มหากาพย์ก็าบๆ ดาวไม่ไหวแล้ว ดาวจะไม่ทน!!!

เนื่องมาจาก จขกท(ต่อไปนี้ขออนุญาต เรียกแทนตัวเองว่า เราน่ะคะ) เป็นเด็กต่างจังหวัด แต่เรากับพี่สาวได้เข้ามาเรียนและทำงานที่กทม. แม่จึงซื้อคอนโดให้อยู่ อยู่กันมาสงบเรียบร้อยดีค่ะ พี่น้อง ดูแลกันไป
          แต่ เรื่องเกิดขึ้น เนื่องจาก ลุงหรือพี่ชายของแม่เรา มีครอบครัวและย้ายไปอยู่ภาคใต้ ซึ่งค่อนข้างห่างไกลกับจังหวัดของเรามากมีลูกสาวและลูกชายสามคน  ปัญหาที่เกิดคือเกิดกับยัยลูกพี่ลูกน้องของเรานี่แหละค่ะ(สมมติให้ชื่อ ยัยเหลื่อมล้ำน่ะค่ะ)

          ขอเท้าความก่อนน่ะค่ะ
          คือเรากับยัยเหลื่อมล้ำ อายุไล่เลี่ยกันมาก เค้าแก่กว่าแค่เดือน ไม่กี่เดือน ทำให้ชะนีอย่างเราต้องนับถือเป็นพี่ และในบรรดาญาติๆทั้งหมด เราถือเป็นหลานคนสุดท้อง ซึ่งป้ากับลุง ที่เป็นพี่ชายและพี่สาวแม่เรารัก(เนื่องจากทั้งสองเป็นพี่น้องกัน และไม่ได้แต่งงานทั้งคู่ ทำมาหากินด้วยกัน เรียกว่าพอมีเงินเลยค่ะ ทำให้ค่อนข้างใจอ่อนกับหลาน และรักหลาน)

          วันหนึ่ง มหากาพย์ก๊าบๆ ก็เกิดกับเรา เมื่อที่บ้านได้รับโทรศัพท์จากทางบ้านยัยเหลื่อมล้ำ ว่าจะมาดูที่ทางทำงานสัก 1 อาทิตย์ ขอมานอนที่คอนโดเราสองพี่น้องน่ะ แม่แสนสาวผู้แสนดีของเราจึงรับปาก นางมารร้ายอย่างเราได้แต่กรีดร้องกับแม่และพี่สาวว่า ทำไมๆ เค้าต้องมาอยู่กับเรา ไม่ค่อยสนิทใจเลย แต่ก็เป็นได้แค่ลมผ่านปาก เพราะไม่มีใครสนใจเราเลย เราก็บ่นๆ ไปงั้นแหละค่ะ เพราะยังไงเราก็เข้าใจว่าเค้าเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ จะมาอยู่ที่กทม. ลำพัง ช่างน่าสงสารและน่าหวาดกลัวยิ่งนัก ด้วยความใจอ่อนนี่เอง มหากาพย์ก๊าบๆ จึงเกิดขึ้น

          วันที่เท้าของยัยเหลื่อมล้ำ แตะพื้นแผ่นดิน กทม. วันนั้นคือวันที่เรากำลังจะเสียอธิปไตยอย่างเป็นทางการ หล่อนพาหน้าเชิดๆของหล่อนกรุยกราย นวยนาดเข้ามาที่คอนโดของเรา  หลังจากนี้เรื่องราวมากมายเกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่

         หล่อนมีแฟนแล้ว(และนั่นเป็นสิ่งดาวรับไม่ได้ ชั้นสวยกว่าทำไมชั้นไม่มี อร้ากกก) แล้วพี่สาวเราใจดีอยากเลี้ยงข้าว ยัยเหลื่อมล้ำ พาแฟนมา สั่งๆๆๆๆๆร้านอาหารในห้าง พี่กะเรานั่งมองกันตาปริบๆ อยากจะตะโกนถามว่า ปอบลงร่างเมิงรึไง  หา (อุ้ยเผลอตัวใช้คำหยาบ ขอประทานโทษชาวพันทิพค่ะ)  ที่ร้ายกว่านั้นคือ สั่งมาแล้วทานไม่หมด คือสั่งๆๆๆ โดยไม่ได้ดูเลยค่ะ แถมทานไม่หมดอีกต่างหาก เหลือบานเบอะ บอกแค่ว่าอยากลองชิม  พอบิลมาพี่เราแทบลมจับ เราได้แต่หัวเราะสะใจพี่เราคนเดียว เพราะเราเตือนพี่เราแล้วค่ะ ว่ายัยเหลื่อมล้ำ นี่มันไม่ธรรมดา

          ทำไมเราถึงรู้ คือเราตะหงิดๆ หลายครั้ง เพราะบางทีเราติดต่อกันทาง line whatsapp แล้วเค้าเคยมาบ้านเราเมื่อตอนมัธยม(เคยเจอก่อนหน้านี้ตอนเราเจ็ดขวบที่ไปบ้านเค้า เรียกได้ว่าเจอกันไม่เกินสามครั้งชัวร์) ทำให้เราเห็นถึงพฤติกรรมต่างๆ ที่เค้าทำกับเราซึ่งเป็นน้อง ช่างผิดกับที่เค้าทำกับผู้ใหญ่ยิ่งนัก ตรงกับคำที่ว่า ต่อหน้ามะพร้าวขาว ลับหลังมะพร้าวเน่า เราซึ่งสนิทกับพี่เรามาก จึงบอกไปว่า เจ๊ เรดาร์น้องมันร้อง ตรู้ดๆๆ ว่ายัยนี่ไม่ธรรมดา กลายเป็นพี่เราด่าเราว่าเพ้อเจ้อแทนค่ะ--*

          ก่อนหน้านี้หล่อนมาถึงกทม.สองสามวันแล้ว แต่หล่อนไม่มานอนกะเราค่ะ ไปนอนที่บ้านแฟนแล้วโกหกที่บ้านเค้าว่ามานอนกับเรา สร้างเรื่องจนเรากับพี่ต้องพลอยโกหกแบบบริสุทธิ์ไปด้วย(ตรูยังไม่เคยต้องโกหกแม่แล้วไปนอนกะแฟนเลย เพราะไม่เคยมีให้โกหก) ซึ่งที่บ้านเราเลี้ยงมาแบบค่อนข้างหัวโบราณ พฤติกรรมแบบนี้รับไม่ค่อยได้ค่ะ แม่เราทราบ แต่ว่าทำไงได้ค่ะ ไม่ใช่ลูกแม่ แถมเป็นญาติที่ไม่ได้สนิทมากๆ จะเตือนก็เหมือนเอาลิ้นไปแตะเกลือ เค็มสะเปล่าๆ ไม่ได้อะไรอีกต่างหาก

             พอหล่อนจะย้ายข้าวของมาที่คอนโดเรา หล่อนใช้ให้เรา นั่งบีทีเอสไปรับหล่อนกับข้าวของ เพื่อจะนั่งแท็กซี่กลับมาด้วยกัน(ทำไมไม่นั่งแท๊กซี่มาเองฟระ อ่อ เพิ่งเข้ากทม. อาจไม่รู้ทิศทาง พอให้อภัย)

          ตอนที่หล่อนก้าวเท้าเข้าห้องเรา หล่อนได้นอนในห้องรับแขก หล่อนคุยโทรศัพท์เสียงดังมากกกกก รียกได้ว่าโทรโข่งอาย เรากับพี่นอนอยู่ในห้อง หล่อนไม่เกรงใจเลยค่ะ ว่าเจ้าของห้องหลับแล้ว คุยโทรศัพท์และเปิดโทรทัศน์เสียงดังมากก จนพี่เราทนไม่ได้ต้องเตือน แต่หล่อนก็มิได้นำพา ยังเป็นเหมือนเดิม
    
          รุ่งเช้า ซึ่งจริงๆยัยเหลื่อมล้ำมีอบรม หล่อนก็นอนไม่ตื่น อ้างว่าไม่สบาย ขอไม่ไปทำงาน ปัญหาจึงเกิด เพราะพี่กับเราออกไปทำงานหมด จึงต้องทิ้งกุญแจห้องไว้ให้ยัยเหลื่อมล้ำ 1 ชุด(จริงๆไม่ไว้ใจน่ะค่ะ แต่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเป็นญาติกัน)  เธอบอกว่ารองเท้าเธอกัด เธอต้องออกไปหาซื้อรองเท้า จึงออกไปที่สยาม ไหนตอนเช้าบอกไม่สบายไงงง  โอย อกอีแป้นจะระเบิด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่