วันที่ 7 ก.ค.56 เมื่อเวลา 23.50 น. ของวันที่ 6 ก.ค. ร.ต.ท.ชาญวุฒิ เรืองจาบ ร้อยเวร สภ. ม่วงค่อม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ได้รับแจ้งว่ามีเหตุเพลิงไหม้ที่บริษัทสหฟาร์ม บริเวณโรงงานผลิตไก่แช่แข็งช่องทางที่ใช้ลำเลียงสินค้า จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานงานรถดับเพลิงจากอบต.ห้วยหินอำเภอชัยบาดาล ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดและเป็นเจ้าของพื้นที่แต่เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็วจึงต้องมีการประสานงานขอรถน้ำจากอบต.และเทศบาลใกล้เคียง ได้มีการระดมรถดับเพลิงเข้ามาในโรงงานอีกกว่า 10 คัน เพื่อช่วยกันสกัดเพลิงซึ่งกำลังลุกไหม้ ใช้เวลา 4 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบและควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปติดอาคารโรงงานใกล้เคียงกันได้ ซึ่งอาคารโรงงานอาคารนี้มีการกรุด้วยฉนวนกันความร้อนเพื่อเก็บความเย็นซึ่งถือเป็นเชื้อไฟอย่างดีจึงทำการการดับเพลิงเป็นไปด้วยความลำบากและถูกไฟไหม้จนเสียหลายเกือบหมดทั้งหลัง
ต่อมา นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยนายวีรัส ประเศรษโฐ นายอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ได้เดินทางมาติดตามมสถานการณ์ และสั่งการให้ตำรวจภูธรม่วงค่อม ติดต่อวิทยาการให้เข้าตรวจสอบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ เบื้องต้นตั้งไว้ 2 ประเด็น คือไฟฟ้าลัดวงจร กับการวางเพลิงแต่ เพราะมีการขู่ว่าจะมีการวางเพลิงของแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้รับค่าจ้าง
นอกจากนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้สั่งให้ทางอำเภอนำรถดับเพลิงเข้าประจำไว้ในโรงงานตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 7วัน พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเวรตรวจรอบละ 5 นายตลอดทั้ง 7 วันนี้หลังจากที่มีการถอนกำลัง พร้อมให้กำลังอีกส่วนดูแลแรงงานชาวต่างด้าวทั้งแรงงานชาวพม่า และกัมพูชา อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันเหตุร้าย
ไฟไหม้อาคารชำแหละไก่บ.สหฟาร์ม
ต่อมา นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยนายวีรัส ประเศรษโฐ นายอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ได้เดินทางมาติดตามมสถานการณ์ และสั่งการให้ตำรวจภูธรม่วงค่อม ติดต่อวิทยาการให้เข้าตรวจสอบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ เบื้องต้นตั้งไว้ 2 ประเด็น คือไฟฟ้าลัดวงจร กับการวางเพลิงแต่ เพราะมีการขู่ว่าจะมีการวางเพลิงของแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้รับค่าจ้าง
นอกจากนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้สั่งให้ทางอำเภอนำรถดับเพลิงเข้าประจำไว้ในโรงงานตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 7วัน พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าเวรตรวจรอบละ 5 นายตลอดทั้ง 7 วันนี้หลังจากที่มีการถอนกำลัง พร้อมให้กำลังอีกส่วนดูแลแรงงานชาวต่างด้าวทั้งแรงงานชาวพม่า และกัมพูชา อย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันเหตุร้าย