สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า เพิ่งแกะกล่องอธิการบดีคนที่ 13 รศ.ดร.ประดิษฐ์ วรรณรัตน์
ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา
เพิ่งฉลองครบหนึ่งเดือนไปหมาดๆ
แต่อาจารย์ประดิษฐ์ก็หาใช่ป้ายแดงสำหรับชาวนิด้า เพราะก่อนหน้าเคยรับบท "รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ"
มาแล้ว เรียกว่าหลับตาก็มองเห็นทุกซอกทุกมุมของมหาวิทยาลัย บนเนื้อที่ 44 ไร่ แจ่มชัด
บนภารกิจอธิการบดี อาจารย์ประดิษฐ์วางวิสัยทัศน์ในช่วงวาระดำรงตำแหน่ง 3 ปีไว้อย่างไร มาติดตามกัน
<
<
<
- เป็นที่พึ่งทางวิชาการให้สังคม
ในแง่ความรับผิดชอบต่อสังคม หากเมื่อใดก็ตาม สถาบันการศึกษาไม่สามารถเป็นที่พึ่งของสังคมและคนไทยได้
กลายเป็นเครื่องมือของนักการเมือง ประเทศจะเป็นอย่างไร ฉะนั้น ในฐานะสถาบันที่มีความรู้ ใช้ความรู้มาวิจารณ์
หาข้อเสนอแนะให้แก่สังคม ให้ความเห็นและเป็นที่พึ่งแก่สังคมในฐานะนักวิชาการ ต้องมีทางออกให้สังคมได้
แต่ต้องไม่ใช่การแสดงความรู้สึกส่วนตัว
ที่ผ่านมามีอาจารย์บางคน เช่น เรื่องจำนำข้าว คณบดีคณะหนึ่งของนิด้าให้ความเห็นเรื่องจำนำข้าว และพา
คณะอาจารย์ไปยื่นข้อเสนอว่าไม่เห็นด้วยและขอให้ระงับโครงการ ปรากฏว่าหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ชาวนามา
ชุมนุมหน้านิด้า ทั้งจริง ทั้งปลอม มาปิดหน้ารั้ว ผมไม่ได้โกรธชาวนาเพราะเค้าเป็นผู้เสียหาย เมื่อเจรจาทำ
ความเข้าใจกับชาวนา เขายื่นหนังสือเสร็จก็กลับบ้าน ไร้เหตุการณ์รุนแรงหรือมือที่สามถือว่าโชคดีที่เข้าใจกัน
-สถาบันการศึกษาต้องวางตัวเป็นกลาง
การแสดงความคิดเห็นเชิงวิชาการ แล้วแต่คนจะมอง ความคิดเห็นแต่ละครั้งที่แสดงออกไปมีทั้งผลทางบวก
และผลทางลบ อยู่ที่ว่าคนฟังคือใคร เมื่อเกิดความรู้สึกเป็นบวกเป็นลบ ซึ่งบางคนที่ประสงค์จะทำร้ายอีกคนที่
ความเห็นต่าง ก็จะเป็นการกีดกันในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเราพยายามย้ำกับอาจารย์ท่านต่างๆ ว่า ให้แสดง
ความคิดเห็นอย่างเป็นกลาง
ในอดีตผู้บริหารบางคนมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองบางพรรค บางกลุ่ม อาจารย์บางคนฝักใฝ่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
เมื่ออาจารย์เหล่านี้มีโอกาสเข้ามาเป็นผู้บริหารสถาบัน ความสัมพันธ์เหล่านั้นก็ติดมา เมื่อพวกเขาแสดงความคิด
เห็นคนจึงมองนิด้าไม่เป็นกลาง ซึ่งก็มีสิทธิที่จะคิด แต่สำหรับผม ถ้าคนถามว่าผมสีอะไร ผมจะคิดว่าเขาเริ่มต้น
ที่คำถามแบบนั้น คนพวกนั้นก็มุ่งหมดแหละ แต่เราทุกคนเป็นคนไทย ผมมีสีเดียวคือสีธงชาติไทย ไม่ว่าคุณจะ
เป็นเหลืองหรือแดง นั่นคือคุณทำร้ายประเทศไทย เพราะคุณจะไม่ยอมรับคนอื่น ท้ายที่สุดเท่ากับคุณเผาบ้านตัวเอง
ต่างชาติก็มองดูเราอย่างงงๆ
3 ปีนับจากนี้ นิด้ามีสีเดียวคือ สีธงชาติไทย มีหน้าที่คือ สถาบันการศึกษา เป็นที่พึ่งของสังคม ไม่ใช่ทำเพื่อคนใด
หรือท่านใด เป็นตลาดวิชาการให้ความรู้ต่อประชาชน ต่อสังคม ให้มีความรู้ รู้จักใช้เหตุผลทำเพื่อประเทศชาติ รู้ว่า
สถานการณ์เป็นอย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากการจัดการไม่ถูกวิธีจะสร้างผลเสียมากกว่าที่เกิดในปัจจุบัน
นับร้อยเท่า
ลูกศิษย์บางห้องแบ่งแยกสีกัน หาทางจัดกิจกรรมเพื่อสีหนึ่ง เป็นแล้วทำไม่ได้ เพราะทำร้ายประเทศชาติ ทำเพื่ออะไร
ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้นเลย ทุกวันนี้ไม่ฟังอีกข้าง ใช้ความรุนแรงห้ำหั่นกันอย่างเดียว
- สร้างสารคดีสอน"ปรองดอง"
วางแผนว่าจะทำสารคดี 2 ชุด ชุดหนึ่งให้ดูว่าประเทศที่ต้องแตกแยก เช่น เขมรแตก เวียดนามแตก เกาหลีใต้แตก
เพื่อศึกษาภูมิหลังว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้มันต้องแตก
อีกอันเป็นสารคดีเกี่ยวกับประเทศที่อยู่ดีกินดี ว่าอดีตเป็นอย่างไร แล้วเขามาอยู่จุดนี้ได้อย่างไร เอาสารคดี 2 เรื่อง
มาฉายตอนที่มีการชุมนุมทั้ง 2-3 กลุ่ม เผื่อจะเปลี่ยนความคิด ความรู้สึกได้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่
เราเป็นอัมพาตมากี่ปีแล้ว ต่างชาติจะลงทุนก็หวั่นไหว
ถ้าเปรียบเทียบเป็นประเทศไทยเป็นบริษัท ส่วนผมเป็นนักลงทุน พูดตรงๆ ว่าผมไม่กล้าซื้อหุ้นบริษัทอย่างนี้ ไม่มี
ความแน่นอน มองดูคนงานที่ชอบอู้งาน คอร์รัปชั่น มองการบริหารก็มีคนกวนนู่นนี่ ตีนู่นนี่ ชกกันเอง ผมไม่กล้าซื้อ
หุ้นบริษัทนี้ มันน่ากลัวนะ ทั้งๆ ที่โลเกชั่นก็ดี วัตถุดิบก็เยอะ
แต่คนแบบนี้ ระบบแบบนี้ ไม่กล้าเสี่ยง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1373019566&grpid=&catid=02&subcatid=0201
ส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ อธิการบดี นิด้า คนใหม่ น่าสนใจว่าจะพาภาพพจน์ นิด้าให้พ้นจากการฝักใฝ่พรรคการเมือง
ได้หรือไม่ เพราะนิด้า วันนี้ ดูจะเป็นที่พึ่งของพรรคการเมือง มากกว่าของสังคม
แต่จะเป็นพรรคการเมืองไหน คงไม่ต้องบอก.....มั้ง ....รู้ๆกันอยู่ .... 
นิด้า ..."vision นี้ใหญ่มาก ต้องเป็นที่พึ่งสังคม" ....มติชนออนไลน์
ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา
เพิ่งฉลองครบหนึ่งเดือนไปหมาดๆ
แต่อาจารย์ประดิษฐ์ก็หาใช่ป้ายแดงสำหรับชาวนิด้า เพราะก่อนหน้าเคยรับบท "รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ"
มาแล้ว เรียกว่าหลับตาก็มองเห็นทุกซอกทุกมุมของมหาวิทยาลัย บนเนื้อที่ 44 ไร่ แจ่มชัด
บนภารกิจอธิการบดี อาจารย์ประดิษฐ์วางวิสัยทัศน์ในช่วงวาระดำรงตำแหน่ง 3 ปีไว้อย่างไร มาติดตามกัน
<
<
<
- เป็นที่พึ่งทางวิชาการให้สังคม
ในแง่ความรับผิดชอบต่อสังคม หากเมื่อใดก็ตาม สถาบันการศึกษาไม่สามารถเป็นที่พึ่งของสังคมและคนไทยได้
กลายเป็นเครื่องมือของนักการเมือง ประเทศจะเป็นอย่างไร ฉะนั้น ในฐานะสถาบันที่มีความรู้ ใช้ความรู้มาวิจารณ์
หาข้อเสนอแนะให้แก่สังคม ให้ความเห็นและเป็นที่พึ่งแก่สังคมในฐานะนักวิชาการ ต้องมีทางออกให้สังคมได้
แต่ต้องไม่ใช่การแสดงความรู้สึกส่วนตัว
ที่ผ่านมามีอาจารย์บางคน เช่น เรื่องจำนำข้าว คณบดีคณะหนึ่งของนิด้าให้ความเห็นเรื่องจำนำข้าว และพา
คณะอาจารย์ไปยื่นข้อเสนอว่าไม่เห็นด้วยและขอให้ระงับโครงการ ปรากฏว่าหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ชาวนามา
ชุมนุมหน้านิด้า ทั้งจริง ทั้งปลอม มาปิดหน้ารั้ว ผมไม่ได้โกรธชาวนาเพราะเค้าเป็นผู้เสียหาย เมื่อเจรจาทำ
ความเข้าใจกับชาวนา เขายื่นหนังสือเสร็จก็กลับบ้าน ไร้เหตุการณ์รุนแรงหรือมือที่สามถือว่าโชคดีที่เข้าใจกัน
-สถาบันการศึกษาต้องวางตัวเป็นกลาง
การแสดงความคิดเห็นเชิงวิชาการ แล้วแต่คนจะมอง ความคิดเห็นแต่ละครั้งที่แสดงออกไปมีทั้งผลทางบวก
และผลทางลบ อยู่ที่ว่าคนฟังคือใคร เมื่อเกิดความรู้สึกเป็นบวกเป็นลบ ซึ่งบางคนที่ประสงค์จะทำร้ายอีกคนที่
ความเห็นต่าง ก็จะเป็นการกีดกันในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเราพยายามย้ำกับอาจารย์ท่านต่างๆ ว่า ให้แสดง
ความคิดเห็นอย่างเป็นกลาง
ในอดีตผู้บริหารบางคนมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองบางพรรค บางกลุ่ม อาจารย์บางคนฝักใฝ่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
เมื่ออาจารย์เหล่านี้มีโอกาสเข้ามาเป็นผู้บริหารสถาบัน ความสัมพันธ์เหล่านั้นก็ติดมา เมื่อพวกเขาแสดงความคิด
เห็นคนจึงมองนิด้าไม่เป็นกลาง ซึ่งก็มีสิทธิที่จะคิด แต่สำหรับผม ถ้าคนถามว่าผมสีอะไร ผมจะคิดว่าเขาเริ่มต้น
ที่คำถามแบบนั้น คนพวกนั้นก็มุ่งหมดแหละ แต่เราทุกคนเป็นคนไทย ผมมีสีเดียวคือสีธงชาติไทย ไม่ว่าคุณจะ
เป็นเหลืองหรือแดง นั่นคือคุณทำร้ายประเทศไทย เพราะคุณจะไม่ยอมรับคนอื่น ท้ายที่สุดเท่ากับคุณเผาบ้านตัวเอง
ต่างชาติก็มองดูเราอย่างงงๆ
3 ปีนับจากนี้ นิด้ามีสีเดียวคือ สีธงชาติไทย มีหน้าที่คือ สถาบันการศึกษา เป็นที่พึ่งของสังคม ไม่ใช่ทำเพื่อคนใด
หรือท่านใด เป็นตลาดวิชาการให้ความรู้ต่อประชาชน ต่อสังคม ให้มีความรู้ รู้จักใช้เหตุผลทำเพื่อประเทศชาติ รู้ว่า
สถานการณ์เป็นอย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากการจัดการไม่ถูกวิธีจะสร้างผลเสียมากกว่าที่เกิดในปัจจุบัน
นับร้อยเท่า
ลูกศิษย์บางห้องแบ่งแยกสีกัน หาทางจัดกิจกรรมเพื่อสีหนึ่ง เป็นแล้วทำไม่ได้ เพราะทำร้ายประเทศชาติ ทำเพื่ออะไร
ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้นเลย ทุกวันนี้ไม่ฟังอีกข้าง ใช้ความรุนแรงห้ำหั่นกันอย่างเดียว
- สร้างสารคดีสอน"ปรองดอง"
วางแผนว่าจะทำสารคดี 2 ชุด ชุดหนึ่งให้ดูว่าประเทศที่ต้องแตกแยก เช่น เขมรแตก เวียดนามแตก เกาหลีใต้แตก
เพื่อศึกษาภูมิหลังว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้มันต้องแตก
อีกอันเป็นสารคดีเกี่ยวกับประเทศที่อยู่ดีกินดี ว่าอดีตเป็นอย่างไร แล้วเขามาอยู่จุดนี้ได้อย่างไร เอาสารคดี 2 เรื่อง
มาฉายตอนที่มีการชุมนุมทั้ง 2-3 กลุ่ม เผื่อจะเปลี่ยนความคิด ความรู้สึกได้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่
เราเป็นอัมพาตมากี่ปีแล้ว ต่างชาติจะลงทุนก็หวั่นไหว
ถ้าเปรียบเทียบเป็นประเทศไทยเป็นบริษัท ส่วนผมเป็นนักลงทุน พูดตรงๆ ว่าผมไม่กล้าซื้อหุ้นบริษัทอย่างนี้ ไม่มี
ความแน่นอน มองดูคนงานที่ชอบอู้งาน คอร์รัปชั่น มองการบริหารก็มีคนกวนนู่นนี่ ตีนู่นนี่ ชกกันเอง ผมไม่กล้าซื้อ
หุ้นบริษัทนี้ มันน่ากลัวนะ ทั้งๆ ที่โลเกชั่นก็ดี วัตถุดิบก็เยอะ
แต่คนแบบนี้ ระบบแบบนี้ ไม่กล้าเสี่ยง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1373019566&grpid=&catid=02&subcatid=0201
ส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ อธิการบดี นิด้า คนใหม่ น่าสนใจว่าจะพาภาพพจน์ นิด้าให้พ้นจากการฝักใฝ่พรรคการเมือง
ได้หรือไม่ เพราะนิด้า วันนี้ ดูจะเป็นที่พึ่งของพรรคการเมือง มากกว่าของสังคม
แต่จะเป็นพรรคการเมืองไหน คงไม่ต้องบอก.....มั้ง ....รู้ๆกันอยู่ ....