คำถามนี้ ถามกันเล่นๆ แต่แฝงความหมาย มาจาก เพื่อนๆ พี่น้อง เวลาเพลินๆ ชิวๆ
ขับรถชวนคุย แก้ง่วง เวลากินข้าวกัน
ผมก็ตอบแบบ ตรงๆ ในสไตล์ผม แบบไม่โลกสวยน่ะครับ
ผมตอบว่า มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ จะมีสิบล้านยี่สิบล้าน
ถ้าเราเจ็บป่วย ที่ต้องใช้เงินรักษา
อันนี้ดูจาก คนรอบตัว ที่รวย แต่ไม่พอ
ไม่ดูแล รักษาสุขภาพตัวเอง ใช้เงินในการรักษาตัวเอง
และอยู่ไม่สบายด้วย
แต่สำหรับผมเอง ผมมีเงินสด ล้านนึง ก็เพียงพอ
ที่อยู่ได้สบาย ไปตลอดชีวิต
แต่เราต้อง เลือก ที่จะอยู่สบายๆน่ะ
อย่างผม ขอเลือก อยู่ชานเมือง จะกรุงเทพ หรือ ตจว. ก็ได้
ตอนนี้ ก็อยู่ชานเมือง กรุงเทพ มีบ้านสวนอยู่ เช่าที่วัด
จะไปไหนก็สะดวก ใกล้ มอเตอร์เวย์ วงแหวน ไปได้ทั่วกรุงเทพ
แต่ถึงไง ก็ไม่หยุด ทำงาน หารายได้
เพราะ เราจะเบื่อมาก เราก็ทำงานที่เราถนัด เราชอบ
รายได้พอประมาณ ก็อยู่ได้แล้ว
มีเหลือกินเหลือเก็บ
ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ ใจกลางกรุงเทพ
เปิดกิจการส่วนตัว มีรายจ่ายเดือนนึงเกือบแสน
ค่าเช่าร้าน ค่าลูกน้อง ค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ
รายรับไม่แน่นอน เหลือบ้าง ขาดทุนบ้าง
แต่ที่แน่ๆ รายจ่ายค้ำคอแน่นอน
ชีวิตไม่มีความหวังเลย ไม่เคยจะเก็บเงินได้
แต่พอมาอยู่ชานเมือง รายจ่ายแทบไม่มี
ตอนนี้ลูกน้องก็ไม่มี รายได้ก็ลดลงไป
แต่เหลือเก็บเต็มๆ ปีนึงก็ เก็บเงินได้ มากไม่เคยเท่านี้มาก่อน
ผลพลอยได้อีกอย่างคือ ความสุข ที่ได้อยู่
บ้านบรรยากาศดี ผมปลูกต้นไม้ไว้รอบบ้าน
ไม้ผล ปลูกผัก สมุนไพร ไว้บริโภคเอง เหลือก็แจก
ถ้าจะขายก็พอได้หลายตังค์
เช้ามาได้ยินเสียงนก เสียงกา
เสียงใบไผ่ หวิวๆ อากาศ สกชื่งอย่างแรง
ได้ออกกำลังกาย ได้ตากแดด ทำให้ร่างกายแข็งแรง
ไปไหนมาไหนก็สะดวก รถไม่ติด ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว ทั้งปริมณทลและกรุงเทพ
เดือนๆนึง ถ้าไม่รวมค่าเดินทาง ไปทำธุระในกรุงเทพ
รายจ่ายก็ไม่ถึง 10,000 ทั้งกินข้าว เครื่องดื่มเช้า เย็น กินขนมจุกจิกๆ
แต่ถ้าเฉพาะ ค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน เดือนนึงก็เกือบ 6,000 บาท
นี่แหละครับ คอนเซ็ป ความคิด คือ เมื่อเราเก็บเงินได้สักก้อน
ถ้าไม่อยากให้เงิน หมดไปอย่างรวดเร็ว เราต้องเลือกที่อยู่
ที่จะทำให้เราประหยัด ในหลายๆด้าน อาจจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นมา คือ ค่าเดินทาง
แต่เราก็ลดรายจ่ายด้านอื่นได้ โดยปริยาย เช่น ที่ผมอยู่
รายจ่ายที่ลดลงคือ ค่าเช่า ค่าไฟ ค่าอาหารบางมื้อ(ทำกินเอง เอาผักที่ปลูกมาทำกิน ปลอดสารพิษอีกต่างหาก) ค่ายารักษาพื้นฐาน (เพราะสุขภาพดี เลยไม่ต้องพึ่งยา อันนี้จริงๆเลยครับ)
ค่าเอนเตอร์เทน (อยู่บ้านก็มีความสุขดีแล้ว ไม่ต้องไปเที่ยว ผลาญเงินถึงจะมีความสุข นานๆไปทีอาทิตย์ละครั้งพอ)
มีหลายคนถามว่า "มีเงินเท่าไหร่ ถึงจะอยู่ได้สบายตลอดชีวิต"
ขับรถชวนคุย แก้ง่วง เวลากินข้าวกัน
ผมก็ตอบแบบ ตรงๆ ในสไตล์ผม แบบไม่โลกสวยน่ะครับ
ผมตอบว่า มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ จะมีสิบล้านยี่สิบล้าน
ถ้าเราเจ็บป่วย ที่ต้องใช้เงินรักษา
อันนี้ดูจาก คนรอบตัว ที่รวย แต่ไม่พอ
ไม่ดูแล รักษาสุขภาพตัวเอง ใช้เงินในการรักษาตัวเอง
และอยู่ไม่สบายด้วย
แต่สำหรับผมเอง ผมมีเงินสด ล้านนึง ก็เพียงพอ
ที่อยู่ได้สบาย ไปตลอดชีวิต
แต่เราต้อง เลือก ที่จะอยู่สบายๆน่ะ
อย่างผม ขอเลือก อยู่ชานเมือง จะกรุงเทพ หรือ ตจว. ก็ได้
ตอนนี้ ก็อยู่ชานเมือง กรุงเทพ มีบ้านสวนอยู่ เช่าที่วัด
จะไปไหนก็สะดวก ใกล้ มอเตอร์เวย์ วงแหวน ไปได้ทั่วกรุงเทพ
แต่ถึงไง ก็ไม่หยุด ทำงาน หารายได้
เพราะ เราจะเบื่อมาก เราก็ทำงานที่เราถนัด เราชอบ
รายได้พอประมาณ ก็อยู่ได้แล้ว
มีเหลือกินเหลือเก็บ
ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ ใจกลางกรุงเทพ
เปิดกิจการส่วนตัว มีรายจ่ายเดือนนึงเกือบแสน
ค่าเช่าร้าน ค่าลูกน้อง ค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ
รายรับไม่แน่นอน เหลือบ้าง ขาดทุนบ้าง
แต่ที่แน่ๆ รายจ่ายค้ำคอแน่นอน
ชีวิตไม่มีความหวังเลย ไม่เคยจะเก็บเงินได้
แต่พอมาอยู่ชานเมือง รายจ่ายแทบไม่มี
ตอนนี้ลูกน้องก็ไม่มี รายได้ก็ลดลงไป
แต่เหลือเก็บเต็มๆ ปีนึงก็ เก็บเงินได้ มากไม่เคยเท่านี้มาก่อน
ผลพลอยได้อีกอย่างคือ ความสุข ที่ได้อยู่
บ้านบรรยากาศดี ผมปลูกต้นไม้ไว้รอบบ้าน
ไม้ผล ปลูกผัก สมุนไพร ไว้บริโภคเอง เหลือก็แจก
ถ้าจะขายก็พอได้หลายตังค์
เช้ามาได้ยินเสียงนก เสียงกา
เสียงใบไผ่ หวิวๆ อากาศ สกชื่งอย่างแรง
ได้ออกกำลังกาย ได้ตากแดด ทำให้ร่างกายแข็งแรง
ไปไหนมาไหนก็สะดวก รถไม่ติด ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว ทั้งปริมณทลและกรุงเทพ
เดือนๆนึง ถ้าไม่รวมค่าเดินทาง ไปทำธุระในกรุงเทพ
รายจ่ายก็ไม่ถึง 10,000 ทั้งกินข้าว เครื่องดื่มเช้า เย็น กินขนมจุกจิกๆ
แต่ถ้าเฉพาะ ค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน เดือนนึงก็เกือบ 6,000 บาท
นี่แหละครับ คอนเซ็ป ความคิด คือ เมื่อเราเก็บเงินได้สักก้อน
ถ้าไม่อยากให้เงิน หมดไปอย่างรวดเร็ว เราต้องเลือกที่อยู่
ที่จะทำให้เราประหยัด ในหลายๆด้าน อาจจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นมา คือ ค่าเดินทาง
แต่เราก็ลดรายจ่ายด้านอื่นได้ โดยปริยาย เช่น ที่ผมอยู่
รายจ่ายที่ลดลงคือ ค่าเช่า ค่าไฟ ค่าอาหารบางมื้อ(ทำกินเอง เอาผักที่ปลูกมาทำกิน ปลอดสารพิษอีกต่างหาก) ค่ายารักษาพื้นฐาน (เพราะสุขภาพดี เลยไม่ต้องพึ่งยา อันนี้จริงๆเลยครับ)
ค่าเอนเตอร์เทน (อยู่บ้านก็มีความสุขดีแล้ว ไม่ต้องไปเที่ยว ผลาญเงินถึงจะมีความสุข นานๆไปทีอาทิตย์ละครั้งพอ)