บันทึกที่สาม
ผมกำลังเดินทางไปทำงานด้วยรถประจำทางตามปกติ
วันนี้ผู้โดยสารแน่นรถเหมือนทุกวัน
ผมโชคดีที่ขึ้นรถตั้งแต่ต้นทาง ผมจึงไม่ต้องยืนเบียดเสียดเหมือนคนอื่นๆ
เวลาเจ็ดนาฬิกาสามสิบนาที ในวันธรรมดา มีสภาพการจราจรที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ผมนั่งเหม่อลอย ก่อนจะคล้อยหลับไปด้วยความง่วง
ดิฉันกำลังเดินทางไปทำงานด้วยรถประจำทางตามปกติ
วันนี้ผู้โดยสารแน่นรถเหมือนทุกวัน
ดิฉันโชคไม่ดีที่ต้องมาขึ้นรถในย่านแออัด ทุกวันดิฉันต้องยืนเบียดกับคนอื่นๆไปตลอดทาง
เวลาเจ็ดนาฬิกาสามสิบนาที ในวันธรรมดา มีสภาพการจราจรที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ดิฉันยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไฟจราจรก็ยังคงเป็นสีแดงอยู่อย่างนั้น
รถประจำทางจอดป้ายหน้าตลาดแห่งหนึ่ง
มีคนจำนวนหนึ่งลงป้าย มีคนอีกจำนวนมากขึ้นมาสมทบ
รถยังคงแน่นขนัดเช่นเดิม
ผมตื่นขึ้นมาเห็นหญิงชราคนหนึ่งหอบของพะรุงพะรัง ยืนโหนรถด้วยท่าทางง่อนแง่น ใกล้ๆกับที่ผมนั่งอยู่
ผมมองไปรอบๆตัว เพื่อจะดูว่ามีใครไหมที่จะสละที่นั่งให้หญิงชราคนนี้
จุดหมายที่ผมต้องลงยังอีกไกล คงจะไม่ดีแน่ถ้าผมต้องยืนโหนรถไปอีกเป็นชั่วโมง
ผมหันมองดูหญิงชราคนนั้นอีกครั้ง มองไปที่คนรอบข้าง ผมเริ่มชั่งใจตัวเอง
ดิฉันหันมาเห็นหญิงชราคนหนึ่งหอบของพะรุงพะรัง ยืนโหนรถด้วยท่าทางง่อนแง่น ใกล้ๆกันมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่
ดิฉันคิดในใจว่าชายคนนั้นน่าจะลุกให้ผู้ที่อ่อนแอกว่าตนเองนั่ง นั่นเป็นสิ่งที่ผู้ชายควรกระทำ
จุดหมายของดิฉันยังคงอีกไกล ดังนั้นการแอบเฝ้าดูพฤติกรรมของคนอื่นจึงเป็นการแก้เบื่อได้ดี
ดิฉันมองดูหญิงชราคนนั้นอีกครั้ง มองผู้ชายที่ยังคงนั่งอยู่อย่างทองไม่รู้ร้อน ดิฉันตัดสินใจเดินแทรกกลุ่มคนเข้าไปหา
ในที่สุดความมีมโนสำนึกก็สั่งให้ผมลุกขึ้นจากที่นั่ง ผมควรต้องเสียสละในฐานะสุภาพบุรุษ
ในที่สุดดิฉันก็สามารถแทรกผ่านความแน่นขนัดมาอยู่ใกล้ๆกับผู้ชายใจแคบคนนั้น เตรียมที่จะต่อว่าเขาแรงๆ
...
ผมหยิบกระเป๋าเอกสารแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง จากนี้คงจะเมื่อยนิดหน่อย
แต่อย่างน้อยผมก็ภูมิใจสำหรับการทำความดีเล็กๆน้อยๆ
ดิฉันแทรกตัวลงนั่งทันทีที่เก้าอี้โดยสารว่าง รู้สึกสบายหลังจากเมื่อยมานาน
เปลี่ยนสีหน้าจากที่ไม่พอใจกลายเป็นรอยยิ้มยินดี เอ่ยขอบคุณสุภาพบุรุษคนนั้นเบาๆ
...ก่อนจะปิดเปลือกตาลง
ดินสอหัก
15.09.10.17.19
บันทึกที่สาม
ผมกำลังเดินทางไปทำงานด้วยรถประจำทางตามปกติ
วันนี้ผู้โดยสารแน่นรถเหมือนทุกวัน
ผมโชคดีที่ขึ้นรถตั้งแต่ต้นทาง ผมจึงไม่ต้องยืนเบียดเสียดเหมือนคนอื่นๆ
เวลาเจ็ดนาฬิกาสามสิบนาที ในวันธรรมดา มีสภาพการจราจรที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ผมนั่งเหม่อลอย ก่อนจะคล้อยหลับไปด้วยความง่วง
ดิฉันกำลังเดินทางไปทำงานด้วยรถประจำทางตามปกติ
วันนี้ผู้โดยสารแน่นรถเหมือนทุกวัน
ดิฉันโชคไม่ดีที่ต้องมาขึ้นรถในย่านแออัด ทุกวันดิฉันต้องยืนเบียดกับคนอื่นๆไปตลอดทาง
เวลาเจ็ดนาฬิกาสามสิบนาที ในวันธรรมดา มีสภาพการจราจรที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ดิฉันยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไฟจราจรก็ยังคงเป็นสีแดงอยู่อย่างนั้น
รถประจำทางจอดป้ายหน้าตลาดแห่งหนึ่ง
มีคนจำนวนหนึ่งลงป้าย มีคนอีกจำนวนมากขึ้นมาสมทบ
รถยังคงแน่นขนัดเช่นเดิม
ผมตื่นขึ้นมาเห็นหญิงชราคนหนึ่งหอบของพะรุงพะรัง ยืนโหนรถด้วยท่าทางง่อนแง่น ใกล้ๆกับที่ผมนั่งอยู่
ผมมองไปรอบๆตัว เพื่อจะดูว่ามีใครไหมที่จะสละที่นั่งให้หญิงชราคนนี้
จุดหมายที่ผมต้องลงยังอีกไกล คงจะไม่ดีแน่ถ้าผมต้องยืนโหนรถไปอีกเป็นชั่วโมง
ผมหันมองดูหญิงชราคนนั้นอีกครั้ง มองไปที่คนรอบข้าง ผมเริ่มชั่งใจตัวเอง
ดิฉันหันมาเห็นหญิงชราคนหนึ่งหอบของพะรุงพะรัง ยืนโหนรถด้วยท่าทางง่อนแง่น ใกล้ๆกันมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่
ดิฉันคิดในใจว่าชายคนนั้นน่าจะลุกให้ผู้ที่อ่อนแอกว่าตนเองนั่ง นั่นเป็นสิ่งที่ผู้ชายควรกระทำ
จุดหมายของดิฉันยังคงอีกไกล ดังนั้นการแอบเฝ้าดูพฤติกรรมของคนอื่นจึงเป็นการแก้เบื่อได้ดี
ดิฉันมองดูหญิงชราคนนั้นอีกครั้ง มองผู้ชายที่ยังคงนั่งอยู่อย่างทองไม่รู้ร้อน ดิฉันตัดสินใจเดินแทรกกลุ่มคนเข้าไปหา
ในที่สุดความมีมโนสำนึกก็สั่งให้ผมลุกขึ้นจากที่นั่ง ผมควรต้องเสียสละในฐานะสุภาพบุรุษ
ในที่สุดดิฉันก็สามารถแทรกผ่านความแน่นขนัดมาอยู่ใกล้ๆกับผู้ชายใจแคบคนนั้น เตรียมที่จะต่อว่าเขาแรงๆ
...
ผมหยิบกระเป๋าเอกสารแล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง จากนี้คงจะเมื่อยนิดหน่อย
แต่อย่างน้อยผมก็ภูมิใจสำหรับการทำความดีเล็กๆน้อยๆ
ดิฉันแทรกตัวลงนั่งทันทีที่เก้าอี้โดยสารว่าง รู้สึกสบายหลังจากเมื่อยมานาน
เปลี่ยนสีหน้าจากที่ไม่พอใจกลายเป็นรอยยิ้มยินดี เอ่ยขอบคุณสุภาพบุรุษคนนั้นเบาๆ
...ก่อนจะปิดเปลือกตาลง
ดินสอหัก
15.09.10.17.19