ปาย..ในความทรงจำของเรา
คงต่างจากที่ใครหลายคนรู้จักและมักคุ้น
ปาย ณ ปลายปี 49
เป็นเมืองในหุบเขาที่ความเจริญยังเข้าไม่ถึง
มีคนพูดถึงปายให้เข้าหูได้ไม่นาน
แต่มันดันกระตุ้นสารบางอย่างในชีพจรของเรา
ก่อนปีใหม่ได้ไม่กี่วัน..
เราผุดลุกมาจากเก้าอี้นั่งในออฟฟิศแบบไม่มีแผน
"อยากไปปาย" ประโยคง่ายๆที่ดึงใ้ห้เราออกเดินทางในเย็นวันนั้น
เช้าวันถัดมา เรากับเพื่อนยืนหน้าเหรอหราอยู่ท่ารถเชียงใหม่
เราเลือกนั่งรถเมล์ที่วิ่งระหว่างเมืองเชียงใหม่กัับปาย
ในมือถือแผนที่กับสมุดนำเที่ยวที่หยิบมั่วๆมาจากขนส่งหมอชิต
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเรายืนโง่ๆอยู่หน้าทางขึ้นห้วยน้ำดัง
มันต่างจากภูกระดึง ไม่มีรถขึ้น ไม่มีอะไรทั้งนั้น
การโบกรถครั้งแรกมันเกิดขึ้นที่นี่ จำความใจดีของพี่ TOT ได้แม่นยำ
เหตุเกิดจากความเหงา...ทำให้เราขึ้นมานอนฟังเสียงลมที่ห้วยน้ำดัง
ก่อนที่วันถัดมาเราจะเซ เซ ซัง ซัง โบกรถอีกครั้งเ้ข้าเมืองปาย
เกสต์เฮ้าส์ไม้ไผ่ราคา 500 บาทริมแม่น้ำปาย
ปายสมัยนั้น มีฝรั่งและนักท่องเที่ยวประปราย
ปายไม่มีถนนคนเดิน ปายไม่ธนาคาร
มีตู้ ATM ของออมสินตู้เดียวมั้ง ถ้าจำไม่ผิดที่ข้างขนส่ง
รถมอเตอร์ไซต์ราคาค่าเช่าไม่แพงบวกแผนที่ 1 อัน
แต่พาเราไปทุกหัวระแหงของเมืองปาย
ไม่มี Coffee In Love ให้เราถ่ายรูป
ไม่มีจุดนัดพบ ไม่มี Meeting Point
ไม่มีร้านขายของที่ระลึกข้างสะพานปาย
มีแต่อากาศเย็นๆของลมปลายปี
มีแกลอรี่เล็กๆ ของคนมีฝัน ที่เราไปนั่งให้เค้าวาดภาพเหมือน
แค่นั้นก็โรแมนติก ก็เหงา ก็หนาวจะแย่
จำได้แม่นยำ ศิลปินที่วาดภาพเราคนนั้น บอกไว้
"ปายเป็นเมืองคนเหงา ถ้าอกหักมาอยู่ปายอาจตายได้"
ปายในหลายปีถัดมา เป็นคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จัก
คิดถึงไอหมอกลอยละเลียดเย้ากับสะพานไม้ไผ่
คิดถึงปาย...เมืองคนเหงา ที่จากเราไปแบบไม่กลับมา
เหตุเกิดจากความเหงา...ทำให้เราได้พบปาย
ปายฟ้า,,ปายฝัน
ธันวาคม 2549
Diary of My Journey :: Route 1 #Pai
คงต่างจากที่ใครหลายคนรู้จักและมักคุ้น
ปาย ณ ปลายปี 49
เป็นเมืองในหุบเขาที่ความเจริญยังเข้าไม่ถึง
มีคนพูดถึงปายให้เข้าหูได้ไม่นาน
แต่มันดันกระตุ้นสารบางอย่างในชีพจรของเรา
ก่อนปีใหม่ได้ไม่กี่วัน..
เราผุดลุกมาจากเก้าอี้นั่งในออฟฟิศแบบไม่มีแผน
"อยากไปปาย" ประโยคง่ายๆที่ดึงใ้ห้เราออกเดินทางในเย็นวันนั้น
เช้าวันถัดมา เรากับเพื่อนยืนหน้าเหรอหราอยู่ท่ารถเชียงใหม่
เราเลือกนั่งรถเมล์ที่วิ่งระหว่างเมืองเชียงใหม่กัับปาย
ในมือถือแผนที่กับสมุดนำเที่ยวที่หยิบมั่วๆมาจากขนส่งหมอชิต
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเรายืนโง่ๆอยู่หน้าทางขึ้นห้วยน้ำดัง
มันต่างจากภูกระดึง ไม่มีรถขึ้น ไม่มีอะไรทั้งนั้น
การโบกรถครั้งแรกมันเกิดขึ้นที่นี่ จำความใจดีของพี่ TOT ได้แม่นยำ
เหตุเกิดจากความเหงา...ทำให้เราขึ้นมานอนฟังเสียงลมที่ห้วยน้ำดัง
ก่อนที่วันถัดมาเราจะเซ เซ ซัง ซัง โบกรถอีกครั้งเ้ข้าเมืองปาย
เกสต์เฮ้าส์ไม้ไผ่ราคา 500 บาทริมแม่น้ำปาย
ปายสมัยนั้น มีฝรั่งและนักท่องเที่ยวประปราย
ปายไม่มีถนนคนเดิน ปายไม่ธนาคาร
มีตู้ ATM ของออมสินตู้เดียวมั้ง ถ้าจำไม่ผิดที่ข้างขนส่ง
รถมอเตอร์ไซต์ราคาค่าเช่าไม่แพงบวกแผนที่ 1 อัน
แต่พาเราไปทุกหัวระแหงของเมืองปาย
ไม่มี Coffee In Love ให้เราถ่ายรูป
ไม่มีจุดนัดพบ ไม่มี Meeting Point
ไม่มีร้านขายของที่ระลึกข้างสะพานปาย
มีแต่อากาศเย็นๆของลมปลายปี
มีแกลอรี่เล็กๆ ของคนมีฝัน ที่เราไปนั่งให้เค้าวาดภาพเหมือน
แค่นั้นก็โรแมนติก ก็เหงา ก็หนาวจะแย่
จำได้แม่นยำ ศิลปินที่วาดภาพเราคนนั้น บอกไว้
"ปายเป็นเมืองคนเหงา ถ้าอกหักมาอยู่ปายอาจตายได้"
ปายในหลายปีถัดมา เป็นคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จัก
คิดถึงไอหมอกลอยละเลียดเย้ากับสะพานไม้ไผ่
คิดถึงปาย...เมืองคนเหงา ที่จากเราไปแบบไม่กลับมา
เหตุเกิดจากความเหงา...ทำให้เราได้พบปาย
ปายฟ้า,,ปายฝัน
ธันวาคม 2549