ใกล้ถึงเวลาของ แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา ปีที่ 2 อีกล้านเครื่องแล้ว

กระทู้สนทนา
คิดอย่างไรกันบ้างครับ กับแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา ปีที่ 2 อีกกว่า 1.6 ล้านเครื่อง
ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง มีบทความน่าสนใจมาให้อ่านครับ

++++++++++++++++++++
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เปิดเทอม 2 นี้เด็กป.1 และ ม.1 ที่อยู่ในโรงเรียน 8 สังกัดตามที่รัฐบาลกำหนดก็จะได้รับแจกแทบเล็ตในโครงการ 1 แทบเล็ต 1 นักเรียนที่ดำเนินการต่อเนื่องเป็นเฟสที่ 2 อีกเป็นจำนวนรวม 1.6 ล้านเครื่อง (โครงการเฟสแรกแจก 1 ล้านเครื่อง)

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่ายินดีที่เด็กไทยบางส่วนจะได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อเปิดโลกกว้าง แต่ถ้ามาว่ากันถึง “ความคุ้มค่า” แทบเล็ตเครื่องละ 2 พันกว่าบาทให้อะไรกับเด็กไทย หรือประเทศชาติบ้าง? … ยังไม่มีกล้าฟันธงคำตอบ

นอกจากผลลัพธ์ที่ต้องพิจารณากันเองจากโครงการในเฟสแรกที่รัฐมนตรีไอซีที กระทรวงที่รับผิดชอบการจัดซื้อในครั้งนั้นแถลงมาลอยๆ ว่ามีเครื่องเสียเพียง 1% ต่ำกว่ามาตรฐานที่ 3% ค้านความรู้สึกของคนในสังคมจำนวนมากที่พบเห็นว่า แทบเล็ตจีนที่รัฐบาลได้มามันดูไม่ค่อยเวิร์คเหมือนที่ท่านว่า

ขณะที่ตัวแทนบริการหลังการขายในไทยก็ยอมรับว่าเครื่องที่ส่งเข้าศูนย์ส่วนใหญ่ 70% เกิดจากปัญหาซอฟต์แวร์ที่ต้องไปว่ากันที่ต้นทางผลิตโน่น

ส่วนผลต่อการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก ถ้าลองเปิดผลวิจัยหลายๆหน่วยงานดูจะพบว่า ส่วนใหญ่ไปในทิศทางเดียวกันคือ เด็กจะเรียนดีขึ้นหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอุปกรณ์ไฮเทคอะไรในมือ แต่มันอยู่ที่ว่าโรงเรียนมีวิธีการสอนอย่างไร หรือมีการวางแผนการเรียนการสอนให้กับเด็กดีเพียงใดต่างหาก

เหมือนที่ผลสรุปบางส่วนของ “ทีดีอาร์ไอ” ว่าไว้จากโครงการเฟสแรก


“ผลการศึกษาในต่างประเทศส่วนมากก็ไม่พบว่าการใช้คอมพิวเตอร์ หรือ software เพื่อการเรียนการสอนมีผลกระทบในทางบวกต่อคะแนนสอบของนักเรียนเช่นกัน หรือถ้ามีก็ไม่มาก หรือจะมีเพียงบาง software เท่านั้น

ประเด็นที่สำคัญคือหากการออกแบบสื่อการเรียนการสอนของไทยไม่ดีเพียงพอ หรือโรงเรียนและผู้ปกครองไม่สามารถควบคุมการใช้ให้ถูกวิธีได้ การดำเนิน โครงการนี้โดยไม่มีการวางแผนที่ดีจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเด็ก การใช้จ่ายงบประมาณในครั้ง นี้จะเป็นการสูญเปล่าอย่างน่าเสียดาย”


ถ้าเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลชุดนี้กว่าจะแจกกันเสร็จสิ้นโครงการจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 3.3 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลจากทีดีอาร์ไอ)
ยังไม่นับรวมงบสำหรับการขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และค่าอบรมครูผู้สอนที่โครงการที่แล้วใช้ไปกว่า 170 ล้านบาท

แต่ผมก็ยังงงๆเง็งๆ อยู่เล็กน้อยว่า โครงการในเฟส 2 จำนวน 1.6 ล้านเครื่อง วงเงินกว่า 4 พันล้านบาทซึ่งเป็นงบที่สูงกว่าเฟสแรกมาก ซึ่ง รมว.ศึกษาฯ หน่วยงานต้นสังกัดที่รับผิดชอบโครงการในเฟสนี้ชี้แจงไว้ว่า เหตุที่งบจัดซื้อแท็บเล็ตปี 2556 แพงกว่าปี 2555 เพราะมีสเปคสูงกว่า ตั้งแต่หน่วยความจำ ความเร็วและยังรวมค่าจัดส่ง ค่าฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เข้าไปด้วย

แต่กลับมีคำสั่งตัด “กูเกิล เพลย์” หรือคลังแอพพลิเคชั่นของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่มีแอพพลิเคชั่นเหมาะสำหรับการศึกษาจำนวนมากออก ด้วยเหตุผลว่า “อยากจะประหยัดงบ” เพราะมีค่าไลเซ่นเพิ่มเครื่องละ 2 ดอลลาร์ ถ้ามีกูเกิล เพลย์ และช่วยปิดทางที่เด็กจะใช้เครื่องไปโหลดเกมมาเล่นแทน

ผมมองว่า บางทีมีฮาร์ดแวร์ดี แต่ซอฟต์แวร์ห่วย หรือไม่มีโปรแกรมดีๆ ให้เด็กได้ใช้ แทบเล็ตสเปคเทพก็ช่วยอะไรไม่ได้ครับ เพราะหวังจะพึ่งซอฟต์แวร์เพื่อการศึกษาที่ท่านๆหมายมั่นปั้นมือผลิตขึ้นมาเองเพียงอย่างเดียว มันอาจจะไม่ตอบโจทย์ที่ท่านตั้งไว้แต่แรกว่า อยากแจกแทบเล็ตให้เด็กเพื่อให้ใช้เปิดโลกการเรียนรู้และหวังจะใช้เป็นเครื่องมือยกระดับการศึกษาให้ทัดเทียมโลก

หากสิ่งสำคัญกว่าเครื่องมือเหล่านี้คือ ระบบการเรียนการสอนและแผนการสอนที่ดีต่างหากครับ ต่อให้ไม่มีเครื่องมือขั้นเทพอะไร เด็กๆก็มีโอกาสที่จะเรียนรู้ได้ดีถ้าเด็กได้รับการชี้แนะ หรือเติบโตในสภาพที่มีครอบครัว หรือครูคอยแนะให้เด็กได้คิด และพัฒนาชีวิตของตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องมือไฮเทค

เห็นต่างอย่างไร วิพากษ์วิจารณ์กันได้ครับ เผื่อเสียงจะดังไปถึงใครบ้างแล้วเราจะได้ไม่ต้องสูญเสียเงินงบประมาณจำนวนมากๆ ทำอะไรที่ไม่ตอบโจทย์สังคมกันบ่อยๆ …. สงสารคนจ่ายภาษีครับ


+++++++++
ที่มานะครับ
http://www.itspacebar.com/2013/07/otpc/

ถ้าสนใจมีเรื่องอื่นๆ ให้ติดตามอ่านกันอีกครับ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่