อย่าง พล.ต.อ.วสิษฐ นายสมบัติ นิด้า นายสุรพล ธรรมศาสตร์ ฯลฯ
สื่อ นักวิชากลวง ดารา คนมีชื่อเสียงและสถานะในสังคม คนในองค์กรอิสระ
จนถึงพวกแถเถียงเอาชนะในเว็บบอร์ดต่าง ๆ พวกโพสต์ในเฟซุบคในบล็อค
ทั้งหมดทั้งมวล
ครับ
แรก ๆ ก็ขาดเหตุขาดผลธรมดา แต่ตอนนี้ สติแตกไปก็มี ใกล้แตกก็เยอะ
ทำไมคนเหล่านี้จึงมีหลักคิด มีพฤติกรรมการใช้เหตุผลที่บิด ๆ เบี้ยว ๆ เหมือน ๆ กัน
มีข้อมูล ความเชื่อที่ผิดเพี้ยนชุดเดียวกัน
สาเหตุมีนิดเดียวครับ
คือ "หลัก" ของเรื่องราวที่เป็นมา
ฝ่าย "คนดี" และหลิ่มศรีทั้งหลายนี่ หลักผิดมาตั้งแต่ต้นครับ
ฉะนั้น เวลาให้เหตุผลมันถึงไม่เข้าท่าไปหมด
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เรื่องคุณเชคในตอนนี้แหละครับ
ที่เมื่อหลักผิดที่ไปกล่าวหาว่าข้าวคนอื่นมีสารผิด ต่อให้ใช้เหตุผลแก้ตัวยังไงมันก็ฟังไม่ขึ้นครับ
ยิ่งเละไปใหญ่
จากกระทู้
http://pantip.com/topic/30703693
คุณ pongsri จขกท. โพสต์ไว้ประโยคหนึ่งว่า
"ฝ่ายหนึ่ง บอก ไอ้นี่ โกง ล้มจ้าว หนีคดี อีกฝ่ายบอก ไม่เป็นธรรม สองมาตราฐาน เผด็จการหลงยุค"
ก็ชัดครับ ว่าทำไมคนบางพวกถึงขาดเหตุขาดผลได้ขนาดไม่ยอมมุดกะลาออกมาดูโลกเอาซะเลย
กล่าวหาว่าโกง ว่าล้มเจ้า มันไม่มีเหตุผลรองรับครับ
เช่น ถามว่าทักษิณโกงไง ก็อธิบายไม่ได้ มีแต่ข้าง ๆ คู ๆ กับอ้างคำพิพากษา
ครั้งถามถึงความคลุมเครือของคำพิพากษา ก็ตอบไม่ได้ ได้แต่แถ
เรื่อล้มเจ้า ก็ไม่มีข้อมูลเหตุผลอะไรรองรับ มีแต่คำกล่าวหา
เป็นลักษณะยัดให้เพื่อทำลายล้างกันเท่านั้นเอง
เวลาถก เวลาแย้ง เวลาให้เหตุผลต่อสังคม มันจึงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ได้ เหตุผลบวม ๆ
ก็เลยต้องผสมการแถ การบิดเบือนไปด้วย
พอนานไป พอหนักเข้า แถบ่อย บิดเบือนซ้ำ ๆ ซาก ๆ ชักไม่ีมีทางไป
ก็เลยหันมาใช้ภาษาพาล คือด่าอะไรได้ หยิบอะไรได้ ยังไงก็ได้ อะไรก็เอามาด่ามาโจมตี มาอ้าง
เมื่อหลักมันผิด พูดไงมันก็ผิดครับ
ขณะที่อีกฝ่าย พอเอ่ยถึงเรื่องความไม่เป็นธรรม สองมาตรฐาน เผด็จการหลงยุค
ไม่ต้องพูดมากครับ ตะแคงพูด หลับหูหลับตาพูด โดนหมด
นี่เพราะหลักมันถูก
นอกจากหลักถูกแล้ว ยังมีหลักฐานให้เห็นเต็มตา เอ่ยเรื่องอะไรเป็นชัด
ก็เหตุผลง่าย ๆ นิดเดียวแค่นี้แหละครับ
สังคมไทยในวันนี้ จึงมีคนพวกหนึ่งที่ขาดเหตุผล อับจนความคิด ได้แต่แถ บิดเบือน จนมุมก็หันมาด่า
ทน ๆ ไปอีกสักพักครับ ใกล้แล้ว
จากเหตุผลบวม ๆ ตรรกะเบี้ยว ๆ บิดเบือน ใส่ร้าย จนมาถึงด่าเอาดื้อ ๆ
แปลว่าใกล้จะหมดแล้ว พะงาบ ๆ เต็มทีแล้ว
หลักผิดแล้ว ยังตะแบง ถึงวันนี้ยังเห็นดีเห็นงามกับการรัฐประหาร
มันก็เหตุให้ทำได้แค่
เกรียนไปวัน ๆ เท่านั้นแหละครับ
หรือใครจะเถียง ?
มาแหมะ
(มาแหมะ ภาษาอีสาน แปลว่า มาโลด มาเถียงกับข้อยโลด)
ทำไมฝ่าย "คนดี" และหลิ่ม ๆ ทั้งหลาย จึงกลายเป็นคนขาดเหตุขาดผลไปหมด มันมีสาเหตุนิดเดียวครับ
สื่อ นักวิชากลวง ดารา คนมีชื่อเสียงและสถานะในสังคม คนในองค์กรอิสระ
จนถึงพวกแถเถียงเอาชนะในเว็บบอร์ดต่าง ๆ พวกโพสต์ในเฟซุบคในบล็อค
ทั้งหมดทั้งมวล
ครับ
แรก ๆ ก็ขาดเหตุขาดผลธรมดา แต่ตอนนี้ สติแตกไปก็มี ใกล้แตกก็เยอะ
ทำไมคนเหล่านี้จึงมีหลักคิด มีพฤติกรรมการใช้เหตุผลที่บิด ๆ เบี้ยว ๆ เหมือน ๆ กัน
มีข้อมูล ความเชื่อที่ผิดเพี้ยนชุดเดียวกัน
สาเหตุมีนิดเดียวครับ
คือ "หลัก" ของเรื่องราวที่เป็นมา
ฝ่าย "คนดี" และหลิ่มศรีทั้งหลายนี่ หลักผิดมาตั้งแต่ต้นครับ
ฉะนั้น เวลาให้เหตุผลมันถึงไม่เข้าท่าไปหมด
ยกตัวอย่างง่าย ๆ เรื่องคุณเชคในตอนนี้แหละครับ
ที่เมื่อหลักผิดที่ไปกล่าวหาว่าข้าวคนอื่นมีสารผิด ต่อให้ใช้เหตุผลแก้ตัวยังไงมันก็ฟังไม่ขึ้นครับ
ยิ่งเละไปใหญ่
จากกระทู้ http://pantip.com/topic/30703693
คุณ pongsri จขกท. โพสต์ไว้ประโยคหนึ่งว่า
"ฝ่ายหนึ่ง บอก ไอ้นี่ โกง ล้มจ้าว หนีคดี อีกฝ่ายบอก ไม่เป็นธรรม สองมาตราฐาน เผด็จการหลงยุค"
ก็ชัดครับ ว่าทำไมคนบางพวกถึงขาดเหตุขาดผลได้ขนาดไม่ยอมมุดกะลาออกมาดูโลกเอาซะเลย
กล่าวหาว่าโกง ว่าล้มเจ้า มันไม่มีเหตุผลรองรับครับ
เช่น ถามว่าทักษิณโกงไง ก็อธิบายไม่ได้ มีแต่ข้าง ๆ คู ๆ กับอ้างคำพิพากษา
ครั้งถามถึงความคลุมเครือของคำพิพากษา ก็ตอบไม่ได้ ได้แต่แถ
เรื่อล้มเจ้า ก็ไม่มีข้อมูลเหตุผลอะไรรองรับ มีแต่คำกล่าวหา
เป็นลักษณะยัดให้เพื่อทำลายล้างกันเท่านั้นเอง
เวลาถก เวลาแย้ง เวลาให้เหตุผลต่อสังคม มันจึงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ได้ เหตุผลบวม ๆ
ก็เลยต้องผสมการแถ การบิดเบือนไปด้วย
พอนานไป พอหนักเข้า แถบ่อย บิดเบือนซ้ำ ๆ ซาก ๆ ชักไม่ีมีทางไป
ก็เลยหันมาใช้ภาษาพาล คือด่าอะไรได้ หยิบอะไรได้ ยังไงก็ได้ อะไรก็เอามาด่ามาโจมตี มาอ้าง
เมื่อหลักมันผิด พูดไงมันก็ผิดครับ
ขณะที่อีกฝ่าย พอเอ่ยถึงเรื่องความไม่เป็นธรรม สองมาตรฐาน เผด็จการหลงยุค
ไม่ต้องพูดมากครับ ตะแคงพูด หลับหูหลับตาพูด โดนหมด
นี่เพราะหลักมันถูก
นอกจากหลักถูกแล้ว ยังมีหลักฐานให้เห็นเต็มตา เอ่ยเรื่องอะไรเป็นชัด
ก็เหตุผลง่าย ๆ นิดเดียวแค่นี้แหละครับ
สังคมไทยในวันนี้ จึงมีคนพวกหนึ่งที่ขาดเหตุผล อับจนความคิด ได้แต่แถ บิดเบือน จนมุมก็หันมาด่า
ทน ๆ ไปอีกสักพักครับ ใกล้แล้ว
จากเหตุผลบวม ๆ ตรรกะเบี้ยว ๆ บิดเบือน ใส่ร้าย จนมาถึงด่าเอาดื้อ ๆ
แปลว่าใกล้จะหมดแล้ว พะงาบ ๆ เต็มทีแล้ว
หลักผิดแล้ว ยังตะแบง ถึงวันนี้ยังเห็นดีเห็นงามกับการรัฐประหาร
มันก็เหตุให้ทำได้แค่ เกรียนไปวัน ๆ เท่านั้นแหละครับ
หรือใครจะเถียง ?
มาแหมะ
(มาแหมะ ภาษาอีสาน แปลว่า มาโลด มาเถียงกับข้อยโลด)