ว่าด้วยคำทำนายทางศาสนาที่ต้องอาศัยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์ทราบ (แหล่งปิโตรเลียม)

กระทู้สนทนา
บอกก่อนว่าตัวผมเองนั้นความรู้ทั้งทางศาสนาและทางปิโตรเลียมนั้นเข้าขั้น "หางอึ่ง" เลยล่ะ แต่ก็ได้อ่านหนังสือด้านศาสนา-ปรัชญามาบ้าง จึงพอจะรู้จักคำว่า "อจินไตย" อยู่บ้าง เท่าที่ผมพิจารณาแล้ว ผมว่าเรื่อง "แหล่งปิโตรเลียม" นี้ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นอจินไตยครับ น่าจะถกเถียงกันด้วยตรรกะ ด้วยเหตุ ด้วยผลได้ นานาทรรศนะเลยนะครับคิดเห็นอย่างไร ความคิดเห็นดีๆ ผมจะอ่านแล้วซึมซับไว้ครับ แต่ความคิดเห็นแย่ๆ คงไม่เก็บไว้ให้เป็นขยะสมอง

เรื่องมีอยู่ว่าสมาชิกท่านหนึ่งได้นำคำทำนายของพระราชพรหมยาน หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ มาให้แสดงความคิดเห็นไว้ในกระทู้หนึ่งของผมเรื่องแหล่งปิโตรเลียม ตามนี้ครับ
เม่าฝึกจิต
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
พระราชพรหมยาน หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
ท่านได้พูดบันทึกเอาไว้ในเทปเสียงเมื่อกว่า 20 ปีมาแล้ว (ท่านมรณะภาพปี พ.ศ. 2535)

ท่านพูดเอาไว้ถึงเรื่อง "สงครามใหญ่" (หรือสงครามโลกครั้งที่3 )
และท่านก็ได้พูดเอาไว้ว่าประเทศไทยจะรวยเพราะขายข้าว เมื่อสงครามใหญ่เกิดขึ้น (เพราะประเทศอื่นมัวแต่รบ)
และประเทศไทยตั้งอยู่บน "ทะเลน้ำมัน" สามารถสูบมาใช้ัได้เป็นพันปี (ท่านพูดเอาไว้ในเทปตอนที่2)
จะสูบขึ้นมา30เท่าหรือ300เท่าของการใช้น้ำมันในขณะนั้น(ในปีนั้น) สูบมาใช้เป็นพันปีก็ไม่หมด
(หัวเจาะบ่อน้ำมันที่ขุดเจาะในประเทศไทยในตอนนี้ ยังเจาะไม่ถึงบ่อใหญ่ที่เป็นทะเลน้ำมันใต้ประเทศไทย) (ต้องลึก 6 กิโลเมตรขึ้นไป)
รวมทั้งท่านได้พูดถึงเรื่องความวุ่นวายทางภาคใต้ของเราที่จะลุุกโชนแรงขึ้นตามสงครามนอกประเทศ(สงครามศาสนา)
ที่จะแรงมากขึ้นในช่วงนั้น(ตอนนี้ัก็ว่้าแรงแล้วนะ) ท่านพูดเอาไว้ก่อนนานแล้วเรื่องโจรใต้หรือเรื่องสามจังหวัดชายแดนใต้

โปรดระมัดระวังการปรามาสพระนะครับ ฟังแล้วก็พิจารณาไปด้วยความสงบ (ผมเชื่อว่าท่านเป็นพระอรหันต์ พวกคุณต้องระวังการปรามาสพระ)
ลองฟังกันดูนะครับว่าท่านพูดอะไรเอาไว้ล่วงหน้าเมื่อ20กว่าปีมาแล้วก่อนที่ท่านจะมรณะภาพไปในปีพ.ศ.2535

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
เม่าอ่านหนังสือพิมพ์
ซึ่งผมก็ได้แสดงความคิดเห็นต่อดังนี้
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
พอดีผมเรียนมาสายวิทยาศาสตร์ครับ ดังนั้นหลักศาสนาที่ผมยึดมั่นที่สุดคือ "อิทัปปัจจยตา" ครับ คือผมจะเชื่อเมื่อสิ่งนั้นสามารถพิสูจน์ได้มีเหตุปัจจัยครับ
อีกหลักที่ผมชอบคือ "กาลามสูตร 10" อย่าเชื่อ 10 ประการ บางทีแค่คำพูดก็สามารถถูกหักล้างได้ครับถ้ามีหลักฐานที่ชัดเจนกว่ามายืนยัน
ผมชอบประโยคนี้ของ Albert Einstein ครับ
Science without religion is lame. Religion without science is blind.
วิทยาศาสตร์ที่ปราศจากศาสนาก้อเปรียบดั่งคนพิการ ศาสนาที่ปราศจากวิทยาศาสตร์ก้อเปรียบดังคนตาบอด

ที่บ้านเรามันมืดบอดทุกวันนี้ สังคมสงฆ์มันเสื่อมทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะคนไทยไม่รู้จักคอดพินิจแยกแยะหรือครับ
คุณจะมาบังคับให้คนอื่นเชื่อเหมือนคุณด้วยการอ้างศรัทธานี่มันไม่เกินไปหรือครับ งั้นโลกเราคงมีแค่ศาสนาเดียวแล้วมั้งครับ
หรือคุณคิดว่าไง ช่วยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหน่อยครับ ผมน่ะชอบมากเลยได้คุยเรื่องปรัชญา ศาสนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเนี่ย
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
เม่าฝึกจิต
สมาชิกท่านั้นก็ได้มาแสดงความเห็นต่อดังนี้
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ในโลกนี้มีเรื่องขัดแย้งกันมากมายร้อยแปดพันประการ เป็นล้านๆอย่าง วิจารณ์กันได้อย่างเสรี
แต่มีเพียง 3 สิ่ง ที่เวลาวิจารณ์จะต้องใช้ความระมัดระวัง นั่นคือ  "พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์"
ย้ำอีกทีว่า ผมบอกว่าให้ "ระมัดระวัง" นะครับ ไม่ใช้ "ห้ามวิจารณ์" และไม่ใช่เป็นการ "บังคับ"

ที่ผมบอกว่าให้คุณระวังการปรามาสพระ นั่นก็เพราะว่า......
หลวงพ่อในประเทศไทยมีมากมายตั้งแต่ในอดีต มีเป็นล้านรูปครับ
และแน่นอนว่าคงไม่มีใครรู้จักหลวงพ่อทุกๆองค์เป็นอย่างดี อย่างใกล้ชิดหมดทุกรูป  
จนถึงขนาดที่ว่าเวลาใครพูดถึงพระรูปใดรูปหนึ่งในล้านรูปนั้นขึ้นมา ก็จะสามารถแย้งได้ทันทีเลยทุกรูป ทุกองค์
(หรือคุณมั่นใจว่าคุณรู้จักทุกรูปทุกองค์? เป็นอย่างดีแล้ว?)

เพราะฉนั้นในเมื่อคุณไม่รู้จักพระทุกรูปทุกองค์ในประเทศไทย
เวลามีใครมาเตือนว่าให้ระมัดระวังการปรามาส คุณก็ควรจะน้ัอบรับความปรารถนาดีของเค้าไว้ครับ ตามประสาพุทธศาสนิกชนที่ดี

เว้นแต่คนที่ "ปากไว ใจเร็ว เห่อห่าม ขาดสติ อวดดี อวดเก่ง อวดรู้ ทำเหมือนรู้จักพระรูปนั้นๆดี จนปากไวหาเรื่องใส่ตัวปรามาสพระ"

คนโง่อวดดีแบบนี้มันมีเยอะเสียด้วย คุณว่ามั้ย?
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
เม่าอ่านหนังสือพิมพ์
ผมก็ได้แสดงความคิดเห็นต่อดังนี้
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
แล้วของผมนี่ถือว่าปรามาสไหมครับ แต่ผมว่าผมระมัดระวังการปรามาสแล้วนะครับ
ในมุมมองของผมนะ ถ้าพระอรหันต์จะรู้แจ้งเห็นจริงแล้วล่ะก็ ผมว่าท่านจะรู้ในสิ่งที่เป็นทางหลุดพ้นทุกข์ครับ ไม่ใช่รู้รอบทุกสิ่ง รู้รายละเอียดปลีกย่อยทั้งหมดของจักรวาล ผมเคยอ่านหนังสือ "ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" ซึ่งผมชอบในแง่ที่ได้ความรู้ทั้งทางวิทยาศาสตร์ควบคู่ไปกับศาสนา แต่ก็มีหลายเรื่องที่ผมทำใจเชื่อได้ยากครับ เช่นในหนังสือ บอกว่า การเหาะเหิรเดินอากาศสามารถทำได้จริง การสามารถอ่านจิตใจคนทำได้จริง ฯลฯ ซึ่งผมไม่คิดว่าพระอรหันต์ท่านจะทราบว่าชั้นหินไหนเกิดมากี่ล้านปี การเคลื่อนที่ของเปลือกโลกแบบไหนก่อให้เกิดปิโตรเลียมได้ ปริมาณปิโตรเลียมแหล่งไหนมีความเหมาะสมในการขุดขึ้นมาแล้วคุ้มค่าเชิงพาณิชย์ ฯลฯ

คุยกันด้วยเหตุด้วยผลนะครับ อย่ามาหาว่าผมเป็นคนโง่อวดฉลาดเลย ใครจะรู้ผมอาจเป็นคนฉลาดแกล้งโง่ก็ได้นะครับ

ปล. ถ้าคุณสนใจเรื่องพุทธศาสนาจริงๆ แล้วอยากมองศาสนาในมุมมองของวิทยาศาสตร์บ้าง ผมแนะนำหนังสือ 2 เล่มครับ 1. ปลาที่ว่ายในสนามฟุตบอล 2. ปลาที่ว่ายนอกสนามฟุตบอล โดยคุณวินทร์ เลียววาริณ ครับ ลองดู ถ้าคุณอ่านแล้วมีสิ่งที่อยากจะบอกเพื่อให้ผมฉลาดขึ้นในเรื่องพุทธศาสนาผมก็จักขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<

กระทู้นี้เนื่องจากเกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อ ถ้าจะแสดงความคิดเห็นอะไรกันยังไงก็ขอให้ระมัดระวังหน่อยนะครับ ขอร้องว่าความคิดเห็นแบบทุเรศๆ น่ะ อย่ามาแสดงให้ขายขี้หน้าตัวเองเปล่าๆครับ และผมเชื่อว่า "ด้วยสามัญสำนึก"  ทุกท่านพิจารณาได้ด้วยตัวเองครับว่าความคิดเห็นแบบไหนดีหรือไม่ดี

ปล. ผมไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นศาสนานะครับ ตอนนี้เราพิจารณากันที่ประเด็นปลีกย่อยคือเทศนาของพระสงฆ์รูปหนึ่ง โดยส่วนตัวผมเองนั้นถ้าวันพระตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ ผมก็เข้าวัดตักบาตรทำบุญสม่ำเสมอ ไปสวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำใจให้สงบ ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา ฯลฯ ผมว่าบางทีผมยังเข้าวัดทำบุญ (ไม่ใช่เอาเงินไปหยอดตู้นะครับ) มากกว่าพุทธบริษัทที่ชี้หน้าด่าคนอื่นว่าบาป ว่าเลว เสียด้วยซ้ำไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่