เกร็ดสามก๊ก ๘ ก.ค.๕๖

กระทู้สนทนา
เกร็ดสามก๊ก

คมเฉือนคม

“เล่าเซี่ยงชุน”

ในนิยายอิงพงศาวดารจีนเรื่องสามก๊ก ที่ท่านยกย่องให้ เล่าปี่ เป็นพระเอกผู้ตกยาก แล้วก่อร่างสร้างตัวจนเป็นก๊กใหญ่ในภาคตะวันตกนั้น มีพฤติกรรมที่เสี่ยงตายอยู่หลายหน แต่ที่เอาตัวรอดมาได้ เพราะมีลูกน้องที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีอย่าง กวนอู เตียวหุย จูล่ง และขงเบ้ง คอยช่วยเหลือในยามคับขันหลายครั้งหลายคราว

เมื่อครั้งที่ถูกโจโฉตีแตกที่เมืองแห้ฝือ เตียวหุยต้องหลบไปอยู่บนภูเขา กวนอูต้องยอมสามิภักดิ์อยู่กับโจโฉ เพื่อพิทักษ์รักษาครอบครัวของเล่าปี่ และตัวเล่าปี่เองก็ต้องไปอาศัยอยู่กับอ้วนเสี้ยว เมื่ออ้วนเสี้ยวยกกองทัพไปรบกับโจโฉ กวนอูก็อาสาโจโฉออกรบและสังหาร งันเหลียง กับ บุนทิว ทหารเอกของอ้วนเสี้ยวตายไปสองคน อ้วนเลี้ยงก็จะเอาเล่าปี่ไปประหารเป็นการแก้แค้น เล่าปี่ก็ว่ากวนอูไม่รู้ว่าตนมาอยู่กับอ้วนเสี้ยว ถ้ารู้แล้วก็จะไปชวนให้มาอยู่ด้วย เพราะกวนอูมีฝีมือเหนือกว่าทหารเอกทั้งสองที่ตายไป

แต่พอกวนอูรู้ว่าเล่าปี่อยู่กับอ้วนเสี้ยว ก็หนีโจโฉพาสองภรรยาของเล่าปี่ ไปหาเล่าปี่ โดยฆ่านายด่านของโจโฉตายไปห้าหกคน แล้วไปสมทบกับเล่าปี่ เตียวหุย ที่เมืองลำหยง

ต่อมาเมื่อครั้งที่โจโฉยกทัพใหญ่ไล่ล่า ต้องหอบลูกเมียหนีปะปนไปกับชาวเมืองอ้วนเซีย จนต้องพลัดพรากกับครอบครัวที่ทุ่งเตียงปันโป๋ เมืองตงหยง ก็ได้จูล่งฝ่าทัพนับหมื่นของโจโฉ พาอาเต๊าบุตรชายกลับมาให้ และมีเตียวหุยคุมสะพานระวังหลังไม่ให้ข้าศึกข้ามมาได้

ต่อมาเมื่อให้ขงเบ้งไปเจรจา ชักชวนซุนกวนกับจิวยี่มาเป็นพวก ร่วมรบกับโจโฉได้ แต่จิวยี่คิดไม่ซื่อเชิญเล่าปี่ไปปรึกษาการสงคราม แล้วจะล้อมฆ่าเสีย เล่าปี่อยากจะพบขงเบ้ง จึงยินดีไปตามคำเชิญ ก็ได้กวนอูตามไปพิทักษ์รักษาอย่างใกล้ชิด แม้ในเวลากินเลี้ยงอยู่ จิวยี่เห็นกวนอูถือกระบี่ยืนอยู่ข้างหลังเล่าปี่ จึงถามว่า ทหารคนนี้ชื่อใด เล่าก็บอกว่า

“.กวนอูเป็นน้องของข้าพเจ้า”

จิวยี่จึงถามว่า

“คนนี้หรือซึ่งไปอยู่ด้วยโจโฉ ได้อาสาฆ่างันเหลียง บุนทิว ทหารอ้วนเสี้ยวเสีย”

เล่าปี่ก็รับคำว่าคนนี้แหละ จิวยี่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจเหงื่อไหลซิ่ก ๆ ออกมาทั้งกาย จึงรินสุรายื่นให้กวนอูกิน พอดีโลซกเข้ามา เล่าปี่จึงถามว่าขงเบ้งอยู่แห่งใด ท่านจงช่วยบอกมาให้พบเราจะได้สนทนากัน

จิวยี่ได้ฟังดังนั้นก็ว่า จะสิ้นวันไปแล้วหรือ เมื่อสำเร็จการสงครามแล้วจึงค่อยพบกันเถิด กวนอูก็ชายตาให้แก่เล่าปี่ พอเล่าปี่แลไปสบตากวนอูก็รู้ทีกัน จึงลุกขึ้นคำนับจิวยี่แล้วว่า

“ข้าพเจ้าจะลาท่านไปก่อน แม้สำเร็จการสงครามเมื่อใด จึงจะมาสนทนาด้วยท่าน”

แล้วก็พากวนอูกับทหารติดตามไม่ถึงยี่สิบคน ออกมาจากค่ายจิวยี่ จนมาถึงเรือน้อยที่พักอาศัยของขงเบ้ง ซึ่งจอดอยู่ริมแม่น้ำ ขงเบ้งก็ว่า

“ซึ่งท่านมาหาจิวยี่วันนี้ หากได้กวนอูมาด้วย จิวยี่จึงคิดเกรงอยู่ หาไม่ท่านจะถึงแก่ความตาย”

หลังจากเสร็จศึกใหญ่ที่กองทัพขอโจโฉ แตกพ่ายยับเยินไปแล้ว เล่าปี่ไปยึดเมืองเกงจิ๋วอยู่ซุนกวนให้โลซกไปทวงคืน เล่าปี่ก็ไม่คืน จิวยีจึงออกอุบายใหม่ ให้ซุนกวนเชิญเล่าปี่ มาแต่งงานกับนาง ซุนหยินน้องสาวต่างมารดา แล้วจะล้อมจับตัวไว้แลกกับเมืองเกงจิ๋ว

ขงเบ้งก็รู้ทันและออกอุบายให้ นางงอก๊กไถ้มารดาจัดให้เล่าปี่ได้แต่งงานจริง ขณะที่กินเลี้ยงกันอยู่ที่วัดกำลอ เมืองลำซีนั้น จูล่งก็ยืนถือกระบี่เป็นองครักษ์พิทักษ์เล่าปี่อยู่เบื้องหลัง นางงอก๊กไถ้จึงถามว่า ทหารคนนี้ชื่อใด เล่าปี่ก็บอกว่า

“ชื่อจูล่ง เป็นแซ่เตียว ชาวเมืองเซียงสัน”

นางงอก๊กไถ้จึงถามต่อว่า

“ เมื่อโจโฉยกทหารร้อยหมื่นมารบท่าน ณ เมืองตงหยง ล้อมครอบครัวท่านไว้นั้น จูล่งคนนี้หรือ รบชิงเอาบุตรภรรยาของท่าน ออกจากที่ล้อมได้”

เล่าปี่ก็ตอบว่าคนนี้แหละ นางงอก๊กไถ้ก็สรรเสริญจูล่งว่า รูปร่างจริตกิริยาสมควรเป็นนายทหารเอก แล้วก็ให้คนใช้รินสุราให้จูล่งกิน เมื่อรู้ว่าซุนกวนจะให้ทหารล้อมจับเล่าปี่ นางก็ช่วยป้องกันและสั่งให้เอาตัวผู้ควบคุมทหารไปประหาร แต่เล่าปี่ขอร้องให้ยกโทษเสียเพราะเป็นงานมงคล

เมื่องานเลี้ยงเลิกราไปแล้ว เล่าปี่กับซุนกวน ก็เดินออกมาทางหน้าวัด เล่าปี่เห็นศิลาสองก้อนใหญ่ วัดโดยรอบได้อ้อมหนึ่ง จึงชักกระบี่ออกไหว้พระแล้วอธิษฐานว่า แม้ข้าพเจ้าจะได้กลับไปเมืองเกงจิ๋วบำรุงราษฎร ขอให้ข้าพเจ้าฟันศิลานี้ขาดออกเป็นสองท่อน ถ้าข้าพเจ้าจะตายอยู่ในเมืองลำซีมิได้กลับไป ขออย่าให้ศิลานี้แตกช้ำร้าวเลย แล้วเล่าปี่ก็ฟันลงก้อนศิลาขาดออกเป็นสองท่อน

ซุนกวนเดินตามหลังมาเห็นดังนั้นจึงถามว่า

“ ท่านโกรธศิลาก้อนนี้ด้วยเหตุสิ่งใด “

เล่าปี่จึงว่า

“ เล่าปี่จึงว่า ตัวข้าพเจ้าอายุถึงห้าสิบปีแล้ว ยังมิได้ทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ ช่วยกำจัดศัตรูราชสมบัติเสีย บัดนี้เป็นบุญของข้าพเจ้า นางงอก๊กไถ้มีใจกรุณายกบุตรหญิงให้ ก็มีความยินดีนัก ข้าพเจ้าจึงอธิษฐานว่า ถ้าข้าพเจ้ากับท่านเป็นเกี่ยวดองกันแล้ว จะได้ช่วยกันกำจัดโจโฉ บำรุงให้ราษฎรเป็นสุขสืบไป ขอให้ฟันศิลาขาดสองท่อนเถิด ข้าพเจ้าจึงฟันก้อนศิลานี้ “

ซุนกวนได้ฟังจึงคิดว่า เล่าปี่เจรจานี้เห็นหาจริงไม่ แกล้งเอาแต่ความดีมาลวงตน ซุนกวนจึงชักกระบี่ออกอธิษฐานในใจว่า แม้ข้าพเจ้าจะเอาเมืองเกงจิ๋วคืนได้ จะได้ทำนุบำรุงให้ราษฎรในเมืองตองง่อเป็นสุขสืบไป ขอให้ข้าพเจ้าฟันศิลานี้ขาดเหมือนเล่าปี่เถิด

แล้วว่าออกไปให้เล่าปี่ได้ยินว่า

“ข้าพเจ้าขออธิษฐานแก่เทพารักษ์ทั้งปวงว่า แม้ข้าพเจ้ากับเล่าปี่จะได้ช่วยกันกำจัดโจโฉศัตรูราชสมบัติได้สมความคิด ขอให้ฟันศิลาขาดเป็นสองท่อนเถิด ”

ซุนกวนก็เอากระบี่ฟันลงไป ศิลาก็ขาดเหมือนเล่าปี่ ซุนกวนกับเล่าปี่ก็มีความยินดี ยุดมือกันหัวเราะ กลับเข้าไปกินสุราในวัดต่อ เหมือนกับเป็นมิตรสนิทสนมกันมาแต่นมนาน

แต่พันธมิตรจอมปลอมทั้งสองนี้ ต่างก็ได้รับผลตามคำอธิษฐานในใจด้วยกันทั้งคู่ เล่าปี่ก็ได้กลับไปเมืองเกงจิ๋วพร้อมด้วยนางซุนฮูหยินภรรยา ต่อมาเมื่อเล่าปี่ไปตั้งตัวเป็นใหญ่ที่เมืองเสฉวน และให้กวนอูมารักษาเมืองเกงจิ๋ว ซุนกวนก็ยกทัพมายึดเอาคืนได้ โดยจับกวนอูไปประหารเสีย ทำให้เล่าปี่เจ็บแค้นจนต้องยกกองทัพมาตีเมืองกังตั๋ง แต่ก็แตกพ่ายยับเยินเช่นเดียวกับที่โจโฉเคยประสบมาก่อน จนเล่าปี่ต้องตรอมใจป่วยตายลงในที่สุด
แต่สุดท้ายทั้งจ๊กก๊กของเล่าปี่ และง่อก๊กของ ซุนกวน ก็ถูกวุยก๊กสมัยพระเจ้าสุมาเอี๋ยน ครอบครอง รวมเป็นแผ่นดินเดียวกันจนได้ ในอีกไม่กี่สิบปีต่อมา

ทั้งโจโฉ เล่าปี่ และซุนกวน จึงต่อสู้รบพุ่งกันมาร่วมเจ็ดสิบปี โดยเปล่าประโยชน์อย่างสิ้นเชิง.

##################


วางเมื่อ ๘ ก.ค.๕๖ เวลา ๐๗.๒๘
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่