สวัสดีชาว BP ทุกท่านค่ะ
เป็นครั้งแรกที่เข้ามารีวิวทริปท่องเที่ยวซึ่งมักจะไร้การวางแผนของเรา(และเพื่อนๆ)
สาเหตุที่อยากจะรีวิวก็เนื่องมาจากว่าประทับใจความน่ารักของเจ้าถิ่นของทริปนี้มาก
ซึ่งเจ้าถิ่นที่ว่านี่ก็คือ "ชาวกัมพูชา" หรือถ้าจะให้ลงรายละเอียดไปหน่อย ก็คงต้องเรียกว่า "ชาวเสียมเรียบ"
เราเป็นคนนึงที่เคยคิดว่าชาวกัมพูชาน่ากลัว ด้วยเคยได้ยินเรื่องความน่ากลัวของการทำคุณไสยหรือเล่นของมาบ้าง
อาจจะมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง แต่มันก็ทำให้กลัวได้ไม่น้อย
แต่การไปเที่ยวครั้งนี้ ทำให้เราทิ้งความคิดเดิมๆ และมองชาวกัมพูชา(เสียมเรียบ)ในมุมมองใหม่เลยทีเดียว
โดยรวมคนเสียมเรียบมีใจบริการหรือที่พูดกันติดปากกันว่า Service Mind มากพอสมควร
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ชาวต่างชาติทั้งตะวันตกตะวันออกเดินกันให้ควักไขว่
ในฐานะเจ้าถิ่นและเจ้าของกิจการต่างๆ คงต้องยิ้มแย้มเพื่อสนับสนุนธุรกิจของตน
แต่สิ่งที่ทำให้เราประทับใจก็คือเรารู้สึกได้ว่ารอยยิ้มนั้นมันมาจากใจ
อาชีพแรกเลยคือคนขับแท็กซี่
ช่วงระยะเวลาไปกลับ 4 ชั่วโมงจากปอยเปต-เสียมเรียบ และ เสียมเรียบ-ปอยเปต
พวกเราได้แลกเปลี่ยนทัศนคติกันมากมาย ทั้งเรื่องการเมืองและชีวิตความเป็นอยู่
แต่ประโยคหนึ่งของคนขับแท็กซี่ที่ทำให้ประทับใจมากเลยก็คือ
"ผมเคยอยู่เมืองไทย คนไทยเคยช่วยเหลือผม เพราะฉะนั้นผมไม่เคยคิดจะโกงคนไทย"
ฟังดูเป็นคำพูดที่สวยหรู แต่เราก็เชื่อว่าพี่แกคิดแบบนั้นจริงๆ
ตอนขาไปแกบอกต้องคิดแพง เพราะต้องจ่ายค่านายหน้า แต่ขากลับราคาลดลงเกือบครึ่งเพราะคนขับบอกว่า
"ผมกับพี่(หมายถึงพวกเรา)รู้จักกันแล้ว แถมค่ากลับไม่ต้องเสียค่านายหน้า"
อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องบอกเราก็ได้ เก็บแพงทั้งไปทั้งกลับ เราเองก็คงไม่รู้ เพราะฉะนั้นประทับใจมากจริงๆ
ด้วยความเป็นคนตรงไปตรงมา คุยกันถูกคอ ทั้งขาไปขากลับเราเลยได้ความรู้เรื่องกัมพูชาหลายอย่าง
ใครอยากแลกเปลี่ยนทัศนคติ ลองไปนั่งรถพี่แกเลย แนะนำให้ได้ (เพราะขอนามบัตรมาด้วย)
อาชีพที่สอง พนักงานต้อนรับของโรงแรม
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาชีพนี้ต้องยิ้มแย้ม ลูกค้าอยากได้อะไรต้องหาให้ ถามอะไรต้องตอบ
แต่นอกจากตอบให้แล้ว พี่สาวคนนี้ยังยิ้ม... แบบที่คนมองรู้สึกว่ามาจากใจจริง
แถมยังช่วยต่อราคารถสามล้อให้อีกต่างหาก แบบนี้จะไม่ให้ประทับใจได้อย่างไร
ถัดมาคืออาชีพพนักงานร้านอาหาร
เนื่องจากเราเดินเข้าไปในร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่มีการแสดง Apsara Dance โดยทั่วไปต้องจองก่อน
แต่เรายังไม่ได้จอง เพิ่งไปตัดสินใจเอาที่นั่น
น้องพนักงานคนหนึ่งพาเดินไปยังโต๊ะด้านข้างซึ่งมองเวทีไม่ชัด โดยบอกว่าโต๊ะนี้ยังว่าง
แต่เพื่อนเราอยากนั่งตรงกลางมากกว่า จึงชี้ไปยังโต๊ะตัวหนึ่ง น้องพนักงานหันมองตามแล้วบอกโอเค นั่งได้
เราก็หย่อนกายนั่งกันทันที เพราะท้องร้องประท้วงว่าหิว แต่เก้าอี้ยังไม่ทันอุ่น พนักงานอีกคนก็เดินมากระซิบกระซาบพนักงานคนเดิม
น้องพนักงานคนที่พาเรามากนั่งจึงหันมาบอกว่า โต๊ะนี้ถูกจองไปแล้วขอโทษจริงๆ
แล้วน้องพนักงานยังเอ่ยคำว่า "I'm sorry" แล้วก้มหัวให้อีกหลายต่อหลายครั้งพร้อมรอยยิ้มรู้สึกผิด
พวกเราเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะอีกโต๊ะก็เห็นเวทีได้ชัดเหมือนกัน
แต่มันคือความประทับใจนึงที่เกิดขึ้นในความรู้สึกของคนที่เคยกลัวคนกัมพูชามาก่อน
ต่อด้วยอาชีพคนเฝ้าโบสถ์
อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นอาชีพหรือไม่ อาจจะเป็นแค่คนที่มานั่งเล่นอยู่ในวัดก็เป็นได้
แต่สิ่งที่เราประทับใจคือ พอเขาเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ มากันเองแบบงงๆ เดินเข้าวัดนู้นวัดนี้เรื่อยเปื่อย
พี่แกเลยยิ้มแล้วแนะนำว่า พระประธานอยู่ด้านในโบสถ์ เข้าไปได้เลย
กราบไหว้กันเสร็จ เดินออกมาด้านหน้า เขายังชวนคุยอีกว่ามาจากที่ไหน พอบอกไทยแลนด์เท่านั้นแหละ
พี่แกเปลี่ยนจากภาษาอังกฤษมาพูดภาษาไทยเลยทีเดียว
อาชีพที่สี่ คนขายน้ำ
เดินชมนครวัด อากาศร้อน เหงื่อโทรมกาย เราเลยเดินหาซื้อน้ำ
บอกเจ้าของร้านว่า ขอน้ำสองขวด เขายิ้ม(กว้าง) ยื่นน้ำให้พร้อมถามว่ามาจากที่ไหน
เราตอบไปว่า มาจากเมืองไทยพร้อมยิ้มตอบให้หนึ่งที เจ้าของร้านเลยบอกว่า "Oh! I love Thailand, I love Thai people"
ฟังแล้วยิ้มตอบแบบไม่รู้ตัวเลยเชียว
สุดท้ายไม่ใช่อาชีพ แต่เป็นเด็กน้อยคนนึงทีเดินสวนกันข้างถนน
พอเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยว น้องหนูก็โบกมือให้แถมเซย์ฮัลโหลเป็นภาษาอังกฤษให้อย่างน่ารัก
จากเหตุการณ์ที่เจอมาทั้งหมด จึงอยากมาแบ่งปันสำหรับคนที่อยากไป แต่กลัวหลายๆเรื่อง
บอกเลยว่าคนกัมพูชา(เสียมเรียบ)น่ารักกว่าที่คิดมาก ถ้าไปทางรถ ถนนจากด่านคลองลึกลาดยาง ไม่ลำบากเลย
ที่ตัวเมืองเสียมเรียบก็ค่อนข้างสะอาด คนของเขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี
แม้กระทั่งพ่อค้าแม่ค้าข้างทางก็พูดได้สื่อสารได้ดี (อาจจะดีกว่าเราด้วยซ้ำ - -) ไม่ต้องกลัวว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
อีกอย่างคนที่นี่ไม่ Hard Sell มากเกินไป (อ้อ ขอยกเว้นร้านแถวหน้านครธม อันนี้ Hard Sell พอสมควรค่ะ)
อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่คนที่นี่ทำให้เราประทับใจจนเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อคนกัมพูชาได้เลยทีเดียว
ถ้าโอกาสก็จะกลับไปเที่ยวอีกแน่นอนค่ะ
[CR] รีวิว(ครั้งแรก)เล็กๆ เสน่ห์กัมพูชา งามสง่านครวัด และความน่ารักที่ไม่เคยรู้จัก
เป็นครั้งแรกที่เข้ามารีวิวทริปท่องเที่ยวซึ่งมักจะไร้การวางแผนของเรา(และเพื่อนๆ)
สาเหตุที่อยากจะรีวิวก็เนื่องมาจากว่าประทับใจความน่ารักของเจ้าถิ่นของทริปนี้มาก
ซึ่งเจ้าถิ่นที่ว่านี่ก็คือ "ชาวกัมพูชา" หรือถ้าจะให้ลงรายละเอียดไปหน่อย ก็คงต้องเรียกว่า "ชาวเสียมเรียบ"
เราเป็นคนนึงที่เคยคิดว่าชาวกัมพูชาน่ากลัว ด้วยเคยได้ยินเรื่องความน่ากลัวของการทำคุณไสยหรือเล่นของมาบ้าง
อาจจะมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริง แต่มันก็ทำให้กลัวได้ไม่น้อย
แต่การไปเที่ยวครั้งนี้ ทำให้เราทิ้งความคิดเดิมๆ และมองชาวกัมพูชา(เสียมเรียบ)ในมุมมองใหม่เลยทีเดียว
โดยรวมคนเสียมเรียบมีใจบริการหรือที่พูดกันติดปากกันว่า Service Mind มากพอสมควร
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ชาวต่างชาติทั้งตะวันตกตะวันออกเดินกันให้ควักไขว่
ในฐานะเจ้าถิ่นและเจ้าของกิจการต่างๆ คงต้องยิ้มแย้มเพื่อสนับสนุนธุรกิจของตน
แต่สิ่งที่ทำให้เราประทับใจก็คือเรารู้สึกได้ว่ารอยยิ้มนั้นมันมาจากใจ
อาชีพแรกเลยคือคนขับแท็กซี่
ช่วงระยะเวลาไปกลับ 4 ชั่วโมงจากปอยเปต-เสียมเรียบ และ เสียมเรียบ-ปอยเปต
พวกเราได้แลกเปลี่ยนทัศนคติกันมากมาย ทั้งเรื่องการเมืองและชีวิตความเป็นอยู่
แต่ประโยคหนึ่งของคนขับแท็กซี่ที่ทำให้ประทับใจมากเลยก็คือ
"ผมเคยอยู่เมืองไทย คนไทยเคยช่วยเหลือผม เพราะฉะนั้นผมไม่เคยคิดจะโกงคนไทย"
ฟังดูเป็นคำพูดที่สวยหรู แต่เราก็เชื่อว่าพี่แกคิดแบบนั้นจริงๆ
ตอนขาไปแกบอกต้องคิดแพง เพราะต้องจ่ายค่านายหน้า แต่ขากลับราคาลดลงเกือบครึ่งเพราะคนขับบอกว่า
"ผมกับพี่(หมายถึงพวกเรา)รู้จักกันแล้ว แถมค่ากลับไม่ต้องเสียค่านายหน้า"
อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องบอกเราก็ได้ เก็บแพงทั้งไปทั้งกลับ เราเองก็คงไม่รู้ เพราะฉะนั้นประทับใจมากจริงๆ
ด้วยความเป็นคนตรงไปตรงมา คุยกันถูกคอ ทั้งขาไปขากลับเราเลยได้ความรู้เรื่องกัมพูชาหลายอย่าง
ใครอยากแลกเปลี่ยนทัศนคติ ลองไปนั่งรถพี่แกเลย แนะนำให้ได้ (เพราะขอนามบัตรมาด้วย)
อาชีพที่สอง พนักงานต้อนรับของโรงแรม
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาชีพนี้ต้องยิ้มแย้ม ลูกค้าอยากได้อะไรต้องหาให้ ถามอะไรต้องตอบ
แต่นอกจากตอบให้แล้ว พี่สาวคนนี้ยังยิ้ม... แบบที่คนมองรู้สึกว่ามาจากใจจริง
แถมยังช่วยต่อราคารถสามล้อให้อีกต่างหาก แบบนี้จะไม่ให้ประทับใจได้อย่างไร
ถัดมาคืออาชีพพนักงานร้านอาหาร
เนื่องจากเราเดินเข้าไปในร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ที่มีการแสดง Apsara Dance โดยทั่วไปต้องจองก่อน
แต่เรายังไม่ได้จอง เพิ่งไปตัดสินใจเอาที่นั่น
น้องพนักงานคนหนึ่งพาเดินไปยังโต๊ะด้านข้างซึ่งมองเวทีไม่ชัด โดยบอกว่าโต๊ะนี้ยังว่าง
แต่เพื่อนเราอยากนั่งตรงกลางมากกว่า จึงชี้ไปยังโต๊ะตัวหนึ่ง น้องพนักงานหันมองตามแล้วบอกโอเค นั่งได้
เราก็หย่อนกายนั่งกันทันที เพราะท้องร้องประท้วงว่าหิว แต่เก้าอี้ยังไม่ทันอุ่น พนักงานอีกคนก็เดินมากระซิบกระซาบพนักงานคนเดิม
น้องพนักงานคนที่พาเรามากนั่งจึงหันมาบอกว่า โต๊ะนี้ถูกจองไปแล้วขอโทษจริงๆ
แล้วน้องพนักงานยังเอ่ยคำว่า "I'm sorry" แล้วก้มหัวให้อีกหลายต่อหลายครั้งพร้อมรอยยิ้มรู้สึกผิด
พวกเราเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะอีกโต๊ะก็เห็นเวทีได้ชัดเหมือนกัน
แต่มันคือความประทับใจนึงที่เกิดขึ้นในความรู้สึกของคนที่เคยกลัวคนกัมพูชามาก่อน
ต่อด้วยอาชีพคนเฝ้าโบสถ์
อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นอาชีพหรือไม่ อาจจะเป็นแค่คนที่มานั่งเล่นอยู่ในวัดก็เป็นได้
แต่สิ่งที่เราประทับใจคือ พอเขาเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ มากันเองแบบงงๆ เดินเข้าวัดนู้นวัดนี้เรื่อยเปื่อย
พี่แกเลยยิ้มแล้วแนะนำว่า พระประธานอยู่ด้านในโบสถ์ เข้าไปได้เลย
กราบไหว้กันเสร็จ เดินออกมาด้านหน้า เขายังชวนคุยอีกว่ามาจากที่ไหน พอบอกไทยแลนด์เท่านั้นแหละ
พี่แกเปลี่ยนจากภาษาอังกฤษมาพูดภาษาไทยเลยทีเดียว
อาชีพที่สี่ คนขายน้ำ
เดินชมนครวัด อากาศร้อน เหงื่อโทรมกาย เราเลยเดินหาซื้อน้ำ
บอกเจ้าของร้านว่า ขอน้ำสองขวด เขายิ้ม(กว้าง) ยื่นน้ำให้พร้อมถามว่ามาจากที่ไหน
เราตอบไปว่า มาจากเมืองไทยพร้อมยิ้มตอบให้หนึ่งที เจ้าของร้านเลยบอกว่า "Oh! I love Thailand, I love Thai people"
ฟังแล้วยิ้มตอบแบบไม่รู้ตัวเลยเชียว
สุดท้ายไม่ใช่อาชีพ แต่เป็นเด็กน้อยคนนึงทีเดินสวนกันข้างถนน
พอเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยว น้องหนูก็โบกมือให้แถมเซย์ฮัลโหลเป็นภาษาอังกฤษให้อย่างน่ารัก
จากเหตุการณ์ที่เจอมาทั้งหมด จึงอยากมาแบ่งปันสำหรับคนที่อยากไป แต่กลัวหลายๆเรื่อง
บอกเลยว่าคนกัมพูชา(เสียมเรียบ)น่ารักกว่าที่คิดมาก ถ้าไปทางรถ ถนนจากด่านคลองลึกลาดยาง ไม่ลำบากเลย
ที่ตัวเมืองเสียมเรียบก็ค่อนข้างสะอาด คนของเขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี
แม้กระทั่งพ่อค้าแม่ค้าข้างทางก็พูดได้สื่อสารได้ดี (อาจจะดีกว่าเราด้วยซ้ำ - -) ไม่ต้องกลัวว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
อีกอย่างคนที่นี่ไม่ Hard Sell มากเกินไป (อ้อ ขอยกเว้นร้านแถวหน้านครธม อันนี้ Hard Sell พอสมควรค่ะ)
อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่คนที่นี่ทำให้เราประทับใจจนเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อคนกัมพูชาได้เลยทีเดียว
ถ้าโอกาสก็จะกลับไปเที่ยวอีกแน่นอนค่ะ