ขอครูใหญ่สักกระทู้ : ขอตำหนิรายการ ทีมงาน และครูใหญ่ อย่างยาวสักครั้ง

กระทู้สนทนา
กี่ปีกี่ปีมา ก่อนวันคอนเสิร์ต เด็กควรได้รับการพักผ่อนไวๆ เตรียมตัวให้พร้อม
สร้างบรรยากาศให้สนุกสนาน เฮฮา เพื่อทำให้บรรยากาศคอนเสิร์ตสนุกสนาน

ไหงปีนี้ เอาเหตุการณ์ให้เด็กคิดลบก่อนวันคอนเสิร์ต มานั่งคิด มานั่งกังวล


เรื่องแบบนี้ เด็กหลายคนโดนปลูกฝังมาดี โดนสอนให้มองโลกในแง่ดี
โดนสอนให้รู้จัก "ปล่อยวาง" ...

หลายปีมา บางคนอยู่ในบ้านแฮปปี้ดี รำคาญนิดหน่อย ก็บ่นไป บ่นแล้วก็จบ
ไม่ได้เก็บมาคิด ไม่ได้เก็บมาจด มาจำ ไม่ได้มาสนใจอะไรมากมาย คือ
โฟกัสถูกจุด เน้นเรียน เน้นกิจกรรม เน้นซ้อม .... เด็กกลุ่มนี้ (ซึ่งมีทุกปี
ปีนึง สามคนสี่คนขึ้นไป) ...

หลายคนเฉยๆ กับเรื่องเหน็บแนม .... หลายคนเฉยๆ กับเรื่องกดขี่
เพราะก็โตมาจาก บรรยากาศแบบนั้น เรื่องแบบนั้น
บางคนรับได้ บางคนรับไม่ได้ บางคนปล่อยวางได้ บางคนปล่อยวางไม่ได้

........... หลายครั้งเหลือเกิน ที่ในฐานะคนดู (ภาษาครูเงาะบอกว่า ทุกการแสดง
คนดูเห็นหมดแหล่ะ) ผมรู้สึกว่า ครูใหญ่ ยัดเยียดความคิดลบๆ ของตัวเองให้เด็ก
.... ครูใหญ่ชอบเน้นว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด .... เหตุการณ์นี้มันบอกชัดเจนว่า
มันไม่จริง ....

มันเหมือน โฟกัสผิดจุด .... มันเหมือน คนลืมวัยเด็ก .... มันเหมือน คนมีปม .....
มันเหมือน คนไม่ยอมรับความเป็นไปของสังคม .... มันเหมือนคอการเมืองจ๋าๆ .....
มันเหมือน คนมองโลกในแง่ร้าย .... มันเหมือนคนที่พยายามทำอะไรแบบ ผิดที่ ผิดเวลา

มองโลกในแง่ดี มองโลกในแง่จริง คิดเยอะ คิดน้อย ปล่อยวาง ..... แต่ละอย่างมันต่างกันมากมาย

.... ไอทั้งหมดที่พิมพ์มา มันเหมือนกับ ครูใหญ่ ยังไม่สามารถทำแต่ละอย่างที่พยายามสอนเด็กๆ ได้เลย
ผมไม่อยากยกไปเปรียบเทียบกับครูใหญ่ท่านอื่นเลย แต่เหมือนว่า

- ตอนยุคป้าแจ๋ว .... ป้าแจ๋วสอนให้เด็กมองโลกในแง่ดี เข้าใจเขา เข้าใจเรา ... และพยายามหาเหตุปัจจัย (Root-cause)
เด็กอยู่กันมีความสุข (อาจจะวินัยต่ำไปบ้าง ด้วยหลายๆอย่าง ด้วยจำนวนคนที่น้อย)  ... แน่นอน เด็กทุกคนยอมรับ
เด็กๆ ทุกคนมีปัญหาก็อยากปรึกษา ตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ ป้าแจ๋วพูดชัดเจน และภายในแค่ 3 สัปดาห์ เด็กทั้งหมด
พร้อมเปิดใจคุยกับป้าแจ๋ว พร้อมเข้าไปกอด ..... ในปีนั้นยังมีครูเงาะ ซึ่งต้องจัดว่าเป็นบุคลากรด้านจิตวิทยาระดับเทพ
เพราะขุดด้วย NLP ซึ่งจัดว่าเป็นการบำบัดหาที่มาที่ได้ที่เยี่ยมที่สุดในโลกวิธีนึง ... แม้ NLP จะมาช้า แต่ก็เห็นได้ชัดว่า
ปัญหามากมายที่มีอยู่ของเด็ก หลังจากผ่าน NLP ไปแล้ว ถูกแก้ได้หมด

- ตอนยุคครูเอ๋ นรินทร .... ครูเอ๋ เป็นคนตรงไปตรงมา เด็ดขาด เฉียบคม และมองขาด ... หลายๆ ปัญหา ครูเอ๋พยายามแก้
ด้วยการให้เด็ก มองคนอื่นอย่างเข้าใจ (แน่นอนว่า เหตุการณ์จำ เช่น เปิดไมค์ สั่งเด็ดขาดให้เข้านอน ไม่ใช่กล่อมแบบครูใหญ่ปีนี้
หรือแม้แต่ เหตุการณ์ที่ให้มองทั้งข้อดี ข้อเสียของคนอื่น แต่ก็พยายามให้โฟกัสที่ข้อดี และหาวิธีร่วมแก้ข้อเสียกัน)
บุคลิกครูเอ๋ เฉียบขาด แต่ใจดี ... มีปัญหาเมื่อไร ครูเอ๋มีเหตุผลที่ฟังขึ้น ชนิดที่ว่า ทั้งคนดู ทั้งเด็ก มักจะยากเหลือเกิน
ที่จะหาคำแก้ตัวมาอ้างกับเหตุผลเหล่านั้น ..... แน่นอน ปีนั้นมีครูเล็กภัทราวดี .. ซึ่งเป็นระดับครู ของครู ของครู
ท่านมองเห็นเหตุ เห็นปัญหา เด็ดขาด ชัดเจน แก้ได้ฉับไว

- ตอนยุคครูรัก ครูปุ้ม .... ครูรัก เป็นสัญลักษณ์ของ AF ไปแล้ว ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง จริงอยู่ครูรักอาจจะมีอคติบวก/ลบ กับ
นักล่าฝันหลายๆคนอย่างชัดเจน แบบสัมผัสได้ .... แต่ทุกครั้งที่เข้าบ้าน ครูรัก ด้วยความเป็นครูทางสายแอ๊คติ้ง ซึ่งส่วนมากแล้ว
ครูสายนี้ มีคุณสมบัติที่ดีในการอ่านจริตคน ... ครูรัก สามารถหาเหตุการณ์ตัวอย่างที่นุ่มนวล เข้าใจได้ง่ายจากสายตาของเด็ก
แน่นอน สามารถจัดหากิจกรรมเพื่อละลายพฤติกรรมได้เหมาะสมกับกลุ่มนักล่าฝันทุกปี ... สร้างความสนิทสนม สร้างความรักในเด็ก
ได้ค่อนข้างดี ... ครูปุ้ม ด้วยความเป็นแม่(สูง) ครูปุ้มเป็นครูที่ให้ความเอ็นดูกับเด็กๆ มาก น้ำเสียงน่าฟัง ใช้เหตุผลค่อนข้างเยอะ
และเป็นคนใจเย็นมากๆ ในการทำให้เหตุการณ์แต่ละอย่างผ่านไป ... หลายครั้งจะเห็นครูปุ้มพยายามสั่งสอนเด็ก ด้วยอารมณ์ในโทน
แม่สอนลูก ... ดังนั้นเด็กๆ ก็จะรักครูปุ้มไม่ได้น้อยเลย ..... ในปีนั้น (ปี7) ดราม่ามีเยอะแยะมากมายก่ายกองมาก เรียกได้ว่า
ไม่แพ้ซีซั่นนี้ ... สิ่งนึงที่ต่างกันก็คือ ดราม่าในปี 7 เป็นดราม่าอันเกิดจาก ความง้องแง้งตามอายุ ... เด็กวัย 15 ปี มันเป็นอะไรที่
เป็นปกติมาก เพราะระดับความคิด มันยังไม่ได้ผ่านประสบการณ์ ไม่ผ่านผ่านการกลั่นกรองเลย ...

-------

ผ่านมาสองสัปดาห์เต็ม ... ผมยังไม่รู้สึกเลยสักนิดว่า ครูใหญ่สามารถแก้ปัญหาไหนในบ้านได้เลย ตอนนี้มีปัญหาตกค้างเยอะแยะมาก
ทุกครั้งที่ครูใหญ่เข้าบ้าน มันจะมีปัญหาตามมา ... เอเอฟ ไม่ใช่ค่ายทหาร เพราะทหารทำตามระเบียบ ทำตรามวินัย ... แต่เอเอฟ
เป็นศูนย์รวมของว่าที่ศิลปิน ... ขึ้นชื่อว่าศิลปิน อารมณ์มันไม่นิ่ง ไม่แน่นอนอยู่แล้ว มีความคิดเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ....
ผมรู้สึกเหมือน ครูใหญ่ยังมีความเข้าใจผิดๆ กับการสร้างคนประเภทนี้อยู่มาก .... ยิ่งสร้าง ยิ่งเกิดการต่อต้านภายในใจ
ว่ากันตามตรง แววตาที่เด็กมองครูใหญ่ปีนี้ มันต่างกับแววตาที่เด็กมองครูใหญ่ในปีก่อนๆ มากมาย ... เด็กหลายๆ คนมีแววตาต่อต้าน
อยู่ในใจ (มันดูออก เชื่อสิ คนดูเอเอฟ ดูเด็ก ตามติดสามเดือน มากันคนละกี่ซีซั่นแล้ว) ... แววตาต่อต้าน ดูไม่ยากเลย
ดูแววตาที่เด็กมอบให้ครูโรจน์ นั่นเป็นแววตาที่ยอมรับ อยากปรึกษา ... แววตาที่เด็กมองครูอู๋ คือเคารพ ยำเกรง ติดกลัวนิดๆ
แต่เด็กที่เลือกปรึกษาครูอู๋ ทุกครั้ง ได้วิธีการแก้ปัญหาแบบตรงไปตรงมากลับมาตลอด ..... แล้วแววตาที่เด็กมองครูใหญ่ล่ะ
มันเป็นแบบนั้นหรือเปล่า หลายครั้งมันเป็นแววตาที่ ไม่เชื่อ เป็นแววตาที่ คาใจ .... หลายครั้ง มีโมเมนท์ที่กล้องไม่จับ (กพศ)
หรือกล้องจับ แล้วเด็กบ่น เด็กรำคาญ เด็กประท้วง ข้อกำหนดหลายๆ อย่างที่ครูใหญ่ตั้ง ....

ผ่านมาจนถึงจุดนี้ ผมไม่รู้เหมือนกัน ว่ารายการ รับความคิดเห็นจากคนดูไปมากแค่ไหน ....
ผ่านมาจนถึงจุดนี้ ผมไม่รู้เหมือนกัน ว่าทัศนคติของเด็กที่อยู่ในบ้าน เป็นทัศนคติเชิงลบ มากแค่ไหน ...
ผ่านมาจนถึงจุดนี้ ผมไม่รู้เหมือนกัน ว่าครูใหญ่ มีทัศนคติ วิธีคิด เปลี่ยนไปจากวันแรกที่เข้าบ้านบ้างหรือยัง ....

แต่สำหรับผม ปีนี้ เป็นปีที่กระแสลบทั้งในแง่ของความอึดอัดในบ้าน เยอะที่สุดตั้งแต่ดูอย่างจริงจังมา
เป็นปีที่ กระทู้นอกบ้านเคลื่อนที่ไปช้าที่สุด ตั้งแต่เคยมีเอเอฟมา
เป็นปีที่ กระทู้เด็ก/การตั้งบ้าน ช้าที่สุด น้อยที่สุด ตั้งแต่เคยมีเอเอฟมา
และเป็นปีเดียว ที่ กระทู้เกี่ยวกับเด็ก น้อยกว่ากระทู้เกี่ยวกับรูปแบบรายการ


ผมเชื่อว่า คนดูไม่ได้มีปัญหากับการเปลี่ยนเป็นแบทเทิ้ล
คนดูอาจจะขัดใจบ้างกับจำนวนเด็กเยอะแยะ แต่ก็ดูไม่ได้มีปัญหากับสวิตชิ่งมากมาย
คนดูไม่น่าจะมีปัญหากับการคอมเมนต์ของคณะกรรมการ
คนดูไม่ได้โวยวายเรื่องคุณภาพเสียง หรือตารางเวลา
คนดูไม่ได้ผิดหวังกับคลาสว้อย คลาสแดนซ์ ...
แม้คนดูอาจจะผิดหวังกับแอ๊คติ้งบ้าง แต่ผมยังอยากให้เวลาอยู่ (ปีที่แล้วเขาทำไว้ดีมากจนเทียบยาก)

แต่คนดู กลับบอกเป็นเสียงเดียวกัน ทั้งผ่านเฟซบุ๊ค ผ่านพันทิบ ว่า ครูใหญ่ เป็นปัญหาของเอเอฟ
ซึ่งส่วนนึงก็สะท้อนกลับไปว่า สคริปที่รายการวางให้ครูใหญ่ ก็เป็นปัญหากับเอเอฟ ...

ตัวอย่างง่ายๆ ....
หากครูใหญ่ ลองให้เด็กได้ใช้ความคิดบ้าง เปิดช่องว่างให้คนเอาความเป็นตัวตนของตัวเองออกมาบ้าง
คุณจะพบว่า ปัญหาเรื่องอาบน้ำช้า แปรงฟันตอนเช้า เข้าแถวช้า ... ไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไม่ได้
ไม่ใช่ปัญหาที่จะสามารถแก้ได้ด้วยการ ตัดเวลาอาบน้ำ ... ไม่ได้แก้ได้ด้วยการ ห้ามแปรงฟันตอนเช้า
มันเป็นปัญหาที่ ต้องแก้ที่ทัศนคติของเด็กต่างหาก ... ถ้าเด็กอยากเรียน เด็กมีความสุขกับการเรียน
เด็กมีความสุขกับเพื่อนๆ จดจำกันได้เสมอ นึกถึงเพื่อนบ่อยๆ ... ปัญหามาช้า ปัญหาไม่ตามเพื่อน
ปัญหาทิ้งเพื่อน จะหมดไปเอง ... ทำนองเดียวกัน ปัญหาการไม่เข้านอน ก็ไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้
ชีวิตมนุษย์เรา ไม่ได้อยู่แต่เรียน เรียน เรียน และเรียน ... เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม และต้องการเวลา
ที่จะ เข้าสังคมด้วย ... มนุษย์ถวิลหาสังคมอยู่แล้วโดยสัญชาตญาณ ... คลาสที่แน่นระดับนี้
บังคับให้ซ้อมแทบตลอดเวลาที่ดูขนาดนี้ ลึกๆ ทุกคนอึดอัด ... แน่นอน ผลงานมันจะดรอปลงด้วย
เพราะยิ่งเครียด ยิ่งทำไม่ได้ ยิ่งคิดมาก ยิ่งโชว์ไม่ออก... (เรื่องนี้มีงานวิจัยรองรับนับสิบชิ้น
ว่าดว้ยว่า สัดส่วนการใช้สมอง/ความคิด กับ สัดส่วนการผ่อนคลาย/เข้าสังคม ที่เหมาะสมกับการ
ทำผลงานให้ดี) ... ปรับตารางเวลาใหม่ จัดเวลาให้พอเหมาะ จัดคลาสให้พอดี ให้โอกาสโชว์
ความเป็นตัวของตัวเองภายใต้บรรยากาศปกติบ้าง ... แล้วทุกอย่างมันจะลงตัวได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น
การต่อต้านในใจจะลดลง ... แต่ถึงผมจะพิมพ์ขนาดนี้ ผมก็ไม่ได้คิดว่าทรูจะมาอ่านหรือปรับ
หรือฟังหรือปรับปรุงอะไร ...

สองสัปดาห์แรก ผมตอบกระทู้หลายๆ ครั้ง ว่าให้รอดูไปก่อน ครูมาใหม่ก็ต้องใช้เวลาปรับตัวบ้าง
แต่จนถึงจุดนี้ ผมว่า มันก็ยังเป็นการเดินผิดทางอยู่ดี ... ไม่ได้แก้ไม่ว่า หนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ

คลาสเขียนความอึดอัดถึงพฤติกรรมเพื่อนๆ มันจะไปช่วยแก้ปัญหาอะไรได้
หากความอึดอัดใจจริงๆ ของเด็กแต่ละคน ไม่ได้เกิดจากเพื่อน
หากความอึดอัดใจจริงๆ มันเกิดจากตารางเวลา กิจกรรม รายการ
ที่ออกแบบมารัดกุมเกินไป (แล้วยกระฆังมากดดัน ทำให้แย่หนักขึ้นไปอีก)
จะมีเด็กคนไหนกล้าเขียน จะมีใครอยากพูดถึงรายการ ครู และอื่นๆ
เพราะถ้าพูดไป เขียนไป ก็โดนสั่งให้ไปตีระฆังออกอยู่ดี


สุดท้ายแล้ว
ผมไม่รู้ว่าทรูคิดยังไง แต่เรื่องพวกนี้ ผมว่าคนดูส่วนมาก คิดตรงกัน
ปีนี้ไม่มีใครค้านเรื่องเป้าหมาย ไม่มีใครค้านเรื่องวัตถุประสงค์ของรายการ
ที่เขาค้านกัน คือกระบวนการ และวิธีการที่ทำให้มันเกิด
อย่าให้สายเกินไป อย่าให้ช้าเกินไป .... เพราะไม่ใช่แค่รายการที่เสีย
แต่นักล่าฝันก็เสียด้วย .....
แต่สิ่งนึงที่ผมสังเกตเห็น... เด็กในรายการ รักครูโรจน์ รักครูอู๋ และเลือก
ปรึกษาปัญหากับครูสองท่านแรก มากกว่าครูใหญ่



จึงเรียนมาเพื่อนโปรดรับฟัง .... ด้วยความปรารถนาดี จากคนรักรายการนี้
ปล. ตอนนี้ Vote Limit ของผม ยังอยู่ที่ 4 บาท/1 นลฝที่ชอบ/1สัปดาห์
และคงไม่เพิ่มมากไปกว่านี้ หากรายการยังดำเนินไปแบบนี้อยู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่