ฟีฟ่าเตือนแบนไทยถ้าไม่ปฏิบัติตาม,เสธ.ยอดให้สติหากยื้อมีแต่พัง
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/130711_369.html
เลขาธิการฟีฟ่า เฌโรม วัลก์เค่อ ส่งหนังสือแจ้งเตือนมาถึงนายกสมาคมลูกหนังไทย อีกครั้งว่าจะต้องจัดการเลือกตั้งภายใต้ธรรมนูญใหม่โดยเคร่งครัด ตามมติของคณะกรรมาธิการฟีฟ่าเมื่อ 14 ก.พ. 56 ที่จะต้องทำการรับรองธรรมนูญใหม่เสียก่อน แล้วค่อยเลือกตั้งภายใน 30 ก.ย. 56 พร้อมหวังว่าไทยจะจัดประชุมใหญ่ได้ในวันที่ 9 ส.ค. นี้ โดยย้ำว่าสมาคมฟุตบอลไทย ต้องทำตามบทบัญญัติ, กฎระเบียบ, แนวทาง และมติของบอร์ดบริหารฟีฟ่า จะละเมิดมติคณะกรรมาธิการสมาคมของฟีฟ่าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกมาตรการที่เหมาะสมด้วยการสั่งพักทันทีแบบไม่มีกำหนด โดย ''เสธ.ยอด'' พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักฯ และประธานสหพันธ์กีฬาชาติ ออกโรงแสดงความคิดเห็นว่าไทยควรเชื่อฟังฟีฟ่า เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก
ความคืบหน้าของการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หลังจากที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือให้เดินหน้าจัดการประชุมใหญ่ตามข้อบังคับ โดยที่สมาคมฟุตบอลฯ ได้กำหนดที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 ส.ค. และให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ก.ย. ตามแนวทางของฟีฟ่า โดยที่ยังมีการไม่เห็นด้วยมาจากฝ่ายต่อต้านที่เรียกร้องให้ดำเนินการภายใต้กฎหมายไทย
ล่าสุดทางเลขานุการทั่วไปของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เฌโรม วัลก์เค่อ ได้มีหนังสือมาถึงนายกสมาคมฟุตบอลฯ ไทยอีกครั้ง โดยเป็นการแจ้งถึงกำหนดการต่างๆ ของการเลือกตั้ง มีใจความว่า
โทรสาร
ถึงสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ดาโต๊ะ วรวีร์ มะกูดี
นายกสมาคม
ซูริค, 8 กรกฎาคม 2013
(อ้างถึง) การติดต่อทางอีเมลของท่านลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2013
เรียนท่านนายกสมาคม,
เราขออ้างถึงการติดต่อข้างต้นของท่าน ที่ขอให้เรายืนยัน ว่าเราเห็นด้วยที่จะให้การประชุมใหญ่วิสามัญของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย (FAT) มีขึ้นในวันที่ 9 สิงหาคม 2013 เพื่อรับรองธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ หรือไม่ จดหมายของท่านยังแจ้งเราด้วย ว่าสมาชิกสมาคมฯ บางราย ขอให้สมาคมฯ เรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อการเลือกตั้งก่อนหน้าการรับรองธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ
ประการแรก เราอยากจะเตือนท่านว่าตามมติคณะกรรมาธิการสมาคมของฟีฟ่า (FIFA Associations Committee) ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013 ธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ ต้องได้รับการรับรองและจากนั้นการเลือกตั้งภายใต้บทบัญญัติดังกล่าวต้องเกิดขึ้นก่อนวันที่ 30 กันยายน 2013 โดยที่มีการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 2 ทันทีหลังการรับรองธรรมนูญใหม่ของสมาคม (คือวันที่ 9 สิงหาคม) และให้มันมีผลบังคับใช้ สมาคมฯ คงจะมีเวลาเพียงพอในการจัดการเลือกตั้งภายในวันที่ 30 กันยายน 2013 ด้วยหลักการนี้ เรายืนยันว่าการประชุมใหญ่วิสามัญของสมาคมฯ สามารถจะเกิดขึ้นในวันที่ 9 สิงหาคม 2013 เพื่อรับรองธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ
ประการที่สอง เราอยากจะขอเตือนท่านอีกครั้งว่า สมาคมฯ ต้องทำตามบทบัญญัติ, กฎระเบียบ, แนวทาง และมติของบอร์ดบริหารฟีฟ่าทุกเมื่อ การจัดการเลือกตั้งก่อนหน้าที่ธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ จะได้รับการรับรอง สมาคมฯ จะละเมิดมติคณะกรรมาธิการสมาคมของฟีฟ่าข้างต้น ดังนั้น เราอยากจะแจ้งให้ท่านทราบว่าหากสมาคมฯ พยายามที่จะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อการเลือกตั้งก่อนหน้าที่จะมีการรับรองธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ เรื่องจะถูกส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฟีฟ่า เพื่อออกมาตรการที่เหมาะสมต่อสมาคมฯ รวมถึงการไม่ยอมรับการเลือกตั้ง และ/หรือการสั่งพักทันที (suspension) และไม่มีกำหนด
เราคาดหวังในความเข้าใจของท่านเกี่ยวกับเนื้อหาของจดหมายฉบับนี้ และรอคอยให้ธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ ได้รับการรับรองในการประชุมใหญ่วิสามัญของสมาคมฯ ในวันที่ 9 สิงหาคม 2013 นี้
ขอแสดงความนับถือ
ฟีฟ่า
เฌโรม วัลก์เค่อ
เลขานุการทั่วไป
''บิ๊กเปี๊ยก'' ย้ำฝ่าฝืนโดนแบนชัวร์
ทางด้าน ''บิ๊กเปี๊ยก'' องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงหนังสือฉบับล่าสุดจากฟีฟ่าว่า ''เราได้ทำหนังสือไปยังฟีฟ่าในเรื่องที่เราจะดำเนินการประชุมใหญ่และจัดการเลือกตั้ง ซึ่งฟีฟ่าก็รับรองและให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ คือจัดประชุมใหญ่พิเศษวันที่ 9 ส.ค. และเลือกตั้งวันที่ 23 ก.ย. โดยฟีฟ่าให้ความเห็นชอบทุกขั้นตอน''
''ส่วนการที่มีสโมสรเข้าชื่อร้องเพื่อจัดการเลือกตั้งกันเอง เรื่องนี้ทางฟีฟ่าก็ได้รับรู้หมดแล้ว จึงได้ย้ำให้ดำเนินการตามขั้นตอนของธรรมนูญใหม่ ถ้าไม่ดำเนินตามการตามนี้ ฟีฟ่าจะตัดสินให้สมาคมฟุตบอลไทยต้องถูกพักทันที รวมทั้งถ้าเกิดเหตุการณ์ที่มีการเข้าชื่อเพื่อเลือกตั้งกันเองด้วย''
ผู้สื่อข่าวยังได้ถามถึงประเด็นที่ว่า หากมีการจัดการเลือกตั้งก่อนแล้วค่อยมารับรองธรรมนูญฟีฟ่า จะมีผลอย่างไร บิ๊กเปี๊ยกตอบว่า ''หนังสือของฟีฟ่าฉบับนี้ได้อ้างถึงเช่นกัน โดยฟีฟ่าระบุว่าจะกระทำไม่ได้ ยังไงจำเป็นต้องรับธรรมนูญใหม่เสียก่อนจึงจะเลือกตั้งได้''
ส่วนการที่ถ้าฝ่าฝืนคำสั่งของฟีฟ่าจะโดนลงโทษให้พักทันทีหรือไม่ เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ กล่าวว่า ''จะต้องเป็นไปตามที่ฟีฟ่ากำหนด รวมทั้งทางฟีฟ่าจะส่งคณะกรรมการฉุกเฉินมาในระหว่างที่ถูกพักด้วย เพื่อมาสอบสวนถึงสาเหตุ ก่อนจะทำรายงานไปยังฟีฟ่าต่อไป
ส่วนว่าจะมีการโดนลงโทษถึงขั้นใดนั้น ก็ต้องบอกว่ามีโอกาสที่จะถูก แบน ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมกับฟีฟ่าแบบไม่มีกำหนด เนื่องจากมีลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าอินโดนีเซีย ที่ก่อนหน้านี้ทำผิดกฎของฟีฟ่าที่สโมสรจัดเลือกตั้งกันเองจนทำให้โดนลงโทษ จนเกิดเป็น 2 สมาคมในทุกวันนี้ หรือบรูไนที่ไม่ยอมรับธรรมนูญของฟีฟ่า ก็โดนฟีฟ่าแบนมาแล้ว
จนนายกสมาคมฟุตบอลบรูไน ได้เดินทางไปขอยกเลิกโทษแบน และฟีฟ่าได้ดำเนินการให้บรูไนกลับเข้ามาร่วม แต่ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากยังไม่ผ่านในที่ประชุมใหญ่ของฟีฟ่า เพราะฉะนั้นในเกมต่างๆ ที่จัดขึ้นของเอเอฟซี คงจะยังส่งไม่ได้ อีกทั้งการประชุมใหญ่ของฟีฟ่าในทุกๆ ครั้ง ประเทศบรูไนยังไม่มีสิทธิ์โหวต ทว่าในที่ประชุมใหญ่ของเอเอฟซีมีการเสนอขอให้บรูไนมีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในรายการของเอเอฟซี ซึ่งสมาชิกได้โหวตให้เข้ามาแข่งได้''
ทั้งนี้สมาคมฟุตบอลบรูไน เคยถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ลงโทษแบนกรณีที่ไม่ยอมรับธรรมนูญใหม่ และห้ามทีมชาติทุกชุดส่งแข่งในรายการที่ฟีฟ่ารับรองเป็นเวลาถึง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2001 ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวแม้ว่าบรูไนจะอ้างว่าเข้าแข่งในรายการซีเกมส์ได้
เนื่องจากไม่ได้อยู่ภายใต้กฎฟีฟ่า แต่สุดท้ายบรูไนไม่สามารถแข่งขันในซีเกมส์ ได้เลย ระหว่างปี 2003, 2005, 2007 และ 2009 ก่อนที่ฟีฟ่าจะยกเลิกโทษแบนเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2011 ทำให้บรูไนกลับมาส่งทีมแข่งในกีฬาซีเกมส์ได้อีกครั้งเมื่อปี 2011 ที่ประเทศอินโดนีเซีย
''เสธ.ยอด'' ชี้ควรเชื่อฟังฟีฟ่า
เกี่ยวกับประเด็นขัดแย้งที่มีอยู่ทางด้าน ''เสธ.ยอด'' พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย และเป็นประธานสหพันธ์กีฬาชาติ ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ว่า ''ต้องเข้าใจก่อนว่าองค์กรกีฬาของโลกมีจุดประสงค์ให้แต่ละชาติมีความแข็งแกร่งทางด้านการแข่งขันเพื่อที่จะได้เกิดความสูสีกันในเวทีนานาชาติ เช่นกันฟีฟ่าก็ต้องการให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกมีความแข็งแกร่งและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
ปัญหานี้ก็คือฟีฟ่าต้องการให้สโมสรสมาชิกเดิม รับรองธรรมนูญใหม่ แต่มาเกิดปัญหาฟีฟ่าจึงต้องการเข้ามาจัดการบริหาร และมีคำสั่งต่างๆ อย่างที่เราทราบกัน ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้สมาคมฟุตบอลไทยมีความแข็งแกร่งนั่นเอง''
เสธ.ยอด กล่าวต่อว่า ''เมื่อทางฟีฟ่าเขาเข้ามา เราก็ควรรับฟังเขา เพียงแต่ยังมีกฎหมายไทยที่จะต้องมาร่วมกันพิจารณาหาทางออก ส่วนตัวแล้วเราต้องเชื่อฟังฟีฟ่าเพราะเป็นองค์กรที่ควบคุมฟุตบอลทั่วโลก เมื่อมันยังติดขัดก็ต้องมาพูดคุยกัน ไม่ใช่ต่อว่ากัน
อย่าง 72 เสียงมันเหมาะสมหรือไม่ ดีไม่ดีอย่างไร เราหันหน้ามาคุยกันได้ โดยมี กกท. เป็นคนกลาง ส่วนว่าจะกลับไปใช้แบบเดิมคือ 184 เสียงคิดว่าคงไม่ได้แล้ว เมื่อฟีฟ่าเขาต้องการให้รับรองธรรมนูญใหม่ ก็ต้องว่ากันตรง 72 เสียงว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร''
''ยังไงทางแก้ต้องมาตกลงกัน อย่าให้เหมือนสมาคมยิงปืน ที่พอเลือกตั้งทีมีสมาชิกมากัน 300-400 เสียง ไม่รู้มาจากไหนเป็นผีทั้งนั้น ตรงนี้ฟีฟ่าเขาก็พยายามที่จะให้สิทธิ์กับทีมที่มีความพร้อมจริงๆ เป็นมืออาชีพ ยกตัวอย่างแค่สมาคมยกน้ำหนัก มีสมาชิกทั่วโลก 200 กว่าชาติ
แต่เมื่อถึงช่วงเวลาของการโหวตอะไรก็แล้วแต่ ทางสหพันธ์โลกเขาก็จะให้สิทธิ์กับประเทศที่มีระบบการบริหารที่ดีเท่านั้นก็จะมีแค่ 138 ชาติเท่านั้นที่มีสิทธิ์ เขาไม่ได้ให้ทุกชาติ เช่นกันฟีฟ่าก็มีการกำหนดสิทธิ์การโหวตออกมา เราจึงต้องฟังฟีฟ่า เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ถ้าไม่เชื่อฟังเขาแล้วเราจะอยู่ร่วมกับเขาได้อย่างไร'' พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวปิดท้าย
ฟีฟ่าเตือนแบนไทยถ้าไม่ปฏิบัติตาม,เสธ.ยอดให้สติหากยื้อมีแต่พัง
http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/130711_369.html
เลขาธิการฟีฟ่า เฌโรม วัลก์เค่อ ส่งหนังสือแจ้งเตือนมาถึงนายกสมาคมลูกหนังไทย อีกครั้งว่าจะต้องจัดการเลือกตั้งภายใต้ธรรมนูญใหม่โดยเคร่งครัด ตามมติของคณะกรรมาธิการฟีฟ่าเมื่อ 14 ก.พ. 56 ที่จะต้องทำการรับรองธรรมนูญใหม่เสียก่อน แล้วค่อยเลือกตั้งภายใน 30 ก.ย. 56 พร้อมหวังว่าไทยจะจัดประชุมใหญ่ได้ในวันที่ 9 ส.ค. นี้ โดยย้ำว่าสมาคมฟุตบอลไทย ต้องทำตามบทบัญญัติ, กฎระเบียบ, แนวทาง และมติของบอร์ดบริหารฟีฟ่า จะละเมิดมติคณะกรรมาธิการสมาคมของฟีฟ่าไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะถูกส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกมาตรการที่เหมาะสมด้วยการสั่งพักทันทีแบบไม่มีกำหนด โดย ''เสธ.ยอด'' พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักฯ และประธานสหพันธ์กีฬาชาติ ออกโรงแสดงความคิดเห็นว่าไทยควรเชื่อฟังฟีฟ่า เพราะเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก
ความคืบหน้าของการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หลังจากที่การกีฬาแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือให้เดินหน้าจัดการประชุมใหญ่ตามข้อบังคับ โดยที่สมาคมฟุตบอลฯ ได้กำหนดที่จะจัดขึ้นในวันที่ 9 ส.ค. และให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ก.ย. ตามแนวทางของฟีฟ่า โดยที่ยังมีการไม่เห็นด้วยมาจากฝ่ายต่อต้านที่เรียกร้องให้ดำเนินการภายใต้กฎหมายไทย
ล่าสุดทางเลขานุการทั่วไปของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เฌโรม วัลก์เค่อ ได้มีหนังสือมาถึงนายกสมาคมฟุตบอลฯ ไทยอีกครั้ง โดยเป็นการแจ้งถึงกำหนดการต่างๆ ของการเลือกตั้ง มีใจความว่า
โทรสาร
ถึงสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ดาโต๊ะ วรวีร์ มะกูดี
นายกสมาคม
ซูริค, 8 กรกฎาคม 2013
(อ้างถึง) การติดต่อทางอีเมลของท่านลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2013
เรียนท่านนายกสมาคม,
เราขออ้างถึงการติดต่อข้างต้นของท่าน ที่ขอให้เรายืนยัน ว่าเราเห็นด้วยที่จะให้การประชุมใหญ่วิสามัญของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย (FAT) มีขึ้นในวันที่ 9 สิงหาคม 2013 เพื่อรับรองธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ หรือไม่ จดหมายของท่านยังแจ้งเราด้วย ว่าสมาชิกสมาคมฯ บางราย ขอให้สมาคมฯ เรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อการเลือกตั้งก่อนหน้าการรับรองธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ
ประการแรก เราอยากจะเตือนท่านว่าตามมติคณะกรรมาธิการสมาคมของฟีฟ่า (FIFA Associations Committee) ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2013 ธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ ต้องได้รับการรับรองและจากนั้นการเลือกตั้งภายใต้บทบัญญัติดังกล่าวต้องเกิดขึ้นก่อนวันที่ 30 กันยายน 2013 โดยที่มีการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญครั้งที่ 2 ทันทีหลังการรับรองธรรมนูญใหม่ของสมาคม (คือวันที่ 9 สิงหาคม) และให้มันมีผลบังคับใช้ สมาคมฯ คงจะมีเวลาเพียงพอในการจัดการเลือกตั้งภายในวันที่ 30 กันยายน 2013 ด้วยหลักการนี้ เรายืนยันว่าการประชุมใหญ่วิสามัญของสมาคมฯ สามารถจะเกิดขึ้นในวันที่ 9 สิงหาคม 2013 เพื่อรับรองธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ
ประการที่สอง เราอยากจะขอเตือนท่านอีกครั้งว่า สมาคมฯ ต้องทำตามบทบัญญัติ, กฎระเบียบ, แนวทาง และมติของบอร์ดบริหารฟีฟ่าทุกเมื่อ การจัดการเลือกตั้งก่อนหน้าที่ธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ จะได้รับการรับรอง สมาคมฯ จะละเมิดมติคณะกรรมาธิการสมาคมของฟีฟ่าข้างต้น ดังนั้น เราอยากจะแจ้งให้ท่านทราบว่าหากสมาคมฯ พยายามที่จะเรียกประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อการเลือกตั้งก่อนหน้าที่จะมีการรับรองธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ เรื่องจะถูกส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฟีฟ่า เพื่อออกมาตรการที่เหมาะสมต่อสมาคมฯ รวมถึงการไม่ยอมรับการเลือกตั้ง และ/หรือการสั่งพักทันที (suspension) และไม่มีกำหนด
เราคาดหวังในความเข้าใจของท่านเกี่ยวกับเนื้อหาของจดหมายฉบับนี้ และรอคอยให้ธรรมนูญใหม่ของสมาคมฯ ได้รับการรับรองในการประชุมใหญ่วิสามัญของสมาคมฯ ในวันที่ 9 สิงหาคม 2013 นี้
ขอแสดงความนับถือ
ฟีฟ่า
เฌโรม วัลก์เค่อ
เลขานุการทั่วไป
''บิ๊กเปี๊ยก'' ย้ำฝ่าฝืนโดนแบนชัวร์
ทางด้าน ''บิ๊กเปี๊ยก'' องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงหนังสือฉบับล่าสุดจากฟีฟ่าว่า ''เราได้ทำหนังสือไปยังฟีฟ่าในเรื่องที่เราจะดำเนินการประชุมใหญ่และจัดการเลือกตั้ง ซึ่งฟีฟ่าก็รับรองและให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ คือจัดประชุมใหญ่พิเศษวันที่ 9 ส.ค. และเลือกตั้งวันที่ 23 ก.ย. โดยฟีฟ่าให้ความเห็นชอบทุกขั้นตอน''
''ส่วนการที่มีสโมสรเข้าชื่อร้องเพื่อจัดการเลือกตั้งกันเอง เรื่องนี้ทางฟีฟ่าก็ได้รับรู้หมดแล้ว จึงได้ย้ำให้ดำเนินการตามขั้นตอนของธรรมนูญใหม่ ถ้าไม่ดำเนินตามการตามนี้ ฟีฟ่าจะตัดสินให้สมาคมฟุตบอลไทยต้องถูกพักทันที รวมทั้งถ้าเกิดเหตุการณ์ที่มีการเข้าชื่อเพื่อเลือกตั้งกันเองด้วย''
ผู้สื่อข่าวยังได้ถามถึงประเด็นที่ว่า หากมีการจัดการเลือกตั้งก่อนแล้วค่อยมารับรองธรรมนูญฟีฟ่า จะมีผลอย่างไร บิ๊กเปี๊ยกตอบว่า ''หนังสือของฟีฟ่าฉบับนี้ได้อ้างถึงเช่นกัน โดยฟีฟ่าระบุว่าจะกระทำไม่ได้ ยังไงจำเป็นต้องรับธรรมนูญใหม่เสียก่อนจึงจะเลือกตั้งได้''
ส่วนการที่ถ้าฝ่าฝืนคำสั่งของฟีฟ่าจะโดนลงโทษให้พักทันทีหรือไม่ เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ กล่าวว่า ''จะต้องเป็นไปตามที่ฟีฟ่ากำหนด รวมทั้งทางฟีฟ่าจะส่งคณะกรรมการฉุกเฉินมาในระหว่างที่ถูกพักด้วย เพื่อมาสอบสวนถึงสาเหตุ ก่อนจะทำรายงานไปยังฟีฟ่าต่อไป
ส่วนว่าจะมีการโดนลงโทษถึงขั้นใดนั้น ก็ต้องบอกว่ามีโอกาสที่จะถูก แบน ไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมกับฟีฟ่าแบบไม่มีกำหนด เนื่องจากมีลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าอินโดนีเซีย ที่ก่อนหน้านี้ทำผิดกฎของฟีฟ่าที่สโมสรจัดเลือกตั้งกันเองจนทำให้โดนลงโทษ จนเกิดเป็น 2 สมาคมในทุกวันนี้ หรือบรูไนที่ไม่ยอมรับธรรมนูญของฟีฟ่า ก็โดนฟีฟ่าแบนมาแล้ว
จนนายกสมาคมฟุตบอลบรูไน ได้เดินทางไปขอยกเลิกโทษแบน และฟีฟ่าได้ดำเนินการให้บรูไนกลับเข้ามาร่วม แต่ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากยังไม่ผ่านในที่ประชุมใหญ่ของฟีฟ่า เพราะฉะนั้นในเกมต่างๆ ที่จัดขึ้นของเอเอฟซี คงจะยังส่งไม่ได้ อีกทั้งการประชุมใหญ่ของฟีฟ่าในทุกๆ ครั้ง ประเทศบรูไนยังไม่มีสิทธิ์โหวต ทว่าในที่ประชุมใหญ่ของเอเอฟซีมีการเสนอขอให้บรูไนมีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในรายการของเอเอฟซี ซึ่งสมาชิกได้โหวตให้เข้ามาแข่งได้''
ทั้งนี้สมาคมฟุตบอลบรูไน เคยถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ลงโทษแบนกรณีที่ไม่ยอมรับธรรมนูญใหม่ และห้ามทีมชาติทุกชุดส่งแข่งในรายการที่ฟีฟ่ารับรองเป็นเวลาถึง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2001 ซึ่งในระยะเวลาดังกล่าวแม้ว่าบรูไนจะอ้างว่าเข้าแข่งในรายการซีเกมส์ได้
เนื่องจากไม่ได้อยู่ภายใต้กฎฟีฟ่า แต่สุดท้ายบรูไนไม่สามารถแข่งขันในซีเกมส์ ได้เลย ระหว่างปี 2003, 2005, 2007 และ 2009 ก่อนที่ฟีฟ่าจะยกเลิกโทษแบนเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2011 ทำให้บรูไนกลับมาส่งทีมแข่งในกีฬาซีเกมส์ได้อีกครั้งเมื่อปี 2011 ที่ประเทศอินโดนีเซีย
''เสธ.ยอด'' ชี้ควรเชื่อฟังฟีฟ่า
เกี่ยวกับประเด็นขัดแย้งที่มีอยู่ทางด้าน ''เสธ.ยอด'' พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย และเป็นประธานสหพันธ์กีฬาชาติ ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ว่า ''ต้องเข้าใจก่อนว่าองค์กรกีฬาของโลกมีจุดประสงค์ให้แต่ละชาติมีความแข็งแกร่งทางด้านการแข่งขันเพื่อที่จะได้เกิดความสูสีกันในเวทีนานาชาติ เช่นกันฟีฟ่าก็ต้องการให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกมีความแข็งแกร่งและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
ปัญหานี้ก็คือฟีฟ่าต้องการให้สโมสรสมาชิกเดิม รับรองธรรมนูญใหม่ แต่มาเกิดปัญหาฟีฟ่าจึงต้องการเข้ามาจัดการบริหาร และมีคำสั่งต่างๆ อย่างที่เราทราบกัน ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้สมาคมฟุตบอลไทยมีความแข็งแกร่งนั่นเอง''
เสธ.ยอด กล่าวต่อว่า ''เมื่อทางฟีฟ่าเขาเข้ามา เราก็ควรรับฟังเขา เพียงแต่ยังมีกฎหมายไทยที่จะต้องมาร่วมกันพิจารณาหาทางออก ส่วนตัวแล้วเราต้องเชื่อฟังฟีฟ่าเพราะเป็นองค์กรที่ควบคุมฟุตบอลทั่วโลก เมื่อมันยังติดขัดก็ต้องมาพูดคุยกัน ไม่ใช่ต่อว่ากัน
อย่าง 72 เสียงมันเหมาะสมหรือไม่ ดีไม่ดีอย่างไร เราหันหน้ามาคุยกันได้ โดยมี กกท. เป็นคนกลาง ส่วนว่าจะกลับไปใช้แบบเดิมคือ 184 เสียงคิดว่าคงไม่ได้แล้ว เมื่อฟีฟ่าเขาต้องการให้รับรองธรรมนูญใหม่ ก็ต้องว่ากันตรง 72 เสียงว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร''
''ยังไงทางแก้ต้องมาตกลงกัน อย่าให้เหมือนสมาคมยิงปืน ที่พอเลือกตั้งทีมีสมาชิกมากัน 300-400 เสียง ไม่รู้มาจากไหนเป็นผีทั้งนั้น ตรงนี้ฟีฟ่าเขาก็พยายามที่จะให้สิทธิ์กับทีมที่มีความพร้อมจริงๆ เป็นมืออาชีพ ยกตัวอย่างแค่สมาคมยกน้ำหนัก มีสมาชิกทั่วโลก 200 กว่าชาติ
แต่เมื่อถึงช่วงเวลาของการโหวตอะไรก็แล้วแต่ ทางสหพันธ์โลกเขาก็จะให้สิทธิ์กับประเทศที่มีระบบการบริหารที่ดีเท่านั้นก็จะมีแค่ 138 ชาติเท่านั้นที่มีสิทธิ์ เขาไม่ได้ให้ทุกชาติ เช่นกันฟีฟ่าก็มีการกำหนดสิทธิ์การโหวตออกมา เราจึงต้องฟังฟีฟ่า เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ถ้าไม่เชื่อฟังเขาแล้วเราจะอยู่ร่วมกับเขาได้อย่างไร'' พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวปิดท้าย