ทางสร้าง"จริยธรรม"ตีบตัน โดย สุชาติ ศรีสุวรรณ (ที่มา:มติชนรายวัน 15 ก.ค.2556)

กระทู้สนทนา
คอลัมน์ ที่เห็นและเป็นไป  




เพื่อนฝูงส่งข้อความมาว่าให้ช่วยเขียนกระตุ้นการสร้างจริยธรรม เริ่มต้นจากการเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนในครอบครัว
จากนั้นค่อยขยายสู่สังคมโดยรวม

นัยว่าเพื่อให้จริยธรรมที่สร้างขึ้นมานั้น ทำให้รู้จักเลือกนักการเมืองเข้าไปทำหน้าที่บริหารประเทศ และในรัฐสภา

ฟังแล้วก็ใช่เลย หากค่านิยมของคนไทยเราชมชื่นในความดีมีจริยธรรม ถึงเวลาเลือกตั้ง

พากันไปเลือกคนดี

อะไรต่ออะไรของประเทศจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่มองไปทางไหนได้แต่ต่างคนต่างส่ายหัวเช่นในปัจจุบัน

เพียงแต่ว่าการสร้างเช่นนั้น แม้จะเป็นวิธีทำให้ "จริยธรรมยั่งยืน" มากกว่าวิธีอื่น

เป้าหมายควรจะสร้างจริยธรรมให้เป็นฐานการพัฒนาที่หนักแน่นนั้น ถูกต้องแน่นอน

แต่เมื่อเอาข้อเท็จจริงของประเทศมาเป็นต้นทางความคิด

เราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน คือผู้บริหาร และผู้ทำหน้าที่ในสภาได้รับเลือกตั้งจากประชาชน
เข้ามาทำหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด

ทำหน้าที่แทนประชาชน

แต่ในขณะเดียวกันอีกโครงสร้างทางการเมืองยังอิงอยู่กับวัฒนธรรมดั้งเดิมคือ เป็นระบบอุปถัมภ์ แม้จะผ่าน
วันเวลามายาวนานแค่ไหน ความคิดที่ว่า "เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย" ยังฝังอยู่ในความคิดของผู้คนส่วนใหญ่

ด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิมนี้ ส่วนใหญ่ เมื่อกาบัตรเลือกตั้งแล้วก็ปล่อยให้นักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งนำพาประเทศไป
ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว

ผู้นำว่าอย่างไร ก็ปล่อยไปตามนั้น ทำตามๆ กันไป

เราอยู่ในสภาพเช่นนั้นมาระยะหนึ่ง ยาวพอสมควร

จนในช่วงหลัง เกิดกระบวนการทำให้คนไทยแตกแยกทางความคิดเป็น 2 ฝ่าย

ต่างฝ่ายต่างเลือกผู้นำที่คิดว่าเป็นฝ่ายตัวเอง

หลังจากนั้นขยายความแตกแยกทางความคิด มาเป็นแตกแยกในการพูด แตกแยกในการกระทำ

รับไม่ได้กับฝ่ายตรงกันข้ามในทุกเรื่อง และชื่นชมฝ่ายตัวเองในทุกเรื่อง

คล้ายกับว่า เรามาสู่ประเทศที่ประชาชนรู้จักสิทธิหน้าที่ของตัวเอง ผ่านยุค "เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย" มาแล้ว
เพราะเห็นชัดๆ ว่า ประชาชนไม่ได้เชื่อผู้นำ ไม่ใช่บอกอย่างไรก็ทำตามอย่างนั้นเหมือนที่ผ่านมา

แต่ความจริงแล้วไม่ใช่

ค่านิยม "เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย" ยังอยู่ในจิตสำนึก เพียงแต่ "ผู้นำใครผู้นำมัน"

ไม่รับผู้นำอีกฝ่าย แต่เชื่อผู้นำฝ่ายเดียวกัน

ยังเป็นค่านิยมที่ยังอยู่ใน "ความงมงาย" ไม่ใช่ด้วยความคิด ด้วยปัญญาที่จะพิจารณาเหตุพิจารณาผลอยู่เหมือนเดิม

สภาพเช่นนี้ทำให้ประเทศยิ่งสาหัสเข้าไปอีก เพราะไม่ใช่แค่ประชาชนอยู่ในความงมงายในตัวผู้นำเหมือนเดิมเท่านั้น
แต่ยังแบ่งแยกพวกกัน  งมงายในตัวผู้นำเฉพาะฝ่ายตัว ถูกชักจูงให้ขัดแย้งแตกแยกกับฝ่ายอื่น

ทั้งที่เป็นคนไทยด้วยกัน

ความหวังที่ว่าประชาชนจะเลือกนักการเมืองที่ดีจึงยังไม่เกิดขึ้น

วิธีพรรคพวกเสนอว่าจะต้องสร้างจริยธรรมให้ตัวเอง เพื่อเป็นแบบอย่างให้คนในครอบครัว แล้วหลังจากนั้นค่อยขยาย
เป็นค่านิยมของสังคมโดยรวมนั้น

ถูกต้องแน่นอน เพียงแต่จะทำอย่างไรจะไม่เป็นจริยธรรมที่งมงายกับเฉพาะที่ผู้นำฝ่ายตัวชี้นำ

ตรงนี้แหละที่เป็นปัญหา ต้องขบคิดกันต่อไปท่ามกลางประเทศไทยที่สถาบันซึ่งเคยเป็นที่พึ่งทางความคิด ทางจริยธรรม
มากมายด้วยเรื่องราวที่เข้าสู่ความเสื่อมในศรัทธา

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1373853378&grpid=&catid=02&subcatid=0207

บทความนี้ดี ....  กลับมาดูกันหน่อยไหม  เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย
และเพราะเชื่อผู้นำหรือเปล่า  วันนี้  ถึงได้เแตกแยกกันขนาดนี้

แต่ว่าตายจริง  มาดูย่อหน้าสุดท้าย  สิ...มาบอกแบบนี้ได้ยังงาาาาย
จบแล้ว....  ไปคิดต่อกันเองดีกั่ว    ....จริงป่าาาาว
อย่าวิจารณ์นะ...  เฉพาะ ย่อหน้านี้  ....  ไม่อยากให้กระทู้  ถูกอุ้ม

แต่วิจารณ์  เนื้อหาทั้งหมดกันเลย  ว่าเป็นเช่นที่เขาว่าไว้...ป่าว
ผู้นำฟากนึง   ก็ดุจจะเทพเจ้า  ...เป็น  "เทพบุตรประชาธิปไตย"
ผู้นำอีก  ข้าง  ก็แสนจะสาระเลว  เป็น  นช.หนีคุก หนีตะราง
แล้วจะไม่ให้บ้านเมืองแตกแยกได้ยังไง  เมื่อ  เป็นละขั้ว ...ซะขนาดนี้
ไม่เชื่อ  อ่านกระทู้ในห้องนี้  ดู  เอาเถอะ ...   หัวเราะ

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่