คุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ "โจรบ้าน-โจรเมือง" ต้องมี คือ "ความใจกล้า-หน้าด้าน" ถ้ากระบวนการกฎหมายและกระบวนการสังคม "จับไม่ได้-ไล่ไม่ทัน" ก็จะลอยหน้านวลอวดเป็น "คนดีศรีสังคม" โดยไม่เขินอายตัวเองและผู้อื่น ที่รู้เช่นเห็นชาติได้ร่ำไป
แต่ก็แปลก คนประเภทนี้กลับอยู่ได้ แถมมีมากซะด้วย!?
อย่าไปพูดเรื่องโจรหน้าด้านเลย มาพูดเรื่องนายกรัฐมนตรีหญิงของเราดีกว่า เมื่อวาน (๒ ก.ค.๕๖) เห็นยิ่งลักษณ์ นำคณะรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมเป็นฝูงใหญ่ ยืนหน้าทำเนียบฯ แล้วประกาศ.........
"รัฐบาลจะดำเนินการต่อต้านทุจริตคอรัปชั่น โดยเน้นการกระทำเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และขอยืนยันว่า แม้จะเป็นผู้ที่มีอิทธิพล หากพบว่ามีการทุจริตคอรัปชั่น รัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายทันที"
สาาาาาธุ ด้วยความตั้งใจดีนี้ ขอให้จำเริญ..จำเริญ ยิ่งๆขึ้นไปเถอะ แม่คุณ!
ครับ...เมื่อนายกฯ ทำเรื่องดี ก็ต้องสรรเสริญ แต่ถ้าจะให้ดีปรากฏทันใด เพื่อฝากชื่อ ฝากผลงานเป็นเกียรติประวัติ "นายกฯ มือปราบคอรัปชั่น" ให้ระบือลือลั่นไปนานเท่านาน
เรียก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ซึ่งอาจเวียนๆ วนๆ อยู่ไม่ห่างตัวท่านมา แล้วยื่น ๒ ข้อมือชิด
ให้ "สวมกุญแจมือ"!
นี่...แบบนี้แหละ การปราบและการต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นในหมู่นักการเมืองและราชการจะ "เกิดผลเป็นรูปธรรม" อย่างที่ประกาศ
เออ...แล้วยิ่งลักษณ์ทราบหรือยัง ที่คุณสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ไปชี้แจงตัวเลขขาดทุนรับจำนำข้าวกับ "คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจฯ วุฒิสภา" เมื่อวานน่ะ
คุณสุภายอมรับกับคณะกรรมาธิการฯ ว่า......
"การรับจำนำข้าวทุกเมล็ด เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจดทะเบียนเกษตรกรที่แจ้งตัวเลขเกินความเป็นจริง รวมทั้งมีการนำข้าวเปลือกมาเวียนเทียนในโครงการ และการแก้ไขขั้นตอนการสีแปรข้าวใหม่ ฯลฯ
ตัวเลขขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวใน ๓ ฤดูกาลผลิต คือฤดูกาลผลิต ๕๔/๕๕ ฤดูกาลผลิต ๕๕ และฤดูกาลผลิต ๕๕/๕๖ เบื้องต้นมีตัวเลขขาดทุน ๒๒๐,๙๖๘ ล้านบาท
หากรวมการดำเนินการถึง พ.ค.๕๖ ตัวเลขการขาดทุนอาจจะมากกว่าที่ประมาณการจากฝ่ายต่างๆ ที่มีการปิดตัวเลขวันที่ ๓๑ ม.ค.๕๖ ใช้วงเงินกว่า ๔.๙๖ แสนล้านบาท ที่รัฐบาลต้องจ่ายคืนให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
การคำนวณตัวเลขต้นทุนการขายข้าว ต้องใช้ราคาขายข้าวต่ำสุดกับสูงสุด จาก ๗ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคำนวณ เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ ไม่ได้แจ้งตัวเลขต้นทุน
ซึ่ง อ.ต.ก.และ อคส.แจ้งบัญชีข้าวสารแปรรูปร้อยละ ๒๔ จากที่ควรจะได้ข้าวร้อยละ ๕๙-๖๑ ทำให้ไม่สามารถคำนวณตัวเลขได้ จึงต้องรอตัวเลขจากหน่วยงานดังกล่าวอีกครั้ง
ส่วนตัวเลขข้าวค้างสต็อกของรัฐบาล ๑๑ ล้านตัน แต่ อ.ต.ก.และ อคส.ระบุว่ามีข้าวค้างสต็อก ๑๘ ล้านตัน ทั้งนี้ที่ผ่านมา ได้ทวงถามตัวเลขการขายข้าวแล้ว แต่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงว่า 'เป็นความลับ' และมีผู้ทราบข้อเท็จจริงเพียง ๓ คน
คือ 'รมว.พาณิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ' เท่านั้น!
ทำให้ไม่สามารถนำตัวเลขดังกล่าวมาคำนวณปิดบัญชี โดยเฉพาะสัญญาขายข้าว ๑๐ ล้านตัน เป็นสัญญาขายข้าวให้กับส่วนใด?"
นี่..ประเด็นนี้ รอบกระโปรงรายงานให้ทราบหรือยัง มันเหมือนตบหน้าหรือเอาเท้าลูบหน้ายังไงพิกล เพราะในเวลาเดียวกันนั้น ขณะนายกฯ นำคณะยืดอกประกาศปราบคอรัปชั่นที่ทำเนียบฯ
แต่ที่รัฐสภา คุณสุภากำลังแฉพฤติกรรมคอรัปชั่นในโครงการจำนำข้าว ทั้งจากนักการเมืองระดับรัฐมนตรี และทั้งจากข้าราชการระดับปลัดฯ ระดับอธิบดี ต่อคณะกรรมาธิการฯวุฒิสภา!
จะแก้ตัวว่าไง?
ลำพัง ๓-๔ คนนั้น ถ้าไม่มีตัวการใหญ่มากบารมีอยู่ข้างหลัง ไม่กล้าหรอก วานซืนอ้าง เพื่อรักษาวินัยการคลัง ลดราคาจำนำจากหมื่นห้าเหลือหมื่นสอง พอชาวนาบอกจะไม่สนับสนุนเพื่อไทย เมื่อวานอ้าง เพื่อความสมดุล ๔ ด้าน กลับไปรับจำนำหมื่นห้าอีก
ไม่เคยคิดแก้ไข "การทุจริตในทุกขั้นตอนเลย" และไม่สำนึกว่านั่นเป็นความบกพร่อง-ผิดพลาดของรัฐบาลที่ตัวเองเป็นนายกฯ อยู่เลย
รู้ทั้งรู้ว่าทุจริตกันทุกขั้นตอน แต่กลับให้ทำต่อตามขั้นตอนที่ทุจริตกันเห็นๆ นี่น่ะหรือที่ลอยหน้าประกาศ "จะยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหาร"?
ที่พูดน่ะ รู้หรือเปล่า "ธรรมาภิบาล" คืออะไร และมีหลักที่ต้องยึดปฏิบัติอย่างไรบ้าง?
ตัวเลขข้าวค้างสต็อก รัฐบาลบอกมี ๑๑ ล้านตัน แต่อคส.-อ.ต.ก.บอกมี ๑๘ ล้านตัน แต่กระทรวงพาณิชย์ โดยรัฐมนตรีบุญทรง โดยปลัดหญิงวัชรี วิมุกตายน และโดยอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศหญิงปราณี ศิริพันธ์
อ้าง "เป็นความลับทางราชการ"!?
ไม่ยอมบอกกระทั่งกับกระทรวงคลัง ซึ่งเป็นหน่วยราชการที่ต้องทราบ จนคลังไม่สามารถ "ปิดบัญชี" ได้ นั้น แปรเจตนาเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากปกปิดการทุจริตในโครงการ เพราะขืนแจ้งตัวเลข
ก็เท่ากับ "แจ้งข้อหา" ให้ตัวเอง!
ยิ่งลักษณ์จะลอยตัว อ้างว่าไม่เกี่ยว เอาแต่หน้า-ข้อหาไม่เอา ก็ว่าไป แต่โปรดทราบไว้ ในฐานะนายกฯ โทษต้องคูณเป็น ๒ เท่านะ...แม่นาง
ในเมื่อพาณิชย์ไม่ยอมเผยตัวเลข ชัดว่าข้าวกับตัวเลขไม่ตรงกัน อย่างที่พูดกันถึงสต็อกลมบ้าง ข้าวหมุนเวียนบ้าง จึงเกิดคำถามขึ้นว่า...แล้วข้าวมีจำนวนเท่าไหร่ที่ถูกลักลอบจากคลังรัฐบาลนำไปหมุนขายก่อน?
คำถามนี้ มีคนตอบไว้ให้แล้ว คือ "รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร" จากสถาบัน TDRI ท่านเขียนไว้ในบทความเรื่อง "ปัญหาจากการล่มสลายของโครงการรับจำนำข้าว" ในประเด็นนี้ ท่านว่าดังนี้.....
".....ทราบว่าในช่วงที่มีการจำนำข้าวระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๔-สิ้นมีนาคม ๒๕๕๖ รัฐบาลรับจำนำข้าวเปลือกทั้ง ๓ ฤดู (นาปี ๕๔/๕๕ นาปรัง ๕๕ และนาปี ๕๕/๕๖) รวมทั้งสิ้น ๓๖.๔๘ ล้านตัน ซึ่งแปลงเป็นข้าวสารได้ ๒๒.๕๒ ล้านตัน) ส่วนผลผลิตข้าวทั้งประเทศเท่ากับ ๓๙.๖๘ ล้านตันข้าวสาร
ก็แปลว่า มีข้าวอยู่ในมือโรงสีและพ่อค้าประมาณ ๑๗.๑๖ ล้านตัน แต่พ่อค้าข้าวจะต้องมีสต็อกข้าวอยู่ในมือประมาณ ๑.๐ ล้านตัน ดังนั้นตลาดข้าวเอกชน จะมีข้าวขายเพียง ๑๖.๑๖ ล้านตัน ขณะเดียวกันในช่วง ๑๘ เดือนดังกล่าว คนไทยต้องบริโภคข้าว ๑๕.๙๐ ล้านตัน และมีการส่งออก ๑๐.๑๗ ล้านตัน รวม ๒๖.๐๗ ล้านตัน
แสดงว่าตลาดยังขาดข้าวอยู่อีก ๙.๙๑ ล้านตัน ข้าวจำนวนนี้จะต้องมาจากการระบายข้าวของรัฐบาลอย่างแน่นอน
ถ้ามีการระบายข้าวน้อยกว่านี้ ราคาข้าวสารในตลาดจะต้องแพงขึ้นกว่าสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่รัฐบาลเพื่อไทยประสบความสำเร็จในการตรึงราคาข้าวสารให้มีราคาถูกกว่าสมัยอภิสิทธิ์ และทำให้ราคาข้าวเปลือกแพง
ทว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ ๒๐ มี.ค.๕๖ ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ระบายข้าวเพียง ๗.๐๗ ล้านตัน จึงเกิดคำถามว่า ข้าวอีก ๒.๘๔ ล้านตัน มาจากไหน ?
คำตอบก็คือ นอกจากการนำเข้าข้าวราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาขายในประเทศ และข้าวบางส่วนถูกนำไปส่งมอบให้โกดังกลางแทนข้าวของชาวนาไทยที่ถูกลักลอบออกจากโกดังไปหมุนขายก่อนแล้ว
ก็ยังมีข้าวสารในโครงการรับจำนำจำนวน ๒.๕ ล้านตัน ที่ไม่ได้ลงบัญชี แต่ถูกลักลอบนำออกไปขายในตลาด และยังมิได้นำข้าวสารมาคืนโกดัง!
ถ้ารัฐบาลไม่สามารถจัดการนำข้าวดังกล่าวมาคืนคลังได้ ก็เท่ากับประชาชนต้องสูญเสียเงินภาษีจำนวน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท (หรือ ๒.๕ ล้านตันคูณราคาขายส่ง ๑๖,๐๐๐ บาทต่อตัน) หรือถ้ามีการขายข้าวจำนวนดังกล่าวในราคาต่ำกว่าราคาตลาด รัฐบาลก็ต้องขาดทุน"
แบบนี้ ควร "สวมกุญแจมือ" ได้หรือยัง?
ที่มา:
http://www.thaipost.net/news/030713/75876
ปล.เจอหรือยังครับ...DSI...ตัวเป้งในการ คอรัปชั่น...เอิ๊ก ๆ ๆ
กระทู้ให้กำลังใจ คุณสุภา(4) 7/7/2556...นี่ไง...หัวหน้าขบวนการคอรัปชั่น!...
แต่ก็แปลก คนประเภทนี้กลับอยู่ได้ แถมมีมากซะด้วย!?
อย่าไปพูดเรื่องโจรหน้าด้านเลย มาพูดเรื่องนายกรัฐมนตรีหญิงของเราดีกว่า เมื่อวาน (๒ ก.ค.๕๖) เห็นยิ่งลักษณ์ นำคณะรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี และผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รวมเป็นฝูงใหญ่ ยืนหน้าทำเนียบฯ แล้วประกาศ.........
"รัฐบาลจะดำเนินการต่อต้านทุจริตคอรัปชั่น โดยเน้นการกระทำเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และขอยืนยันว่า แม้จะเป็นผู้ที่มีอิทธิพล หากพบว่ามีการทุจริตคอรัปชั่น รัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายทันที"
สาาาาาธุ ด้วยความตั้งใจดีนี้ ขอให้จำเริญ..จำเริญ ยิ่งๆขึ้นไปเถอะ แม่คุณ!
ครับ...เมื่อนายกฯ ทำเรื่องดี ก็ต้องสรรเสริญ แต่ถ้าจะให้ดีปรากฏทันใด เพื่อฝากชื่อ ฝากผลงานเป็นเกียรติประวัติ "นายกฯ มือปราบคอรัปชั่น" ให้ระบือลือลั่นไปนานเท่านาน
เรียก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ซึ่งอาจเวียนๆ วนๆ อยู่ไม่ห่างตัวท่านมา แล้วยื่น ๒ ข้อมือชิด
ให้ "สวมกุญแจมือ"!
นี่...แบบนี้แหละ การปราบและการต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นในหมู่นักการเมืองและราชการจะ "เกิดผลเป็นรูปธรรม" อย่างที่ประกาศ
เออ...แล้วยิ่งลักษณ์ทราบหรือยัง ที่คุณสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ไปชี้แจงตัวเลขขาดทุนรับจำนำข้าวกับ "คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจฯ วุฒิสภา" เมื่อวานน่ะ
คุณสุภายอมรับกับคณะกรรมาธิการฯ ว่า......
"การรับจำนำข้าวทุกเมล็ด เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจดทะเบียนเกษตรกรที่แจ้งตัวเลขเกินความเป็นจริง รวมทั้งมีการนำข้าวเปลือกมาเวียนเทียนในโครงการ และการแก้ไขขั้นตอนการสีแปรข้าวใหม่ ฯลฯ
ตัวเลขขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวใน ๓ ฤดูกาลผลิต คือฤดูกาลผลิต ๕๔/๕๕ ฤดูกาลผลิต ๕๕ และฤดูกาลผลิต ๕๕/๕๖ เบื้องต้นมีตัวเลขขาดทุน ๒๒๐,๙๖๘ ล้านบาท
หากรวมการดำเนินการถึง พ.ค.๕๖ ตัวเลขการขาดทุนอาจจะมากกว่าที่ประมาณการจากฝ่ายต่างๆ ที่มีการปิดตัวเลขวันที่ ๓๑ ม.ค.๕๖ ใช้วงเงินกว่า ๔.๙๖ แสนล้านบาท ที่รัฐบาลต้องจ่ายคืนให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
การคำนวณตัวเลขต้นทุนการขายข้าว ต้องใช้ราคาขายข้าวต่ำสุดกับสูงสุด จาก ๗ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคำนวณ เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ ไม่ได้แจ้งตัวเลขต้นทุน
ซึ่ง อ.ต.ก.และ อคส.แจ้งบัญชีข้าวสารแปรรูปร้อยละ ๒๔ จากที่ควรจะได้ข้าวร้อยละ ๕๙-๖๑ ทำให้ไม่สามารถคำนวณตัวเลขได้ จึงต้องรอตัวเลขจากหน่วยงานดังกล่าวอีกครั้ง
ส่วนตัวเลขข้าวค้างสต็อกของรัฐบาล ๑๑ ล้านตัน แต่ อ.ต.ก.และ อคส.ระบุว่ามีข้าวค้างสต็อก ๑๘ ล้านตัน ทั้งนี้ที่ผ่านมา ได้ทวงถามตัวเลขการขายข้าวแล้ว แต่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงว่า 'เป็นความลับ' และมีผู้ทราบข้อเท็จจริงเพียง ๓ คน
คือ 'รมว.พาณิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ' เท่านั้น!
ทำให้ไม่สามารถนำตัวเลขดังกล่าวมาคำนวณปิดบัญชี โดยเฉพาะสัญญาขายข้าว ๑๐ ล้านตัน เป็นสัญญาขายข้าวให้กับส่วนใด?"
นี่..ประเด็นนี้ รอบกระโปรงรายงานให้ทราบหรือยัง มันเหมือนตบหน้าหรือเอาเท้าลูบหน้ายังไงพิกล เพราะในเวลาเดียวกันนั้น ขณะนายกฯ นำคณะยืดอกประกาศปราบคอรัปชั่นที่ทำเนียบฯ
แต่ที่รัฐสภา คุณสุภากำลังแฉพฤติกรรมคอรัปชั่นในโครงการจำนำข้าว ทั้งจากนักการเมืองระดับรัฐมนตรี และทั้งจากข้าราชการระดับปลัดฯ ระดับอธิบดี ต่อคณะกรรมาธิการฯวุฒิสภา!
จะแก้ตัวว่าไง?
ลำพัง ๓-๔ คนนั้น ถ้าไม่มีตัวการใหญ่มากบารมีอยู่ข้างหลัง ไม่กล้าหรอก วานซืนอ้าง เพื่อรักษาวินัยการคลัง ลดราคาจำนำจากหมื่นห้าเหลือหมื่นสอง พอชาวนาบอกจะไม่สนับสนุนเพื่อไทย เมื่อวานอ้าง เพื่อความสมดุล ๔ ด้าน กลับไปรับจำนำหมื่นห้าอีก
ไม่เคยคิดแก้ไข "การทุจริตในทุกขั้นตอนเลย" และไม่สำนึกว่านั่นเป็นความบกพร่อง-ผิดพลาดของรัฐบาลที่ตัวเองเป็นนายกฯ อยู่เลย
รู้ทั้งรู้ว่าทุจริตกันทุกขั้นตอน แต่กลับให้ทำต่อตามขั้นตอนที่ทุจริตกันเห็นๆ นี่น่ะหรือที่ลอยหน้าประกาศ "จะยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหาร"?
ที่พูดน่ะ รู้หรือเปล่า "ธรรมาภิบาล" คืออะไร และมีหลักที่ต้องยึดปฏิบัติอย่างไรบ้าง?
ตัวเลขข้าวค้างสต็อก รัฐบาลบอกมี ๑๑ ล้านตัน แต่อคส.-อ.ต.ก.บอกมี ๑๘ ล้านตัน แต่กระทรวงพาณิชย์ โดยรัฐมนตรีบุญทรง โดยปลัดหญิงวัชรี วิมุกตายน และโดยอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศหญิงปราณี ศิริพันธ์
อ้าง "เป็นความลับทางราชการ"!?
ไม่ยอมบอกกระทั่งกับกระทรวงคลัง ซึ่งเป็นหน่วยราชการที่ต้องทราบ จนคลังไม่สามารถ "ปิดบัญชี" ได้ นั้น แปรเจตนาเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากปกปิดการทุจริตในโครงการ เพราะขืนแจ้งตัวเลข
ก็เท่ากับ "แจ้งข้อหา" ให้ตัวเอง!
ยิ่งลักษณ์จะลอยตัว อ้างว่าไม่เกี่ยว เอาแต่หน้า-ข้อหาไม่เอา ก็ว่าไป แต่โปรดทราบไว้ ในฐานะนายกฯ โทษต้องคูณเป็น ๒ เท่านะ...แม่นาง
ในเมื่อพาณิชย์ไม่ยอมเผยตัวเลข ชัดว่าข้าวกับตัวเลขไม่ตรงกัน อย่างที่พูดกันถึงสต็อกลมบ้าง ข้าวหมุนเวียนบ้าง จึงเกิดคำถามขึ้นว่า...แล้วข้าวมีจำนวนเท่าไหร่ที่ถูกลักลอบจากคลังรัฐบาลนำไปหมุนขายก่อน?
คำถามนี้ มีคนตอบไว้ให้แล้ว คือ "รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร" จากสถาบัน TDRI ท่านเขียนไว้ในบทความเรื่อง "ปัญหาจากการล่มสลายของโครงการรับจำนำข้าว" ในประเด็นนี้ ท่านว่าดังนี้.....
".....ทราบว่าในช่วงที่มีการจำนำข้าวระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๕๔-สิ้นมีนาคม ๒๕๕๖ รัฐบาลรับจำนำข้าวเปลือกทั้ง ๓ ฤดู (นาปี ๕๔/๕๕ นาปรัง ๕๕ และนาปี ๕๕/๕๖) รวมทั้งสิ้น ๓๖.๔๘ ล้านตัน ซึ่งแปลงเป็นข้าวสารได้ ๒๒.๕๒ ล้านตัน) ส่วนผลผลิตข้าวทั้งประเทศเท่ากับ ๓๙.๖๘ ล้านตันข้าวสาร
ก็แปลว่า มีข้าวอยู่ในมือโรงสีและพ่อค้าประมาณ ๑๗.๑๖ ล้านตัน แต่พ่อค้าข้าวจะต้องมีสต็อกข้าวอยู่ในมือประมาณ ๑.๐ ล้านตัน ดังนั้นตลาดข้าวเอกชน จะมีข้าวขายเพียง ๑๖.๑๖ ล้านตัน ขณะเดียวกันในช่วง ๑๘ เดือนดังกล่าว คนไทยต้องบริโภคข้าว ๑๕.๙๐ ล้านตัน และมีการส่งออก ๑๐.๑๗ ล้านตัน รวม ๒๖.๐๗ ล้านตัน
แสดงว่าตลาดยังขาดข้าวอยู่อีก ๙.๙๑ ล้านตัน ข้าวจำนวนนี้จะต้องมาจากการระบายข้าวของรัฐบาลอย่างแน่นอน
ถ้ามีการระบายข้าวน้อยกว่านี้ ราคาข้าวสารในตลาดจะต้องแพงขึ้นกว่าสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ แต่รัฐบาลเพื่อไทยประสบความสำเร็จในการตรึงราคาข้าวสารให้มีราคาถูกกว่าสมัยอภิสิทธิ์ และทำให้ราคาข้าวเปลือกแพง
ทว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ ๒๐ มี.ค.๕๖ ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ระบายข้าวเพียง ๗.๐๗ ล้านตัน จึงเกิดคำถามว่า ข้าวอีก ๒.๘๔ ล้านตัน มาจากไหน ?
คำตอบก็คือ นอกจากการนำเข้าข้าวราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาขายในประเทศ และข้าวบางส่วนถูกนำไปส่งมอบให้โกดังกลางแทนข้าวของชาวนาไทยที่ถูกลักลอบออกจากโกดังไปหมุนขายก่อนแล้ว
ก็ยังมีข้าวสารในโครงการรับจำนำจำนวน ๒.๕ ล้านตัน ที่ไม่ได้ลงบัญชี แต่ถูกลักลอบนำออกไปขายในตลาด และยังมิได้นำข้าวสารมาคืนโกดัง!
ถ้ารัฐบาลไม่สามารถจัดการนำข้าวดังกล่าวมาคืนคลังได้ ก็เท่ากับประชาชนต้องสูญเสียเงินภาษีจำนวน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท (หรือ ๒.๕ ล้านตันคูณราคาขายส่ง ๑๖,๐๐๐ บาทต่อตัน) หรือถ้ามีการขายข้าวจำนวนดังกล่าวในราคาต่ำกว่าราคาตลาด รัฐบาลก็ต้องขาดทุน"
แบบนี้ ควร "สวมกุญแจมือ" ได้หรือยัง?
ที่มา:http://www.thaipost.net/news/030713/75876
ปล.เจอหรือยังครับ...DSI...ตัวเป้งในการ คอรัปชั่น...เอิ๊ก ๆ ๆ