ริท เรืองฤทธิ์....the idol จากฝัน สู่แรงบันดาลใจ

3 ปีก่อน โลกไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ แต่ตอนนี้ "นักศึกษาแพทย์ร่างเล็กที่มีรอยยิ้มเป็นอาวุธ" นอกจากสานฝันให้ตัวเองและครอบครัว
เค้าคือแรงบันดาลใจของใครอีกหลายคน

ความรับผิดชอบต่อความฝัน....เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับเค้า และวันนี้ได้สามารถสะท้อนความรับผิดชอบ
ต่อบทบาทนักศึกษาแพทย์และนักร้องขวัญใจคนไทย ได้อย่างที่ตั้งใจ

"วงการบันเทิงเปลี่ยนชีวิตริทไปมาก จากเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่โนเนม ตอนนี้กลายมาเป็นคนของประชาชนที่ใครๆ ก็คอยจับตามอง พอเป็นที่รู้จักของคนมากขึ้น กลับกลายเป็นว่าเรามีส่วนช่วยให้คนที่เขาใฝ่ฝันอยากเป็นหมอมีแรงบันดาลใจลุกขึ้นมาทำมัน"

เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช...ดาวที่กำลังกะพริบขยิบตาในคาแรกเตอร์เฟรนด์ลี่และขี้เล่นคนนี้ ขอบอกว่าโปรไฟล์ไม่ใช่เล่นๆ เลยทีเดียว

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



เป็นดารานอกจากจะร้องเพลงและแสดงแล้ว ยังต้องเป็นแบบอย่างที่ดีกับเยาวชนด้วย เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า มีเด็ก หรือเยาวชนวัยรุ่นหลายต่อหลายคน ได้ยึดเอาไลฟ์สไต์การใช้ชีวิตของดาราศิลปินที่ชื่นชอบ มาเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว การพูดจา หรือแม้กระทั่งการศึกษา

อมยิ้ม26ริท คือ 1 ใน 9 ดาราที่เด็กยึดเป็นแบบอย่าง (cr.http://www.dek-d.com/content/admissions/30808 )

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



หนุ่มหล่อแห่งภาคอีสานนอกจากจะร้องเพลงเก่งจนได้รองแชมป์จากเวที The Star แล้ว หนุ่มริท ยังเรียนเก่งระดับขั้นเทพจนสอบตรงติดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นอีกด้วย จุดพีคในการเป็น Idol ของน้องๆ เว็บเด็กดี เกิดขึ้นตอนที่ริทได้ให้สัมภาษณ์พูดให้กำลังใจเด็ก ม.6 ในการสอบ GAT PAT เท่านั้นแหละ!! เด็กไทยยกใจให้เลย รางวัลไอดอลเด็กไทยด้านการเรียนจึงตกเป็นของใครไม่ได้ นอกจาก "นายริท The Star" คนนี้นั้นเอง





หลังจากเป็นที่รู้จักในวงการ ชีวิตง่ายหรือยากขึ้น

"ยากขึ้นครับ เมื่อก่อนเราทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่ตอนนี้มันยากขึ้น ทุกอย่างถูกจับตาหมด อย่างแรกอาจเป็นเพราะถูกยกให้เป็นแบบอย่างของเด็กๆ จะทำอะไรเลยต้องระมัดระวังมากขึ้น พูดจาต้องสุภาพ สำคัญกว่านั้นคือต้องคิดก่อนพูด ในส่วนของการเรียนก็ต้องประคองเกรดไม่ให้แย่ลง ริทพยายามจะพิสูจน์ว่าในขณะที่เราเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยนั้นมันไม่ได้ฉุดให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งแย่ลงเลยนะ อยากเป็นกำลังใจให้คนอื่นๆ ที่เรียนอย่างเดียวว่าพวกเขาก็สามารถมุ่งมั่นที่จะเรียนให้ดีได้เหมือนกัน เคยมีพ่อแม่คู่หนึ่งพาลูกสาวมาหาริท บอกว่าเมื่อก่อนน้องไม่เรียนหนังสือเลย จนกระทั่งมาเห็นริทในรายการแล้วอยากเป็นให้ได้เหมือนริท อยากร้องเพลง อยากเรียนเก่ง ตอนนี้น้องเขาตั้งใจเรียนขึ้นมาก พอฟังแล้วก็ดีใจที่เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้"

หนึ่งปีที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ไหวมั้ย

"ไหวไหม ไหว แต่ถามว่าเหนื่อยไหม ก็เหนื่อย เพราะว่ามันเรียนหนักมากไงครับ แต่เราก็ไม่มีทางเลือกไง เราเลือกจะเรียนหมอแต่มันไม่มีหมอเบาๆ เราก็เลยจะต้องหนัก"

ขณะที่ต้องทำสองอย่างไปพร้อมกันเครียดมั้ย

"จริงๆ มันก็ควรจะเครียดนะครับ (หัวเราะ) คือริทพยายามคิดว่าได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าทำพอผ่าน ต้องทำให้ดีที่สุดนั่นแหละ เพียงแต่ว่าเราไม่เคยกดดันตัวเอง ไม่งั้นคนเขาจะว่าเราได้ว่าหลงแสงสีจนไม่สนใจเรื่องเรียน อนาคตข้างหน้าคนไข้เขาจะคิดยังไงถ้าคุณได้เกรดเท่านี้ เขาคงลังเลว่าจะรักษากับเราดีมั้ยนะ"

เกรดที่ได้ประมาณเท่าไหร่

"ส่วนใหญ่มาตรฐานอยู่ที่ B+ ครับ  ก็คือเป็นขั้นที่พอใจเลย แต่ก็มีบางอันดีหน่อยก็ได้ A บ้างหรือว่าบางอันตกลงมาหน่อยก็มี B บ้าง ตอนนี้ได้เกรดเฉลี่ยนถ้าเกิดเป็นปีนี้ ตอนนี้อยู่ที่ 3.5 ครับ"

คุณพ่อไม่ว่าใช่มั้ย ที่เราเรียนไปด้วย รับงานไปด้วย

"โอเคๆ เพราะว่าริทก็ไม่ได้ทำงาน จนทิ้งการเรียนไงครับ แล้วผลการเรียนก็ออกมาดี เค้าก็แฮปปี้กับการเรียนของริท"

สำหรับริทเรียนกับทำงาน อะไรมาก่อน

"เราเป็นเด็กก็ต้องเรียนอยู่แล้ว ถูกมั้ยครับ เรียนจบเมื่อไหร่ค่อยกลับมาทำงานจริงๆ จังๆ ก็ยังทัน  ก่อนอื่นต้องชัดเจนกับตัวเองว่าเราจะยึดอะไรเป็นหลัก ริทตั้งใจไว้แล้วว่าจะโฟกัสเรื่องเรียน ฉะนั้น จันทร์ถึงศุกร์ก็ต้องเรียนให้เต็มที่ ช่วงใกล้สอบจะไม่รับงานมาเบียดเลย"

คิดถึงอนาคตไว้บ้างหรือยัง ว่าอาจจะต้องเลือกซักทาง

"จริงๆ จบ 6 ปีก็คงต้องเลือกซักทางนึง แต่ตัวริท ที่ตั้งใจไว้แล้ว ที่หวังว่าจะเป็นไปได้ก็คือ อยากจบมาเป็นหมอ แล้วอีกทางนึงก็คืออยากทำงานในวงการด้วย คือในวงการริทก็เห็นว่ามีคนที่ทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกันได้ อย่างหมอโอ๊ค หมอก้องอะไรอย่างนี้ ที่เค้าก็ทำงานในวงการได้วยแล้วก็เป็นหมอไปด้วย แล้วเค้าก็สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับด้านการแพทย์ แล้วก็ทางวงการบันเทิงอีก อยากทำให้ได้แบบพี่เค้า แต่ก็ต้องลองดูอีกทีนึง เพราะไม่รู้ว่าเรียนเครียดอย่างนี้ วันนึงก็อาจจะหน้าเหี่ยวหมด หัวล้านก็ได้ ก็ไม่กล้าการันตี (หัวเราะ)"

ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฝัน แต่การรับผิดชอบต่อความฝันของตนเองนั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า

แม้การทำให้เส้นขนานมาบรรจบกันจะเป็นเรื่องยาก แต่วันนี้ว่าที่คุณหมอริทได้พิสูจน์ให้สาธารณะได้เห็นแล้วว่า

"ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้หากเราตั้งใจ"

“คนเราไม่ก็ต้องเก่งมาตั้งแต่เกิด แต่เราก็ต้องขยัน ต้องตั้งใจกับสิ่งที่เราทำ อย่างตอนนี้เรียนหนักมาก ทำงานหนักมาก แต่เพราะเป็นสิ่งที่รัก แล้วเป็นความสุขของเรา เลยไม่รู้สึกเหนื่อย ทุกอย่างถ้าตั้งใจอดทน เราจะผ่านไปได้ ส่วนใครที่เห็นผมเป็นไอดอล ก็อยากให้เอาเป็นแบบอย่างในเรื่องของความอดทนนะครับ ผมมองว่าคนเราอยากจะทำอะไร ขอเพียงเราตั้งใจ ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”  

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่