำหรับประเด็นที่หลายท่านห่วงว่ามันจะคุ้มกับค่าดำเนินคดีเหรอ ตรงนี้สำหรับผมไม่มีปัญหาเพราะว่าอาชีพเดิมผมเกี่ยวกับกฎหมาย การไปศาลสำหรับผมมันไม่ต่างอะไรกับการไปติดต่อราชการ ติดต่ออำเภอ เรียกว่าผมคุ้นเคยกับสถานที่ดังกล่าวเลยดีกว่าครับ ส่วนค่าใช้จ่ายผมก็คงจะให้เพื่อนทนายด้วยกันดูแลให้ บางทีมันจะทำให้ฟรีเลยด้วยซ้ำอาจจะมีแค่ค่าดำเนินการในศาลซึ่งไม่กี่พัน
ต่อมาถ้าผมต้องฟ้องจริงๆผมจะไม่เรียกแค่ค่าซ่อมแน่นอครับ ผมจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ค่าเสียหาย ค่าอะไรต่ออะไรที่กฎหมายเปิดช่องหากคู่กรณียังถ่วงเวลา บริษัทประกันยังถ่วงเวลา เขาจะจ่ายมากกว่าที่ผมเอาใบเสนอราคาจากศุนย์ไปให้เสียอีก ถ้าอยากเสียน้อยเสียยากก็มาลองกันดู
ส่วนเรื่องรถ รถคันนี้วิ่งน้อยมากครับ สามปียังไม่ถึงสามหมื่นกิโลดีเลย และไม่เคยขับชนหนักอะไรสักครั้งอย่างมากก็แค่ถลอกนิดหน่อย ผมถึงได้เซ็งไงว่ารถอยู่ในสภาพดีมาตลอดอยู่ดีๆมีคนเอาความเสียหายมาให้ แทนที่ผมจะได้รับการชดเชยเหมือนกับว่ารถไม่เคยประสบอุบัติเหตุได้เลยยิ่งดี แต่นี้ผมกลับมามารับภาระความเสียหายทั้งในขณะนี้และในอนาคต แบบนี้ผมคงไม่โอเคด้วยแล้วละครับ
อีกอย่างที่ผมเรียกร้องไปก็คือให้รถกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ไม่ใช่ว่ารถผมจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย มีแต่เสียเปรียบอย่างเดียวผมเลยคิดว่าในเมื่อเขาเอาความซวยมาประเคนให้ผมถึงที่ ถ้าผมจะได้การชดเชยเต็มที่มันก็เป็นเรื่องสมควรแก่เหตุแล้วครับ
อยากทราบว่ามีกฎหมายอะไรกำกับไหมครับว่า หากเราจะฟ้องคู่กรณีที่มาชนรถเราและบริษัทประกัน ต้องดำเนินเรื่องผ่านคปภ.ก่อน
ผมคิดว่ามันไม่แฟร์ครับ
ผมไม่รู้ว่าทำไมวงจรแบบนี้เกิดขึ้นได้ เราเป็นผู้เสียหายเราก็ต้องการให้รถเราซ่อมมาในสภาพดีที่สุด อะไหล่ทุกอย่างต้องเป็นของแท้หมด แต่จากที่อ่านข้อมูลในกูเกิ้ลมาเหมือนกับว่าทุกคนยอมให้บริษัทประกันเอาเปรียบ โดยอ้างการคุมราคาค่าซ่อมว่าห้ามเกินจากนี้ ซึ่งราคาที่คุมมานั้นไม่มีทางเอาเข้าศูนย์ได้เลย
- ใครจะรับผิดชอบ หากปรากฎว่ารถซ่อมไปแล้วอีกสองสามปีให้หลังสีลอกเป็นแผ่นออกมาเนื่องจากช่างจากอู่นอกมักง่าย(ผมเคยเจอมาแล้วรถคันแรกๆ ทำสีออกมาเพี้ยนจากเดิม ใช้ไปสองสามปีสีร่อนหลุดออกมาเป็นแผ่นเพราะอู่มักง่ายพ่นสีเคลือบอย่างบาง)
- ใครจะรับผิดชอบหากตอนนำไปขายต่อปรากฎว่าสภาพการซ่อมไม่เนียนทำให้เปิดโอกาสคนซื้อต่อมีข้อติกดราคาซือต่อจากเรา(ข้อนี้ผมเคยเจอตอนขายรถคันแรก เต็นท์ติและชี้ให้ดูว่าสีรถเพี้ยนอย่างมาก การปะการเคาะทำได้ไม่เนียน บลาๆๆๆ) ถึงเป็นเรื่องปกติที่เต็นท์จะหาข้อเสียที่กดราคาก็เถอะ
- ใครจะรับผิดชอบหากอู่นอกเอาวัสดุของปลอมมาเปลี่ยนให้ เช่น ตรายี่ห้อรถยนต์ ถ้าใช้ไปสามสี่ปีแล้วโครเมี่ยมที่เคลือบไว้หลุดลอกออกมา กรอบป้ายทะเบียนของศูนย์แท้ๆ ซึ่งของเดิมๆเป็นของแท้แต่กลับต้องมาทนใช้ของปลอม อะไหล่ต่างๆซึ่งเราไม่รู้ว่ามีคุณภาพดีแค่ไหนหรือเอาของจีนราคาถูกๆมาเปลี่ยนแค่ให้พอใช้งานได้ พอผ่านหกเดือนก็ออกอาการเสียอีก
- ใครจะรับผิดชอบหากเกิดความเสียหายที่เกิดจากการชนแต่ยังไม่เห็นผลในขณะนี แต่มันรอเวลาที่จะแสดงผลความเสี่ยหายอันเนื่องจากการถูกชนในภายหลัง เช่นแรงกระแทกทำให้เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ หรือระบบไฟฟ้าในรถมีปัญหา ฯลฯ
ตอนนี้ผมกำลังไฟต์กับบริษัทประกันและคู่กรณีอยู่ครับ พวกนั้นพยายามชักจูงผมให้เอาเข้าอู่นอกให้ได้ หรือถ้าจะซ่อมศูนย์ก็จะจ่ายค่าซ่อมมาให้ไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาที่ทางศูนย์ตีค่าซ่อมมาให้
แต่ผมไม่ยอมแน่นอนครับ
- ทำไมผมต้องเชื่อฟังและเดินตามแนวทางที่บริษัทประกันกำหนดเอาไว้เพื่อให้ตัวเองเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด แต่ตัวผมต้องมารับความเสี่ยงทั้งหมดเอาเอง ทำไมผมต้องรักษาผลประโยชน์ของบริษัทประกันของคู่กรณีด้วย
- ทำไมบริษัทประกันไม่จ่ายไปตามที่ศูนย์ตีราคาค่าซ่อมให้ผมมา แล้วไปเรียกร้องกับผู้เอาประกันของตัวเองไปสำหรับค่าใช้จ่าย แต่นี้กลับต้องให้ผมมายอมรับเงื่อนไขที่เห็นแก่ได้ เพื่อให้บริษัทตัวเองเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด โดยผ่านข้อความที่ว่า "คุมราคาซ่อม"
ผมเห็นว่าบริษัทประกันพวกนี้ไม่มีความจริงใจ พอคนทำประกันเยอะแล้วไม่มีการเคลม บริษัทพวกนี้ก็สบาย รวยเอารวยเอา แต่พอถึงหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบกลับหาแต่ข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด โดยเฉพาะวลีที่เห็นแก่ตัวที่ว่า "คุมราคาซ่อม"
เลยอยากมาสอบถามข้อมูลครับว่ามีกฎหมายอะไรเปล่าที่ว่าก่อนเราจะฟ้องศาลเราต้องผ่านหน่วยงานของรัฐเสียก่อนเช่น คปภ. ไม่งั้นเราฟ้องไม่ได้ ศาลจะยกฟ้องหากไม่มีข้อกฎหมายดังกล่าว เรื่องนี้ถ้าตกลงกันไม่ได้ผมเอาเรื่องขึ้นศาลแน่นอนครับ จะได้เป็นบรรทัดฐานเลย
เพิ่มเติม วันที่ 16/07/2556 เวลา 13.10 น
สำหรับประเด็นที่หลายท่านห่วงว่ามันจะคุ้มกับค่าดำเนินคดีเหรอ ตรงนี้สำหรับผมไม่มีปัญหาเพราะว่าอาชีพเดิมผมเกี่ยวกับกฎหมาย การไปศาลสำหรับผมมันไม่ต่างอะไรกับการไปติดต่อราชการ ติดต่ออำเภอ เรียกว่าผมคุ้นเคยกับสถานที่ดังกล่าวเลยดีกว่าครับ ส่วนค่าใช้จ่ายผมก็คงจะให้เพื่อนทนายด้วยกันดูแลให้ บางทีมันจะทำให้ฟรีเลยด้วยซ้ำอาจจะมีแค่ค่าดำเนินการในศาลซึ่งไม่กี่พัน
ต่อมาถ้าผมต้องฟ้องจริงๆผมจะไม่เรียกแค่ค่าซ่อมแน่นอครับ ผมจะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ค่าเสียหาย ค่าอะไรต่ออะไรที่กฎหมายเปิดช่องหากคู่กรณียังถ่วงเวลา บริษัทประกันยังถ่วงเวลา เขาจะจ่ายมากกว่าที่ผมเอาใบเสนอราคาจากศุนย์ไปให้เสียอีก ถ้าอยากเสียน้อยเสียยากก็มาลองกันดู
ส่วนเรื่องรถ รถคันนี้วิ่งน้อยมากครับ สามปียังไม่ถึงสามหมื่นกิโลดีเลย และไม่เคยขับชนหนักอะไรสักครั้งอย่างมากก็แค่ถลอกนิดหน่อย ผมถึงได้เซ็งไงว่ารถอยู่ในสภาพดีมาตลอดอยู่ดีๆมีคนเอาความเสียหายมาให้ แทนที่ผมจะได้รับการชดเชยเหมือนกับว่ารถไม่เคยประสบอุบัติเหตุได้เลยยิ่งดี แต่นี้ผมกลับมามารับภาระความเสียหายทั้งในขณะนี้และในอนาคต แบบนี้ผมคงไม่โอเคด้วยแล้วละครับ
อีกอย่างที่ผมเรียกร้องไปก็คือให้รถกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ไม่ใช่ว่ารถผมจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย มีแต่เสียเปรียบอย่างเดียวผมเลยคิดว่าในเมื่อเขาเอาความซวยมาประเคนให้ผมถึงที่ ถ้าผมจะได้การชดเชยเต็มที่มันก็เป็นเรื่องสมควรแก่เหตุแล้วครับ